ด้านการศึกษา (Education)
ในด้านการศึกษามีการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้งานอย่างแพร่หลาย ทำให้คนที่เกิดมาในยุคปัจจุบัน ได้เปรียบกว่าคนในยุคก่อน เนื่องจากมีเทคโนโลยี อำนวยความสะดวกในเรื่องการศึกษาหาความรู้ได้อย่างกว้างไกล ไม่มีขีดจำกัด คือ

ในห้องเรียนและห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย จะมีห้องปฎิบัติการ คอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการเรียนการสอนตามรายวิชาของแต่ละโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย เพื่อฝึกทักษะการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งโดยทั่วไปก็จะมี เช่น MS-Windows XP, MS-Office, Visual Basic.Net, Java เป็นต้น ในบางมหาวิทยาลัยในห้องเรียนสอนภาคทฤษฎีจะมีคอมพิวเตอร์ตั้งไว้ประจำห้องสอน เพื่อให้ครู หรืออาจารย์ ใช้เป็นสื่อเพื่อนำเสนอการสอน โดยใช้โปรแกรม MS-Powerpoint ทั้งนี้เพื่อทำให้การเรียนการสอนน่าสนใจยิ่งขึ้น

การลงทะเบียน ให้นักเรียนหรือนักศึกษาทำการลงทะเบียนเรียนรายวิชาผ่านคอมพิวเตอร์ หรือ อินเตอร์เน็ต ซึ่งก็มีตั้งแต่การจัดคอมพิวเตอร์เอาไว้ประจำห้อง สำหรับให้นักเรียน นักศึกษาทำการลงทะเบียนเอง บางแห่งอาจให้นักศึกษาทำการลงทะเบียนเองผ่านอินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา นักศึกษาสามารถตรวจสอบรายวิชาเรียนและวันเวลาที่ตนเองสะดวกที่จะลงทะเบียนเรียนได้ หรือตรวจสอบที่นั่งในห้องเรียนว่า กลุ่มใดที่มีที่นั่งยังไม่เต็ม เป็นต้น ทำให้ได้รับความสะดวกรวดเร็ว

การตรวจข้อสอบปรนัย ปัจจุบันตามโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยนิยมใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วย ตรวจข้อสอบกันอย่างแพร่หลาย โดยมีเครื่องอ่านจดจำสัญลักษณ์ด้วยแสง (Optical Mark Recognition : OMR) เป็นตัวช่วยทำให้การตรวจข้อสอบปรนัยรวดเร็วขึ้น เครื่องอ่านจดจำสัญลักษณ์ด้วยแสง จะใช้ระบบการรู้จำสัญลักษณ์ด้วยแสง มีการใช้แสงอ่านสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายที่ได้ทำไว้แล้ว เปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์ไฟฟ้าส่งต่อให้หน่วยประมวลผล ( สรรรัชต์ ห่อไพศาล : 2546 : 57)

การตัดเกรด เป็นโปรแกรมแต่ละสถาบันพัฒนาขึ้นมาเอง เพื่อช่วยเป็นเครื่องมือของอาจารย์ในการ ทำงานได้เร็วขึ้นแทนการทำงานด้วยมือ เมื่อก่อนมีการใช้งานกันมาตั้งแต่การติดตั้งลงบนระบบปฏิบัติการ MS-DOS ต่อมามีการพัฒนาปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้บนระบบปฏิบัติการ MS-Windows และล่าสุดพัฒนาขึ้นมาเป็นเวอร์ชั่นที่สามารถใช้งานบนอินเตอร์เน็ตได้ เรียกว่า การตัดเกรดบนอินเตอร์เน็ต

คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Aided Instruction : CAI) เป็นโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาในลักษณะของสื่อผสมหรือมัลติมีเดีย (Multimedia) คือ มีทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว เสียงดนตรี สำหรับคำว่า มัลติ (Multi) หมายถึง สื่อหลายๆ อย่างรวมกันมากกว่าหนึ่ง ส่วนคำว่า มีเดีย (Media) หมายถึงสื่อข่าวสาร ช่องทางการติดต่อสื่อสาร เมื่อนำมารวมกันเป็นคำว่า “ มัลติมีเดีย ” จึงหมายถึง การนำองค์ประกอบของสื่อชนิดต่างๆ มาผสมผสานเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยตัวอักษร (Text), รูปภาพ (Image), ภาพเคลื่อนไหว (Animation), เสียง (Sound) และวิดีโอ (Video) โดยผ่านกระบวนการทางคอมพิวเตอร์ เพื่อสื่อความหมายให้กับผู้ใช้ในรูปแบบของปฏิสัมพันธ์ (Interactive) เพื่อช่วยสนับสนุนในการเรียนรู้ของเด็ก นักเรียน นักศึกษา หรือของผู้ใช้ ให้มีความน่าสนใจและเรียนรู้ได้เร็วขึ้น มัลติมีเดียเป็นสื่อที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่บนเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ โดยผ่าน CD-ROM และระบบอินเตอร์เน็ต การนำเอาระบบมัลติมีเดียไปประยุกต์ใช้มีหลายรูปแบบ เช่น การสร้างบทเรียนสำเร็จรูป , การโฆษณา , การนำเสนอสินค้าและบริการ เป็นต้น

แสดงคอมพิวเตอร์ช่วยสอน

การเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) เป็นระบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้หรือผู้เรียนสามารถเข้ามา ศึกษาเรียนรู้ได้ตลอดเวลาผ่านเว็บไซต์ หรืออินเตอร์เน็ตในส่วนของมหาวิทยาลัยในปัจจุบันมีสถาบันที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ผ่านระบบ e-Learning มากถึง 70 % (Gary B. Shelly : 2005 : 33) และบางมหาวิทยาลัยมีข้อเสนอให้ปริญญา ด้วยระบบเรียนรู้ผ่าน e-Learning หรือออนไลน์นี้ด้วย ตัวอย่าง สถาบัน MIT (Massachusetts Institute of Technology) มหาวิทยาลัยที่มื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ได้เสนอเปิดเรียนทางระบบออนไลน์ให้กับผู้สนใจฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหลายวิชา สำหรับในประเทศไทยได้มีมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย ของสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาได้จัดการเรียนการสอนในรูปแบบอีเลิร์นนิ่ง

แสดงเว็บไซต์ e-Learning ของมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย

        
นักศึกษาช่วยกันคิดเพิ่มเติมนะคะว่า ยังมีการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ทางการศึกษาในงานอะไรอีกบ้าง???
 


         
กลับหน้าหลัก กลับหัวข้อการเรียน กลับหน้าก่อน หน้าถัดไป