1. ความเที่ยงตรงตามเนื้อหา ใช้วิธีการดังต่อไปนี้ 1.1 พิจารณาความสอดคล้องกันระหว่างข้อคำถามกับเนื้อหาของรายวิชาที่นำมาสร้าง ข้อสอบ และมีจำนวนข้อเป็นไปตามสัดส่วนของน้ำหนักในแต่ละเนื้อหาของรายวิชานั้นหรือไม่ 1.2 อาศัยดุลยพินิจของผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาเป็นผู้พิจารณา 2. ความเที่ยงตรงตามโครงสร้าง แบบทดสอบที่จะมีความเที่ยงตรงตามโครงสร้างนั้นเป็นแบบทดสอบที่สามารถวัดได้สอดคล้องกับคุณลักษณะตามทฤษฎีของสิ่งนั้น ๆ ใช้วิธีการดังนี้ 2.1 อาศัยดุลยพินิจของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาเป็นผู้พิจารณาตัดสิน 2.2 เปรียบเทียบกับกลุ่มที่มีลักษณะต้องการวัดเป็นเกณฑ์โดยการทดสอบทางสถิติ 2.3 ใช้แบบทดสอบที่วัดคุณลักษณะเดียวกันที่เป็นมาตรฐานแล้วเป็นตัวเกณฑ์โดยหาความสัมพันธ์ 3. ความเที่ยงตรงตามสภาพ แบบทดสอบที่มีความเที่ยงตรงตามสภาพเป็น แบบทดสอบที่สามารถให้ผลการวัดสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของคุณลักษณะนั้น ในขณะนั้น เช่นคนที่เก่งการคำนวณมากที่สุดในชั้น ก็ควรจะสอบข้อสอบทางสถิติได้เป็นที่ 1 ในการหาความเที่ยงตรงตามสภาพความเป็นจริงที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่วัดนั้นมาหาความสัมพันธ์กัน ถ้าค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์สูงก็แสดงว่าแบบทดสอบที่สร้างขึ้นนั้นมีความเที่ยงตรงตามสภาพ ซึ่งใช้สูตรในการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson Product – Moment Coefficient correlation ) ดังนี้ แทน ค่าความเที่ยงตรงตามสภาพ แทน ผลรวมของผลคูณระหว่าง X กับ Y แทน ผลรวมของคะแนน X แทน ผลรวมของคะแนน Y แทน ผลรวมของคะแนน X แต่ละตัวยกกำลังสอง แทน ผลรวมของคะแนน Y แต่ละตัวยกกำลังสอง N แทน คะแนนคนที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง หมายเหตุ การคำนวณสามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โปรแกรม SPSS และโปรแกรมอื่นได้ 4. ความเที่ยงตรงตามพยากรณ์ แบบทดสอบที่มีความเที่ยงตรงตามพยากรณ์ เป็นแบบทดสอบที่สามารถให้ ผลการวัดสอดคล้องกับสภาพในอนาคต เช่น คนที่ทำแบบทดสอบคณิตศาสตร์ได้ขณะนี้ต่อไปในอนาคตก็ควรจะเรียนคณิตศาสตร์ได้เก่งด้วย ในการหาความเที่ยงตรงตามพยากรณ์ หาโดยการนำผลการวัดของแบบทดสอบที่สร้างขึ้น และผล การวัด ของแบบทดสอบในอนาคตที่เป็นวิชาเดียวกันมาหาความสัมพันธ์กัน ถ้าค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์สูงก็แสดงว่าแบบ ทดสอบที่สร้างขึ้นนั้นมี ความเที่ยงตรงตามพยากรณ์โดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันเช่นเดียวกับ ความเที่ยงตรงตามสภาพ