การเริ่มต้นของวิทยาศาสตร์การกีฬาในประเทศไทยนั้น  คงจะเริ่มต้นจากวิวัฒนาการของการพลศึกษาเช่นเดียวกับที่ได้กล่าวมาแล้ว 
                                        ในตอนต้น  คือ   
                                        เริ่มจากความเชื่อว่าการพลศึกษาหรือออกกำลังกายมีผลทำให้ร่างกายมีความแข็งแรง  อดทน ว่องไว   และทำให้มีสุขภาพดี   ความเชื่อนี้ได้เริ่มต้นขึ้นมาเมื่อใด 
                                        ยังไม่มีหลักฐานปรากฎชัดแต่สันนิษฐานว่าคงจะมีมานานหรือไม่ก็คงมีมาพร้อมๆ  กับประวัติศาสตร์ของชาติไทยเลยทีเดียว   ดังจะเห็นได้ว่าคนไทยได้มีการฝึก 
                                        กีฬามวยและกระบี่กระบองเป็นเวลานานมาแล้ว   และความมุ่งหมายของการฝึกหัดในกีฬาทั้งสองนั้นจริงอยู่ความมุ่งหมายอย่างหนึ่งเพื่อให้มีความช่ำชอง 
                                        เพื่อช่วยป้องกันตัวและต่อสู้กับข้าศึกศัตรูได้  แต่ความมุ่งหมายที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง   ที่ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้นั้นก็คือทำให้ร่างกายมีความแข็งแรง  อดทน 
                                        มีความคล่องแคล่วว่องไว   ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าประชาชนพลเมืองไทยของเราโดยเฉพาะผู้ชายนั้น
                                        จะมีการฝึกหัดกีฬามวยและกีฬากระบี่กระบองเป็นประจำมา 
                                        ตั้งแต่ในสมัยโบราณแล้ว 
                                        แต่อย่างไรก็ดีหลักฐานที่แน่ชัดทำให้สามารถทราบถึงการเริ่มต้นของความเชื่อว่าการพลศึกษาและการออกกำลังกายมีผลดีแก่ร่างกายนั้น 
                                        ได้มีการตั้งโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์เมื่อ   พ.ศ. 2435   และหลังจากที่ท่านเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีซึ่งเป็นนักเรียนรุ่นแรกได้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนแห่งนี้   และเดินทางกลับจากการศึกษาต่อในประเทศอังกฤษแล้วท่านก็ได้เป็นผู้บรรยายในวิชาเอ็กซ์เซอร์ไซส์  (Exercise) หรือวิชาการออกกำลังกาย  ในระหว่างที่ท่าน 
                                        เป็นอาจารย์สอนอยู่ในโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์แห่งนี้ด้วย  โดยหวังว่าเมื่อนักเรียนฝึดหัดอาจารย์ได้สำเร็จการศึกษาไปแล้วจะได้นำวิชาเอกเซอร์ไซส์นี้ไปสอน 
                                        ให้แก่นักเรียนของตนต่อไปดีได้  หลังจากนั้นต่อในปี  พ.ศ. 2440  ก็ได้มีการจัดกิจกรรมที่สำคัญที่แสดงว่าได้มีความเชื่อในผลของการพลศึกษาและการออกกำลังกาย 
                                        ที่มีต่อร่างกายอีก   คือได้มีการจัดการแข่งขันกรีฑานักเรียนหน้าพระที่นั่ง  ณ   ท้องสนามหลวง   เพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 
                                        ได้เสด็จนิวัติจากประพาสยุโรปเมื่อ  ปี   พ.ศ. 2440   ในการแข่งขันกรีฑาครั้งนี้พระองค์ก็ได้เสร็จมาทรงเป็นองค์ประธานและทอดพระเนตรการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย 
                                          เหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งสำหรับวงการพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การกีฬาของไทยอีกอย่างหนึ่งก็คือ  ในปี พ.ศ. 2441 ในวโรกาสที่ 
                                          พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ได้ทรงมีพระบรมราชโองการประกาศโครงการการศึกษาแห่งชาติฉบับแรกของไทยขึ้นมานั้น 
                                          ได้กำหนดให้มีวิชาการฝึกหัดร่างกายในหลักสูตรของการเรียนด้วย  ซึ่งแสดง
                                          ให้เห็นถึงความเชื่อในผลของการพลศึกษาหรือการออกกำลังกายที่มีต่อร่างกาย และจัดให้มีการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การพลศึกษา
                                          ของไทย 
                                                                                     เหตุการณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นการยอมรับเเละเชื่อในผลของการพลศึกษา
      และการออกกำลังกายที่เกิดขึ้นตามลำดับจากที่ได้มีการกำหนด 
                                            ให้มีการเรียนการสอนในวิชาฝึกหัดร่างกายในโครงการการศึกษาแห่งชาติฉบับแรกที่พอจะนำมากล่าวได้มีดังนี้    ในปี  พ.ศ. 2456 ได้มีการจัด 
                                            ตั้งห้องพลศึกษากลางขึ้น  เพื่อฝึกหัดครูพลศึกษา
                                            ไปทำหน้าที่สอนพลศึกษาและการออกกำลังกายให้แก่นักเรียนในโรงเรียนโดยมีหลวงเชษฐพลศิลป์เป็น 
                                            ผู้อำนวยการ 
                                                                                         ในปี พ.ศ. 2475 แผนการศึกษาแห่งชาติได้มีการกำหนดให้มีการจัดการศึกษาเป็น  3 องค์คือ พุทธิศึกษา จริยศึกษา และพลศึกษา   นับจากนั้นมาการพลศึกษา 
                                            ก็ได้รับการบรรจุเป็นองค์หนึ่งในแผนการศึกษาแห่งชาติตลอดทุกแผนจนถึงปัจจุบัน  แม้ว่าในแผนการศึกษาแห่งชาติฉบับ พ.ศ.2520  และแผนการศึกษาแห่งชาติฉบับ 
                                            พ.ศ. 2535  จะไม่ได้กำหนดให้มีการศึกษาโดยแบ่งเป็นองค์เช่นฉบับก่อนก็ตาม  แต่ความมุ่งหมายของแผนการศึกษาแห่งชาติทั้งสองฉบับยังเน้นถึงความสำคัญเกี่ยวกับ 
                                            การพลศึกษาเช่นเดิม 
                                              วันที่ 9 ธันวาคม 2476 รัฐบาลได้ลงความเห็นสำคัญของการจัดการศึกษาด้านนี้จึงได้ตั้งกรมพลศึกษา  ในกระทรวงศึกษาธิการขึ้น  ทำหน้าที่รับผิดชอบและดูแลปรับปรุง 
                                            ส่งเสริมการเรียนการสอนวิชาพลศึกษาในโรงเรียนในสถานศึกษาต่างๆ  ให้ได้ผลดีและบรรลุตามความมุ่งหมายที่วางไว้ 
                                          ปี พ.ศ. 2493 นับเป็นปีที่วิชาทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาได้เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย  คือในปีนี้ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรการฝึกหัดครูพลศึกษา 
                                          ของไทยให้มีความสมบูรณ์อย่างแท้จริงด้วยความช่วยเหลือของศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญทางพลศึกษาชาวอเมริกา  คือ     ดร.ราฟ จอนสัน (Raph  Johnson)  
                                          ในหลักสูตรการฝึกหัดครูพลศึกษาที่มีการปรับปรุงใหม่นี้ได้กำหนดให้มีการเรียนในรายวิชากายวิภาค  วิชาสรีรวิทยา วิชาวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวด้วย 
                                          เพื่อให้นักศึกษาที่เรียนดังกล่าวได้นำไปใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกและกิจกรรมทางพลศึกษาต่างๆ  ให้เหมาะกับความสามารถของนักเรียนแต่ละเพศแต่ละวัย  
                                          ได้อย่างถูกต้อง โดย  ศาสตราจารย์ ดร.บุญสม มาร์ติน เป็นผู้บรรยายและกำลังสำคัญในการประยุกต์วิชาการทั้งสามแขนงนี้ในวิชาพลศึกษา  ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น 
                                          ของการพลศึกษามาเป็น  ครั้งที่ 5  ขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย
                                          คณะกรรมการเตรียมจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์  ด้วยการสนับสนุนของรัฐบาล 
                                          ได้เล็งเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์การกีฬาในการพัฒนานักกีฬาทีมไทยให้พร้อมในการแข่งขัน  จึงได้มอบหมายให้ ศาสตราจารย์นายแพทย์ อวย  เกตุสิงห์ รองอธิการมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์  ศิริราชพยาบาล(มหาวิทยาลัยมหิดลในปัจจุบัน)  เป็นผู้รับผิดชอบเตรียมและดำเนินงานทางด้านนี้ ศาสตราจารย์นายแพทย์  
                                          อวย  เกตุสิงห์ ได้เริ่มลงมือศึกษาค้นคว้าวิชาการด้านนี้อย่างจริงจัง  รวมทั้งเดินทางไปศึกษาดูงานในต่างประเทศทั้งยุโรปและอเมริกา   และจากการเตรียมการ 
                                          และศึกษามาก่อนหน้านี้ท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ อวย  เกตุสิงห์  ก็สามารถจัดตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ภายใต้องค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย 
                                          (การกีฬาแห่งประเทศไทย  ในปัจจุบัน) ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2509 และได้ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการด้วยตนเอง  นับแต่นั้นมาศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาจึงเป็นแหล่งวิชาการ การศึกษาค้นคว้า วิจัย  และเผยแพร่ความรู้ผลงานด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาของไทยอย่างจริงจังจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้จึงสามารถกล่าวได้ว่า  ศาสตราจารย์นายแพทย์ อวย  เกตุสิงห์  เป็นผู้ให้กำเนิดวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬาของไทย   
                                        (วีรศักดิ์ เพียรชอบ,2543:10-17 อ้างถึงใน วารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ. ปีที่ 1 ฉบับที่ 1  กรกฎาคม  ธันวาคม 2543.  สำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)                                        
                                         
                                               
                                                                                    |