ด้านวิทยาศาสตร์ (Science) งานในด้านวิทยาศาสตร์นั้นมีหลายสาขาด้วยกัน เช่น ด้านชีววิทยา สรีระวิทยา ไปจนถึงด้านดาราศาสตร์ และอุตุนิยมวิทยา ได้ใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดเก็บข้อมูล , วิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนวิเคราะห์ตัวแบบการวิจัย นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้อินเตอร์เน็ตในการสื่อสารติดต่อกับผู้ร่วมงานทั่วโลก ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ครั้งสำคัญไม่ว่าจะเป็นวิชาการด้านการผ่าตัดทำศัลยกรรม, ด้านการผลิตยารกษาโรค, ตลอดจนผลลัพธ์การรักษาโรคให้หายขาด หรืออาการดีขึ้นต่างๆ

http://www.uk.gizmodo.com
 

วิชาพลานามัยและพลศึกษา  ที่เน้นหนักในความเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น  ทำให้พลศึกษาได้รับความน่าเชื่อถือและยอมรับมากขึ้น  ความรู้  ความเข้าใจในวิทยาศาสตร์การกีฬาสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในรูปแบบต่างๆ  รวมทั้งในการเรียนการสอนพลศึกษา  เนื้อหา  และการฝึกปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์การกีฬาจึงนำมาสอดแทรกไว้ในหลักสูตรพลศึกษา  เพื่อเปลี่ยนแปลงเจคติเดิมที่ผู้เรียนพลศึกษาส่วนมากเข้าใจว่า  พลศึกษาเป็นชั่วโมงน่าเบื่อ  พลศึกษาเป็นชั่วโมงเล่นกีฬา  พลศึกษาเป็นชั่วโมงที่สามารถเอาการบ้านวิชาอื่นมาทำได้  ซึ่งจะมีผู้เรียนจำนวนไม่มากนักที่เข้าใจหลักการพลศึกษาอย่างแท้จริงว่าเรียนพลศึกษาเพื่ออะไร วิทยาศาสตร์การกีฬาสามารถสอดแทรกเข้าไปในขั้นตอนการสอนทักษะกีฬาได้  เพื่อพัฒนาความคิดจากขั้นพื้นฐานไปสู่การนำไปใช้  โดยเฉพาะการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน  และสามารถถ่ายทอดให้แก่บุคคลในครอบครัว  ผู้เรียนต้องมีความรู้  ความเข้าใจ  และเห็นคุณค่าของการเหยียดยืด  (Stretching)  นั้นกระทำเพื่อให้เอ็น  เอ็นข้อต่อ  ข้อต่อ  และกล้ามเนื้อ  เตรียมพร้อมที่จะรับแรงกระแทกและเคลื่อนไหวโดยเริ่มจากท่าอยู่กับที่ไปจึงถึงเคลื่อนที่ทีละน้อยไปมาก  ส่วนระบบหัวใจและหลอดเลือดจะเห็นได้ชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงว่าหัวใจเริ่มต้นแรงขึ้น  จากการจับชีพจรที่ข้อมือด้านหัวแม่มือ  การนำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาใช้ในพลศึกษา  จึงไม่ใช่การนำทฤษฎีต่างๆ  มาบรรยายในห้องเรียน  แต่จะสอดแทรกหลักวิทยาศาสตร์เข้ามาพิสูจน์ท้าทายให้เด็กเกิดความเข้าใจในการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุมีผล  การเรียนการสอนวิชาพลศึกษายังคงปฏิบัติในสนาม  ตัวอย่างวิทยาศาสตร์การกีฬาที่สอดแทรกในการเรียนการสอนพลศึกษาตามหลักสูตรระดับมัธยมศึกษา  ฉบับปรับปรุง  (พ.ศ.2533)  ดังนี้ (หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักพัฒนาการพลศึกษา สุขภาพและนันทนาการ กรมพลศึกษา:2543)

           

หลักการออกกำลังกายแบบแอโรบิค  เป็นวิธีการออกกำลังกายและเล่นกีฬาที่ปลอดภัย  ได้ผลดี  และมีระบบระเบียบถูกต้องตามหลักการแพทย์  หลักสูตรทางพลศึกษาของประเทศต่างๆ  ได้นำวิธีการของแอโรบิคไปอธิบายและใช้กันแล้ว  จึงต้องพัฒนาองค์ความรู้ให้ก้าวทันเหตุการณ์ของโลกวิทยาการด้วย  เช่น  การฝึกกายบริหารแบบราชนาวี  หรือแบบสวีเดนนั้น  ได้พัฒนาจนมีการฝึกแบบแอโรบิคแดนซ์  และแจ๊สแดนซ์เข้ามาแทนที่  ทำให้เด็กสมัยใหม่สนใจการบริหารกายด้วยความสนุกและเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ

หลักการสร้างเสริมสมรรถภาพทางกาย  ในการฝึกซ้อมเสริมสร้างความสมบูรณ์ของระบบต่างๆ  ตั้งแต่ความรวดเร็ว  ความอ่อนตัว  ความอ่อนตัว  ความคล่องตัว  ความแข็งแรง  พละกำลัง  ความอดทน  และความสมดุลล้วนแล้วแต่ต้องใช้เทคนิคและวิธีการเฉพาะแตกต่างกันออกไป และได้ผลิตอุปกรณ์ในการเสริมสร้างสมรรถภาพ  และทดสอบสมรรถภาพด้วยเครื่องมือทันสมัย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการเรียนและใช้ในการคำนวณวิเคราะห์ข้อมูล

หลักการออกกำลังกายอย่างปลอดภัย  นักเรียนควรจะได้เรียนรู้กลไกของการบาดเจ็บในการกีฬา ลักษณะและสาเหตุของอุบัติเหตุใสการเล่นกีฬา  วิธีรักษา  แก้ไขฟื้นฟู  หรือการป้องกัน  บาดเจ็บทางกีฬา

หลักการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับเพศ  วัย  อาชีพ  สภาพร่างกาย  และความแตกต่างระหว่างบุคคล

การเสริมสร้างสุขภาพ  เรียนรู้ในกระบวนการเสริมสร้างสุขภาพ  เช่น  การรักษา  ทรวดทรง  โภชนาการ  อนามัยส่วนบุคคล  การดูแลสุขภาพจิต  เป็นต้น 

   
 


         
กลับหน้าหลัก กลับหัวข้อการเรียน กลับหน้าก่อน หน้าถัดไป