ชนิดของการพัฒนา
(Types of Adaptation) |
|
การออกกำลังกายที่มีความแตกต่างกันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเส้นใยกล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน
การออกกำลังกายประเภทความอดทน เช่น การวิ่งหรือว่ายน้ำอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะการทำงานของเส้นใยกล้ามเนื้อชนิดหดตัวเร็วบี
(FTb) ไปเป็นเส้นใยชนิดหดตัวเร็วเอ (FTa) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของเส้นใยมีการแสดงให้เห็นว่ามีการเพิ่มขึ้นของไมโตคอนเดรีย
ปริมาณหลอดเลือกแดง และความแข็งแรง การออกกำลังกายประเภทความอดทนจะเป็นผลให้มีการเปลี่ยนแปลงของระบบหัวใจไหลเวียนเลือดและระบบหายใจซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อได้รับออกซิเจนและคาร์โบไฮเดรตมากขึ้นแต่ไม่ได้มีการสนับสนุนให้มีการเพิ่มขึ้นของมวลกล้ามเนื้อ
ตรงกันข้าม การออกำลังกายประเภทความแข็งแรง ได้มีการแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาของสภาพชีววิทยา
(Biological) จะเกิดขึ้นจากการปรับตัวทางด้านประสาท (Neurogenic)
และกล้ามเนื้อ (Myogenic) ขององค์ประกอบภายในกล้ามเนื้อ การเปลี่ยนแปลงของประสาทจะเกิดขึ้นก่อนและการปรับปรุงเทคนิคจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการทำงานของหน่วยยนต์
(Motor Units) การระดมหน่วยยนต์ (Recruit) และการปรับปรุงการทำงานอย่างประสานสัมพันธ์
(Synchronize)ของหน่วยยนต์ ส่วนการพัฒนาทางด้านกล้ามเนื้อจะเกิดขึ้นภายหลังจากมีการพัฒนาทางระบบประสาทอย่างเต็มที่
โดยจะส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของความสัมพันธ์ (Coordination)
ในการทำงานของระบบประสาทกล้ามเนื้อ คุณลักษณะของเส้นใยกล้ามเนื้อชนิดหดตัวช้า
(ST)เปลี่ยนเป็นชนิดหดตัวเร็ว (FT) และกล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น
(Hypertrophy) และความแข็งแรงของเส้นใยกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของขนาดกล้ามเนื้อจะเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปัจจัยดังต่อไปนี้ |
|
1. จำนวนของใยกล้ามเนื้อ
(Myofibrils) (การเพิ่มขึ้นของขนาดกล้าม) |
|
2. ความหนาแน่นของหลอดเลือดฝอย
(Capillaries Density) ต่อเส้นใยกล้ามเนื้อ (Muscle Fiber) |
|
3. จำนวนโปรตีนภายในเส้นใยกล้ามเนื้อ |
|
4. จำนวนเส้นใยกล้ามเนื้อทั้งหมด
(Muscle Fibers) |
|
โดยการเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อจะแบ่งออกได้
2 ลักษณะ คือ การเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อช่วงสั้น (Short-term
Hypertrophy) เป็นผลของการเพิ่มขึ้นของของเหลว (บวมน้ำ) ในกล้ามเนื้อ
ในช่วงเวลา 2 3 ชั่วโมงหลังการฝึกซ้อมด้วยแรงต้านทานที่มีความหนัก
การยกน้ำหนักที่มีความหนักจะเป็นผลทำให้มีการเพิ่มขึ้นของปริมาณของน้ำในเซลล์
(Intracellular) ของกล้ามเนื้อ จึงทำให้ดูเหมือนว่ากล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น
แต่เมื่อน้ำในเซลล์กล้ามเนื้อกลับคืนสู่กระแสเลือดหลังจากการฝึกซ้อม
2 3 ชั่วโมง ขนาดของกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นในตอนแรกจะกลับคืนสู่ปกติ |
|
การเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้ออย่างถาวร
(Chronic Hypertrophy) เป็นผลของการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของกล้ามเนื้อ
คือ เส้นใยของกล้ามเนื้อมีขนาดเพิ่มขึ้น โดยมีความเชื่อว่าเป็นผลของปรับสภาพของร่างกาย
ให้อยู่ในสภาพสมดุลระหว่างการใช้ไปและการสร้างขึ้นกลับคืน
ขณะและหลังการฝึกซ้อมในแต่ละครั้งที่มีความหนักสูง ความเข้มข้นของโปรตีนในกล้ามเนื้อที่มีการทำงานจะลดต่ำลง
ถ้าการอ่อนล้าของกล้ามเนื้อไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการพร่องลงของเอทีพี
การฟื้นสภาพของนักกีฬาหลังการฝึกซ้อมในแต่ละครั้ง ร่างกายจะมีการสร้างโปรตีนขึ้นกลับคืนในกล้ามเนื้อที่มีการทำงาน
แต่ด้วยเหตุที่ร่างกายไม่รู้ถึงระดับความเข้มข้นของโปรตีนที่มีอยู่ในกล้ามเนื้อร่างกาย
จึงมีการสร้างโปรตีนขึ้นกลับคืนในกล้ามเนื้อมากกว่าปกติ (ระดับก่อนฝึกซ้อม)ซึ่งจะเป็นผลทำให้ขนาดของเส้นใยกล้ามเนื้อมีการเพิ่มขึ้น |
|
การเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อยังอาจจะเป็นผลของฮอร์โมนเทสโทสเดอโรน
ซึ่งพบว่ามีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ ทั้งนี้ถ้าพิจารณาถึงคุณสมบัติทางสรีรวิทยาของกล้ามเนื้อระหว่างเพศชายและเพศหญิงจะพบว่ากล้ามเนื้อของเพศชายและเพศหญิงจะไม่แตกต่างกัน
แต่ปกตินักกีฬาชายจะมีขนาดของกล้ามเนื้อใหญ่กว่า ความแตกต่างนี้จะเป็นผลของความเข้มข้นของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน
ซึ่งเพศชายจะมีมากกว่าเพศหญิงถึงประมาณ 10 เท่า อย่างไรก็ตาม
ขณะที่ฮอร์โมนเทสโทสเตอรโรนดูเหมือนจะสนับสนุนการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ
แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่แสดงให้เห็นว่าฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเพียงอย่างเดียวจะสนับสนุนให้มีการเพิ่มขึ้นของขนาดกล้ามเนื้อ |
|
นอกจากนี้
ยังเป็นไปได้ที่ว่าการเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้ออาจจะเป็นการสนับสนุนของการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของเส้นใยกล้ามเนื้อชนิดหดตัวช้า
(ST) ไปสูเส้นใยกล้ามเนื้อชนิดหดตัวเร็ว (FT) จากการฝึกซ้อมด้วยน้ำหนัก
ซึ่งจะตรงข้ามกับการออกกำลังกายประเภทความอดทนจะส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของเส้นใยกล้ามเนื้อชนิดหดตัวช้า
ขณะที่การปรับตัวของกล้ามเนื้อจากการฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงหรือเพื่อเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน
แต่การฝึกเพื่อเพิ่มความอดทนของกล้ามเนื้อจะแตกต่างออกไป การออกกำลังกายประเภทอดทนจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของเส้นใยกล้ามเนื้อชนิดหดตัวเร็วเป็นตัวเร็วเอ
(Type IIa) เพราะเส้นใยกล้ามเนื้อชนิดหดตัวเร็วเอ มีความสามารถในการทำงานแบบใช้ออกซิเจนได้ดีกว่าชนิดหดตัวเร็วบี
|