วิทยาศาสตร์การกีฬาเป็นศาสตร์ที่เริ่มต้นมาจากการพัฒนาการทางด้านพลศึกษา เพราะตามความเป็นจริงแล้วได้มีการนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬานี้
                                        มาใช้ให้เป็นประโยชน์ในวิชาพลศึกษา  และในชีวิตประจำวันตั้งแต่สมัยโบราณนานมาแล้ว  แต่ความรู้เหล่านี้เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์  และชีวิตการเป็นอยู่
                                        ในขณะนั้นเท่านั้น  วิทยาศาสตร์การกีฬาจึงไม่ได้เป็นที่รู้จักและเป็นศาสตร์ที่มีตัวตนเหมือนในปัจจุบัน 
                                         เริ่มต้นจากชาวกรีกโบราณมีความเชื่อว่าการพลศึกษาและการออกกำลังกายเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงมีสุขภาพที่ดี 
                                          การศึกษาของเยาวชนชาวกรีกทุกคน  จึงได้เน้นที่การดนตรีเพื่อพัฒนาทางด้านจิตใจควบคู่ไปกับการศึกษาด้านพลศึกษาหรือการออกกำลังกาย 
                                          เพื่อพัฒนาทางด้านร่างกายให้ร่างกายมีความแข็งแรงมีสุขภาพที่ดีสมบูรณ์เด็กและเยาวชนที่อยู่ในวัยเรียนจะอยู่ในสถานศึกษาที่เรียกว่า  พาเรสตรา( Palaestra) 
                                          ซึ่งมีไพโดไทรป์ (Paidotribe)  ซึ่งเทียบได้กับครูพลศึกษาจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่สอนเด็กให้รู้จักพลศึกษาและการออกกำลังกาย  ด้วยกิจกรรมต่างๆ 
                                          ให้รู้จักวิธีพัฒนาความแข็งแรง และความทนทานของร่างกาย เมื่อเด็กและเยาวชนเหล่านี้มีอายุระหว่าง  14-16 ปี ก็จะให้เรียนในสถานพลศึกษาที่เรียกว่า ยิมเนเซียม(Gymnasium)
                                          ในสถานที่แห่งนี้มีครูผู้สอนที่เป็นนักพลศึกษาสอนกิจกรรมต่างๆ  ที่เคยได้เรียนในพาเรสตรามาแล้วควบคู่ไปกับกิจกรรมการขี่ม้า การวิ่ง  
                                          แข่งขันล่าสัตว์ และอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อให้เยาวชนเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง  มีสุขภาพที่ดีเป็นสำคัญ 
                                         กีฬาโอลิมปิกที่มีการแข่งขันทุก4 ปี ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้  ก็เป็นการแข่งขันที่มีการเริ่มต้นจากชาวกรีกโบราณเมื่อ 776  ปีก่อคริสต์ศักราช เช่นเดียวกัน 
                                          แม้การแข่งขันกีฬานี้จะได้ถูกยกเลิกไปโดยกษัตริย์โรมันเมื่อ  ค.ศ. 394 และได้มีการรื้อฟื้นขึ้นมาอีกโดยบารอน เบียร์ เดอร์  คูแบร์แตง (Baron Pierre de Coubertin) 
                                          เมื่อ ค.ศ. 1986 ก็ตาม แต่การแข่งขันในครั้งนี้ยังเป็นการแข่งขันที่เนื่องมาจากพื้นฐานความเชื่อเดิมที่ว่าการออกกำลังกายจะช่วยทำให้ร่างกายมีความแข็งแรง  
                                          มีสุขภาพที่ดีเป็นสำคัญนั้นเอง 
                                         ในสมัยโบราณโรมันเป็นมหาอำนาจและสามารถปราบปรามข้าศึกศัตรูได้อย่างราบคาบนั้น  ก็เนื่องมาจากการที่โรมันมีความเชื่อในเรื่องผลของการออกกำลังกาย  และได้มีการใช้กิจกรรมการออกกำลังกายแบบต่างๆ เพื่อฝึกฝนให้ทหารและประชาชนพลเมืองมีร่างกายที่แข็งแรงและให้กองทัพมีความเข้มแข็งเกรียงไกร  และโรมันจะมี
                                          การล่มสลายในเวลาต่อมานั้น  สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับและรู้จักดีอย่างหนึ่งคือไม่ได้ปฏิบัติตามความเชื่อในผลของการออกกำลังกาย
                                          ควบคู่ไปกับการอยู่และใช้ชีวิตบนความสะดวกสบายตามแบบฉบับของผู้ชนะจนลืมเรื่องการออกกำลังกายความอ่อนแอจึงเกิดขึ้นทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจโดยไม่รู้สึกตัว  และในที่สุด
                                          โรมันก็ล่มสลายในปี ค.ศ. 476 เมื่อถึงสมัยฟื้นฟูวิทยาการประมาณระหว่างศตวรรษที่  14-16 ก็ได้มีบุคคลสำคัญและผู้นำด้านต่างๆ ที่เป็นที่รู้จักดีในขณะนั้นได้เห็นความสำคัญ
                                          และเชื่อในผลของการออกกำลังกายทั้งนั้นเช่น  วิทโตริโน ดา เฟลเตร (Vittorino da Feltra 1378-1446),พิเอโตร  เฟอร์เจอิโอ (Peitro Vergerio  1349-1428)
                                          ฟลอเรนล์  (Florence),โป๊ป   ไพอัส  ที่  2  (Pope  Pius   II  1405-1464), เซอร์   ธอมาส   อีเลียท  (Sir  Thomas   Elyot  1490-1546),ฟรังซัว  ราเบลไลส์
                                          (Francois Rabelais  1490-1553), จอน  ลอกค์ (John  Locke   1632-1704),จัง   จัค  รุสโซ  (Jean   Jacques  Rousseou 1712-1778)   ก็ได้มีความเชื่อในแนวเดียวกันว่าการออกกำลังกายหรือการพลศึกษานอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรง  มีสุขภาพดี จิตใจมีความสัมพันธ์กันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วย  
                                         จากความเชื่อว่าการออกกำลังกายหรือการพลศึกษาช่วยทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงและมีสุขภาพดีนี้เอง  ทำให้ประเทศต่างๆ   ในยุโรปได้มีการส่งเสริมให้มีการออกกำลังกาย
                                          และมีการเรียนการสอนวิชาพลศึกษาเป็นอย่างมาก  เช่น   ในประเทศเยอรมัน  โจฮันน์  เบอร์นาร์ด เบส โดว์  (Johann  berahard   Basedow  1723-1790)ได้จัดตั้งโรงเรียนก็ได้แก่กิจกรรมการออกกำลังกายและกิจกรรมพลศึกษาต่างๆ
                                          เช่น   การเต้นรำ  การฟันดาบ   การขี้ม้า   การวิ่ง  การกระโดด  มวยปล้ำ   ว่ายน้ำ  สะเก็ตและการเดินแถว  โจฮันน์   คริสตอพ  ฟริดริค  กัตส์   มัทส์
                                          (Johann  Christoph   Friedrich  Guts  Muts   1759-1839)   ก็เป็นอีกผู้หนึ่ง
                                          ที่ได้เขียนหนังสือขึ้นมาที่สำคัญมีสองเล่ม  คือ   หนังสือ พลศึกษาสำหรับวัยหนุ่มสาว  และ เกมส์   สำหรับใช้สอนพลศึกษาและสำหรับ   ฟริดริค  ลุดวิก จาน 
                                          (Friedrich  Lodwig   Jahn  1778-1852) นั้นจากความรู้สึกในความรักชาติและความมีชาตินิยมที่มีอยู่ในตัวของเขา
                                          ได้นำเอาความเชื่อในผล 
                                          ของการออกกำลังกายที่มีต่อร่างกายมาเป็นเครื่องมือในการที่พัฒนาเยาวชนชาวเยอรมันให้เป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง  และบึกบึนพร้อมที่จะเป็นทหารที่เข้มแข็งของชาติ  และได้ทำการปลดแอกและกอบกู้เอกราชของประเทศให้หลุดพ้นจากการครอบครองของฝรั่งเศษ  ตั้งแต่   ค.ศ.1808  ได้เป็นผลสำเร็จ 
                                         ที่กล่าวมาตั้งแต่ต้นนี้ก็เพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่า  วิทยาศาสตร์การกีฬาในระยะตอนต้นๆ   นั้นเป็นที่รู้จักกันก็ในแง่ของผลของการออกกำลังกายหรือผลของการพลศึกษาที่มี
                                          ต่อร่างกายเท่านั้น   และผลที่เป็นที่รู้จักเหล่านั้นก็เป็นผลที่ได้รับจาการสังเกตหรือจากประสบการณ์ที่ผ่านๆ  มาเท่านั้น   โดยยังไม่มีหลักวิชาการที่จะพิสูจน์ให้ทราบได้ว่า
                                          เพระเหตุใด   หรือว่าทำไปการออกกำลังกายหรือการพลศึกษาจึงมีผลต่อร่างกายเช่นนั้นคือเพียงรู้ว่า   เมื่อออกกลังกายแล้วร่างกายมีกล้ามเนื้อโตขึ้นเหล่านี้ได้เกิดขึ้นมาอย่างไร
                                          และทำไปจึงได้เกิดขึ้น   หรือว่าเกิดขึ้นมากน้อยแก่ไหนอันเนื่องมาจากสาเหตุอะไรนั้นยังไม่ได้เป็นที่สนใจและได้ทำการศึกษาอย่างจริงๆ  จังๆ   จนกระทั่งมาถึงสมัยเปอร์   เฮนริค  ลิง
                                          (Per  Herilk   Ling  1776-1839)  ซึ่งเป็นนักการพลศึกษาชาวสวีเดนได้เริ่มนำหลักวิชาการทางกายวิภาค  และสรีรวิทยามาประยุกต์กับการพลศึกษาและการออกกำลังกายขึ้น
                                          เป็นครั้งแรก   ซึ่งนับว่าจุดเริ่มต้นของวิทยาศาสตร์การกีฬาของสมัยปัจจุบัน 
                                         ลิงได้เริ่มต้นด้วยการนำวิธีการทางด้านวิทยาศาสตร์มาศึกษา  วิเคราะห์และแก้ปัญหาต่างๆ   ทางพลศึกษาและการออกกำลังกายเพื่อให้การพลศึกษาและการออกกำลังกาย
                                          ได้เป็นอย่างถูกต้องตามหลักวิชาและได้ผลดียิ่งขึ้น  โดยลิงได้มีความเชื่อว่า  การวิเคราะห์ระบบและส่วนต่างๆ  ของร่างในรูปแบบต่างๆ  ได้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น   และในขณะเดียวกัน
                                          การนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาเป็นแนวทางในการศึกษาและวิเคราะห์เช่นนี้จะทำให้สามารถเข้าใจถึงลักษณะธรรมชาติของร่างกาย  ความต้องการของร่างกายที่แท้จริง
                                          ทำให้สามารถจัดกิจกรรม
                                          ให้เหมาะสมกับสภาพของร่างกายได้ดียิ่งขึ้นด้วย   การศึกษาและวิเคราะห์เหล่านี้ลิงได้มุ่งประเด็นไปในเรื่องต่างๆ  เช่น   การออกกำลังกายมีผลต่อ  หัวใจ
                                          ต่อกล้ามเนื้อ  และต่อระบบต่างๆ  ของร่างกายอย่างไร 
                                         จากหลักการนี้เอง  ลิงจึงได้จัดการพลศึกษาของเขาออกเป็น  3  รูปแบบ  คือ   แบบที่หนึ่งเรียกว่า การพลศึกษาสำหรับโรงเรียน  แบบที่สองเรียกว่าการพลศึกษาสำหรับการทหาร   และแบบสุดท้ายเรียกว่าการพลศึกษาสำหรับการเวชศาสตร์  ลิงเห็นว่าการพลศึกษาหรือการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและสำคัญ  ทั้งในผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง  และ
                                          ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ   และการพลศึกษาหรือการออกกำลังกายควรจะจัดให้ตามลักษณะความแตกต่างของสภาพร่างกายของแต่ละคน   และการที่บุคคลจะประกอบกิจการงาน
                                          ได้ดีนั้นบุคคลนั้นจะต้องมีความสมบูรณ์ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งอันหนึ่งด้วย   ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ลิงจึงเห็นว่าความรู้ทางด้านผลของการออกกำลังกายที่มีต่อระบบต่างๆ 
                                          ของร่างกายนี้จึงเป็นความรู้ที่เป็นพื้นฐานที่จำเป็นและสำคัญสำหรับครูพลศึกษาเป็นอย่างมาก 
                                         จากการเริ่มต้นของลิงในครั้งนี้ทำให้ได้มีการศึกษาค้นคว้าทางด้านนี้อย่างกว้างขวาง  ในเวลาต่อมา เช่นแรกทีเดียว  เบอร์กแมน (Bergmann)
                                          ได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบ
                                          อัตราส่วนระหว่างน้ำหนักของหัวใจกับน้ำหนักของร่างกายของสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าชนิดเดียวกัน
                                          ผลปรากฎว่าหัวใจของสัตว์ป่ามีน้ำหนักมากกว่าสัตว์เลี้ยง  และในการทดลอง
                                          ตอนหนึ่งของ  เบอร์กแมน  ที่ใช้สุนัขพวกหนึ่งไม่ให้มีการเคลื่อนไหวเลย  แต่อีกพวกหนึ่งให้ออกกำลังกายเช้า  เย็น   เป็นเวลา  4  เดือน   ผลปรากฏว่าสุนัขที่ออกกำลังกายอยู่เสมอเป็นประจำมี น้ำหนักของหัวใจมากกว่าสุนัข
                                          ที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย  และในปี   1899  เฮนเซล  (Henshel)  ซึ่งเป็นแพทย์ชาวสวีเดน  ได้ทำการศึกษาขนาดของหัวใจของนักเล่นสกี 
                                          ปรากฎว่านักเล่นสกีอยู่เสมอเป็นประจำเป็นผู้ที่มีขนาดของหัวใจโตกว่าคนที่มีร่างกายเป็นปกติคนอื่นๆ  ที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย  จนกระทั่งมาถึงในสมัยปัจจุบันนี้
                                          นอกจากจะมีการศึกษาผลของการออกกำลังกายที่มีต่อระบบต่างๆ   ของร่างกายในรายละเอียดทุกแง่ทุกมุมของแต่ละระบบอีกด้วย  เช่น  ในระบบไหลเวียน
                                          ของเลือดจะมีการศึกษาถึงผลของการออกกำลังกายที่มีต่อหัวใจ  ต่ออัตราการเต้นของหัวใจ  ต่อปริมาณของโลหิตที่หัวใจส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ  ของร่างกาย   ต่อเส้นโลหิตต่อเม็ดเม็ดโลหิต   และต่อสารเคมี
                                          ีที่มีอยู่ในโลหิต   พร้อมทั้งมีการเปรียบเทียบกันทั้งก่อน   ระหว่าง   และหลังจากการออกกำลังกายในรูปแบบและ
                                          ชนิดต่างๆ  ในระดับอุณหภูมิต่างๆ  ที่แตกต่างกันด้วย  นอกจากนั้นในบางครั้งก็ยังมีการศึกษาผลของการออกกำลังกายเหล่านี้ทั้งในบรรยากาศที่อยู่
                                          ในระดับน้ำทะเลและที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากๆ  ด้วย   เหล่านี้เป็นต้น
                                          จากการที่ได้มีการศึกษาผลของ
                                          การออกกำลังกายที่มีต่อระบบต่างๆ ของร่างกายอย่างละเอียดถี่ถ้วนเหล่านี้จึงทำให้วงการพลศึกษาและวงการแพทย์ได้ทราบและ
                                          เชื่อว่าการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาที่เหมาะสมกับสภาพของร่างกาย
                                          ของแต่ละคนเป็นประจำทุกวัน   เป็นสิ่งที่มีประโยชน์และมีความจำเป็นสำหรับทุกคน  ทุกเพศ   ทุกวัย  และในขณะเดียวกันก็สามารถนำผล
                                          ของการออกกำลังกายเหล่านี้ไปเป็นแนวทางในการที่สร้างเสริมสมรรถนะในการเล่นและแข่งขันกีฬาของนักกีฬาที่จะแข่งขันกีฬาได้อีกด้วย  ดังนี้   เนื้อหาสาระความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าผลของการออกกำลังกายที่มีต่อระบบต่างๆ  ของร่างกายเหล่านี้จึงเป็นศาสตร์ทางด้าน  สรีรวิทยาการกีฬา  ขึ้น 
                                         วิทยาศาสตร์การกีฬาในระยะต้นๆ  นั้นเป็นศาสตร์ที่มุ่งไปในเฉพาะทางด้านสรีรวิทยาการกีฬาหรือผลของการเล่นกีฬาที่มีผลต่อร่างกายแต่เพียงด้านเดียวเป็นสำคัญ 
                                          แต่ในระยะหลังต่อมาหลังจากการที่ได้มีการยอมรับในแนวคิดที่ว่าร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งอันหนึ่งอันเดียวกัน   มีความสัมพันธ์และประสานงานกันโดยไม่มีการแบ่งแยกกันนี้   และประกอบกับได้มีการวิวัฒนาการทางวิชาการและเทคโนโลยีขึ้นมาใหม่อีกมากทำให้สามารถทราบได้ว่าปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมให้บุคคลได้มีสมรรถนะในการเรียนรู 
                                          ในการแข่งขันกีฬาที่สูงขึ้นนั้น   นอกจากจะเป็นปัจจัยทางด้านร่างกายแล้วยังจะต้องมีปัจจัยอย่างอื่นๆ  ประกอบอีกด้วยเป็นอันมาก   ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการนำหลักวิชาการทางด้านอื่นๆ  เช่น   ทางด้านจิตวิทยา  ทางด้านชีวกลศาสตร์  ทางโภชนาการ   ทางด้านเวชศาสตร์   ทางด้านสังคมวิทยา    ทางด้านวิทยวิธี   ทางด้านวิทยาการการจัดการและอื่นๆ   มาเป็นแนวทางในการศึกษาผลที่เกิดจากการเล่นกีฬาหรือการออกกำลังกายในด้านอื่นๆ   เป็นผลทำให้เกิดศาสตร์ทางจิตวิทยาการกีฬาชีวกลศาสตร์การกีฬา  โภชนาการการกีฬา  วิทยาการการจัดการกีฬาและอื่นๆ  ขึ้นมาอีกด้วยดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้  เนื้อหาสาระความรู้ต่างๆ   ที่ได้จากการศึกษาและค้นคว้ามาในแต่ละด้านเหล่านี้ก็จะได้มีการนำมาใช้เป็นหลักการในการเรียนการสอนพลศึกษา  การกีฬา   และการออกกำลังกายให้ดีขึ้นต่อไป   ทำให้การพลศึกษา  การกีฬา  และการออกกำลังกายแบบต่างๆ  นั้นได้เป็นประโยชน์แก่บุคคลมากที่สุด  และในขณะเดียวกันก็จะได้ส่งเสริมสมรรถนะของบุคคลให้มีสุขภาพและสมรรถนะที่สูงที่สุดต่อไปอีกด้วย
  |