2. การพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬาในสถาบันอุดมศึกษา (สุพิตร สมาหิโต :2547)

การออกกำลังกายและการเล่นกีฬาเป็นกิจกรรมที่ได้กระทำกันในสถาบันอุดมศึกษาของประเทศไทยมานานแสนนาน โดยที่การออกกำลังกายและการเล่นกีฬานั้น จะเป็นการออกกำลังกายและเล่นกีฬาทั้งที่เป็นระบบและไม่เป็นระบบ สำหรับออกกำลังกายที่ไม่เป็นระบบก็คือ การออกกำลังกายและการเล่นกีฬาที่ผู้เข้าร่วมได้ทำกิจกรรมกันไปเอง ใครอยากจะเล่นอะไรก็เล่น ใครอยากจะแข่งอะไรก็แข่ง จะเล่นนานเพียงใด หรือจะเล่นกับใคร ก็สามารถจะกระทำได้ โดยมีเป้าหมายหลักแต่เพียงขอให้ได้ออกกำลังกายและเล่นกีฬา สำหรับการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาอย่างเป็นระบบนั้น ก็จะเป็นการร่วมกิจกรรม โดยผู้ดูแล มีผู้รับผิดชอบ มีหลักสูตรเป็นตัวกำหนด มีการให้คำแนะนำชี้แนะแนวทางถึงวิธีการเล่น วิธีการฝึกว่าจะเล่นกีฬาหรือจะออกกำลังกายอย่างไร จึงจะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ คือจะทำให้ร่างกายแข็งแรง มีความแคล่วคล่องว่องไว มีความอดทนของกล้ามเนื้อ มีความอดทนของระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจ สามารปฏิบัติภารกิจประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือจะเล่นอย่างไรจึงจะได้รับความปลอดภัยจากอุบัติเหตุ และจะปฏิบัติตนอย่างไรหากได้รับการบาดเจ็บการเล่นกีฬาหรือการออกกำลังกายนั้นๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์ ผู้รู้ และผู้มีประสบการณ์ ที่อยู่ในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนในหลักสูตรว่า จะต้องมีการเรียนการสอนสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนแล้วว่าเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬานั้น เป็นเรื่องที่มีมาอย่างช้านาน เป็นเรื่องที่ผูกติดและผูกพันอยู่กับกลุ่มวิชาที่เรียกว่า “ พลศึกษา” ที่พวกเราคุ้นเคยกันมานั่นเอง ต่อมาเมื่อองค์ความรู้หรือศาสตร์ทางการกีฬามีความก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 15 ปี ที่ผ่านมามานั้น สถาบันต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกีฬาทั่วโลก ต่างก็ยอมรับและเห็นพ้องต้องกันว่า ศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์การกีฬานั้น มีเนื้อหา ความรู้ หลักการ แนวคิด และแนวทางปฏิบัติที่จะช่วยพัฒนาให้ประชาชนเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีได้อย่างแน่นอน ทั่วโลกจึงได้มีการรณรงค์เพื่อการมีสุขภาพดีของประชาชน โดยการนำเอาหลักการทางวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้าไปประยุกต์ใช้กันอย่างขนานใหญ่

สำหรับในสถาบันอุดมศึกษาของประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันที่มีบทบาทสำคัญมาก ในแง่ของการที่จะได้นำเอาหลักการทางวิทยาศาสตร์การกีฬาไปใช้ ก็มิได้นิ่งนอนใจต่อการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ทางด้านนี้ โดยได้มองหาหนทางในการพัฒนาสุขภาพของบุคลากรออกเป็น 2 มิติด้วยกัน คือ

1. มิติของการพัฒนาบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาเอง ซึ่งได้แก่การพัฒนาสุขภาพของนิสิต นักศึกษา และบุคลากรในสถาบันนั้นๆ

2. มิติของการใช้บุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาเป็นสื่อกลางในการที่จะขยายแนวคิดหรือการถ่ายทอดหลักการ และวิธีการที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์การกีฬา

ในมิติของการพัฒนาตัวบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษานั้น จะเห็นว่าในสถาบันอุดมศึกษาจะเป็นแหล่งรวมของกลุ่มนิสิตนักศึกษาที่มีอายุระหว่าง 18-22 ปี การที่บุคคลกลุ่มนี้จะมีสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจดี หรือไม่ เพียงใดนั้น ส่วนหนึ่งจะได้รับการปรุงแต่งมาแล้วตั้งแต่ระยะวัยเด็กตอนต้น วัยเด็กตอนปลาย และเข้าสู่ระยะวัยรุ่น อย่างไรก็ตาม ในช่วงอายุดังกล่าว หรือในช่วงระยะเวลาที่กลุ่มคนเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยหรือในสถาบันอุดมศึกษานั้น ก็ยังไม่สายจนเกินไป และยังมีเวลาเพียงพอในการที่จะปลูกฝังหลักการในการปฏิบัติตนเพื่อให้เป็นผู้ที่มีสุขภาพดี โดยการใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้าไปช่วย ส่วนในมิติของการใช้บุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาเป็นสื่อกลางในการที่จะขยายแนวคิด หรือการทอดหลักการและวิธีการที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์การกีฬานั้น ประเด็นนี้จะเห็นว่าสถาบันอุดมศึกษาเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมหาวิทยาลัยที่เป็นสถาบันผลิตครูพลศึกษา หรือสถาบันที่มีสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการกีฬารับรองอยู่ จะเป็นสถาบันที่มีความพร้อมสูงมากในการทำโครงการนี้ เพราะในสถาบันเหล่านั้น จะมีบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีเครื่องไม้เครื่องมือ และมีเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ค่อนข้างจะสมบูรณ์อยู่แล้ว ดังนั้น จึงเป็นการง่ายต่อการที่จะได้ขยาย ถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ไปยังกลุ่มบุคคลอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

ในการพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬาในสถาบันอุดมศึกษานั้น ผู้เขียนใคร่ขอเสนอแนวทางในการพัฒนา โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ คือ

1. สนับสนุนให้มีการจัดการเรียนการสอนกิจกรรมพลศึกษาสำหรับนิสิต นักศึกษา ทุกคนที่เรียนอยู่ในสถาบันอุดมศึกษา

โดยให้ถือว่าวิชากิจกรรมพลศึกษานั้น เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรทุกหลักสูตรโดยจะมีค่าเป็นกี่หน่วยกิต หรือจะจัดให้เรียนในกี่รายวิชานั้น ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการบริหารหลักสูตรของแต่ละสาขาวิชา

ในการที่จะช่วยเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์การกีฬาให้กับบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษานั้น การที่จู่ๆ จะลุกขึ้นไปอธิบายหรือแนะนำความรู้ทางด้านวิชาการแล้ว ธรรมชาติของบุคคลทั่วไปจะไม่ชอบฟัง ดังนั้น การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงควรออกมาในรูปของการใช้กิจกรรมการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาเป็นสื่อ และในขณะที่มีการออกกำลังกายและเล่นกีฬา ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องก็จะได้สอดแทรกหลักการและวิธีการปฏิบัติตลอดจนความรู้เรื่องอื่นๆ เข้าไปได้ หากจะตั้งคำถามว่า ทำไมต้องเรียน ให้บุคคลเหล่านั้นเล่นกันเองได้หรือไม่ คำตอบก็คือ “ ได้” แต่การเล่นกันเองโดยขาดผู้คอยให้คำแนะนำในหลักเกณฑ์การเล่น วิธีการเล่นอย่างปลอดภัยจากการบาดเจ็บ การเล่นเพื่อการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายและสมรรถภาพทางจิต ตลอดจนการเลือกรับประทานอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาคุณลักษณะต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วด้วยตนเอง และด้วยสาเหตุดังกล่าว นิสิตนักศึกษา ตลอดจนบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา ก็จะเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีไปไม่ได้อย่างแน่นอน

2. ให้มีการปรับปรุงหลักสูตรในสถาบันผลิตครูพลศึกษา

โดยให้สอดแทรกเนื้อหาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์การกีฬาเพิ่มเข้าไป หรือเปิดหลักสูตรในสาขาที่เกี่ยวข้องให้มีลักษณะเป็นความหลากหลายในวิชาชีพมากยิ่งขึ้น

ในอดีตกาลที่ผ่านมานั้นเมื่อต้องการจะให้นิสิต นักศึกษาได้ศึกษาหรือเรียนรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกายมนุษย์ ซึ่งจะโดยวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการพัฒนาร่างกายอันจะนำไปสู่การจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวของร่างกายเพื่อการเจริญเติบโตอย่างได้สัดส่วน มีโครงสร้างของร่างกายให้มีศักยภาพสูงในการที่จะเป็นนักกีฬาประเภทต่างๆ ในการจัดรายการวิชาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับ สรีรวิทยา กายวิภาคศาสตร์ วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว หรอืสรีรวิทยาเกี่ยวกับการออกกำลังกาย วิชาเหล่านี้จะถูกจัดเข้าไว้ในหลักสูตรสาขาวิชาพลศึกษาทั้งสิ้นต่อมา เมื่อศาสตร์ทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและเวชศาสตร์การกีฬาได้มีความเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และได้เป็นที่ยอมรับแล้วว่า หากจะได้นำเอาวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆ มาประยุกต์ใช้กับการออกกำลังกายและการเล่นกีฬานั้นๆ ก็จะมีความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุดังกล่าว จึงควรให้มีการปรับปรุงหลักสูตรเก่าที่มีอยู่แล้ว โดยการสอดแทรกเนื้อหาความรู้เข้าไปและหากจะมีการขยายวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ก็น่าจะถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มจัดทำหลักสูตรในสาขาวิชาการหรือจัดทำโครงการดังกล่าว ดังเช่นที่ขณะนี้มีสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งได้เริ่มดำเนินการแล้ว ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2533-2539) นี้อันได้แก่ การจัดตั้งภาควิชาวิทยาศาสตร์การกีฬาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การจัดตั้งสำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การจัดตั้งวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการกีฬาของมหาวิทยาลัยมหิดล การจัดตั้งศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาของมหาวิทยาลัยขอนแก่นและการจัดตั้งกองวิทยาศาสตร์การกีฬาของกรมพลศึกษา เป็นต้น

3. สถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่งจะต้องเร่งหาทางจัดตั้งสำนักกีฬาหรือศูนย์กีฬาหรือศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างเร่งด่วน

สำนักกีฬา ศูนย์กีฬา ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา หรือศูนย์เวชศาสตร์กีฬา จัดได้ว่าเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการช่วยพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬาในสถาบันอุดมศึกษา เพราะหน่วยงานนี้จะเป็นศูนย์กลางของการรวบรวมเอาความรู้ ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นผู้ปฏิบัติงานตามวัตถุประสงค์ที่ได้วางเอาไว้ ปัจจุบันนี้ ถึงแม้สถาบันอุดมศึกษาต่างๆ จะมีชมรมกีฬาต่างๆ อยู่แล้วก็ตาม แต่ในการทำงานนั้น จะเห็นได้ว่าเป็นชมรมที่ให้ความสนใจเฉพาะสมาชิกของชมรมและมีหน้าที่เตรียมตัวเพื่อการแข่งขันเท่านั้น เมื่อหมดฤดูการแข่งขัน ชมรมก็จะถูกปิดเงียบ หรือปิดตายและจะมีการเปิดชมรมอีกครั้งหนึ่ง เมื่อฤดูการแข่งขันประจำปีกลับมาถึงอีก ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายและเกิดการสูญเสียไปอย่างมาก สำหรับสำนักหรือศูนย์นี้เมื่อตั้งขึ้นมาแล้วก็น่าจะมีหน้าที่หลักๆ ที่สำคัญอยู่ 3 ประการ

3.1 การให้การศึกษา ซึ่งจะเป็นการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์การกีฬา อาจจะจัดออกมาในลักษณะของการใช้การอบรม การประชุมเชิงปฏิบัติการหรือการสัมมนา เป็นต้น

3.2 การวิจัย จะต้องทำการศึกษาค้นคว้าความรู้ และนำข้อค้นพบใหม่ มาเผยแพร่เพื่อพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์การกีฬา

3.3 การบริการ สำนักหรือศูนย์นี้ จะต้องมีหน้าที่ในการให้บริการแก่นิสิตนักศึกษาหรือบุคลากรทั้งในและนอกสถาบันอุดมศึกษา เช่น การบริการ การทดสอบสมรรถภาพทางกาย การตรวจเปอร์เซ็นต์ไขมันใต้ผิวหนัง การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเองเพื่อการมีสุขภาพจิตที่ดี การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของร่างกายในการทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนการเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นต้น

แม้ว่างานต่างๆ เหล่านี้จะเป็นงานที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทยจะรับผิดชอบและปฏิบัติอยู่แล้ว แต่การให้การบริการนั้น ย่อมจะกระทำได้ไม่ทั่วถึงเพราะความจำกัดของงบประมาณ และบุคลากร ดังนั้น ในฐานที่สถาบันอุดมศึกษาเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมค่อนข้างสูงกว่าหน่วยงานอื่น จึงควรจะได้รับเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ได้ก่อนสำนักหรือศูนย์ดังกล่าวนี้ จะเป็นศูนย์กลางที่จะให้บริการด้านความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการของการออกกำลังกาย การใช้อุปกรณ์ การใช้เครื่องมือเกี่ยวกับการทดสอบ การให้คำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพจิตแก่นักกีฬา และนอกจากนี้การให้การบริการยังขยายขอบเขตออกไปสำหรับบุคคลที่อยู่นอกระบบอีกด้วย

4. สถาบันอุดมศึกษาควรสนับสนุนให้มีการจัดโครงการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาของบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ

อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วตั้งแต่ตอนต้นว่า การที่จะถ่ายทอดความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาให้กับบุคลากรในมหาวิทยาลัยนั้น หนทางที่จะทำได้ดีที่สุด ก็คือ โดยผ่านกระบวนการของการเล่นกีฬาและการออกกำลังกาย โดยพยายามสร้างทัศนคติที่ดีต่อการออกกำลังกายและเล่นกีฬาให้กับเขาเสียก่อน เมื่อเขามีทัศนคติที่ดี เขาก็จะเข้าร่วมกิจกรรมด้วยความสมัครใจ เมื่อเขาเข้าร่วมกิจกรรมด้านความสนใจ ใฝ่รู้การเรียนรู้ต่างๆ ไว้พร้อมและเพียงพอที่จะรองรับความต้องการในการออกกำลังกายและเล่นกีฬาของบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา

5. สถาบันอุดมศึกษาควรส่งเสริมให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาทั้งภายในและภายนอกสถาบัน

การแข่งขันจะเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้การแข่งขันยังเป็นการประเมินผลทักษะของผู้เข้าร่วมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย อย่างไรก็ตามในการแข่งขันนั้น จะต้องให้แนวคิดว่าเราเข้าร่วมเพื่อความสนุกสนาน เพื่อให้มีกิจกรรมที่ได้ทำร่วมกัน แต่ไม่ใช่แข่งขันเพื่อชัยชนะ การจัดการแข่งขันเช่นนี้ จะเป็นการช่วยส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน สามารถนำองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์การกีฬาไปใช้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความรู้และประสบการณ์โดยทางอ้อม

6. สถาบันอุดมศึกษา ควรจะเป็นศูนย์กลางของการศึกษาค้นคว้าและวิจัยในสหวิทยาการทางวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อการเผยแพร่ผลที่ได้จากการวิจัยและการศึกษาให้กับผู้ใช้ในระดับต่างๆ

การศึกษาค้นคว้าและการวิจัยสหวิทยาการทางวิทยาศาสตร์การกีฬา ไม่ว่าจะเป็นไปในทางสรีรวิทยาการออกกำลังกาย จิตวิทยาการกีฬา วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว การบาดเจ็บทางการกีฬา โภชนาการการกีฬา การใช้สารกระตุ้นต่างๆ ตลอดจนการฟื้นฟูร่างกายภายหลงจากการบาดเจ็บ เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะข้อค้นพบต่างๆ จะเป็นความรู้ใหม่ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างมหาศาลและสถาบันอุดมศึกษาเองก็เป็นแหล่งที่มีความพร้อมเกี่ยวกับวิทยาการเหล่านี้อยู่แล้ว

7. ส่งเสริมให้มีการสร้างแบบทดสอบในการวัดความก้าวหน้า หรือการพัฒนาสหวิทยาการทางวิทยาศาสตร์การกีฬา

แบบทดสอบจะเป็นเครื่องมือที่จะวัดและบอกได้ว่า บุคลากรที่เข้าร่วมโครงการมีความก้าวหน้าหรือมีการพัฒนาไปมากน้อยเพียงใด หากปราศจากแบบทดสอบแล้ว ก็เป็นการยากที่จะตัดสินสัมฤทธิ์ทางด้านต่างๆ ไปได้ สำหรับแบบทดสอบนั้น อาจจะเกี่ยวข้องกับรูปแบบของการออกกำลังกายที่ถูกต้องและเหมาะสมกับเพศและวัย แบบทดสอบสมรรถภาพทางกาย แบบทดสอบสมรรถภาพทางจิต และทดสอบสภาวะโภชนาการ แบบทดสอบความสามารถทางการเคลื่อนไหวของร่างกาย และแบบทดสอบสมรรถนะในการฝึกกีฬาเป็นต้น

8. สนับสนุนให้มีการผลิตสื่อที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์กีฬา

สื่อการเรียนและสื่อการสอน เป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากต่อการพัฒนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การกีฬาจะขยายกว้างออกไปได้มาน้อยเพียงใด สื่อการเรียนการสอน เครื่องมือที่ใช้ จะเป็นองค์ประกอบที่จะช่วยส่งเสริมความรู้ความเข้าใจและลึกลงในแง่ของการฝึกปฏิบัติได้เป็นอย่างมาก ขณะนี้ได้มีสถาบันการศึกษาบางสถาบันได้เริ่มหันมาให้ความสนใจและเอาใจใส่กับการสร้างเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์การกีฬามากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมหาวิทยาลัยที่มีคณะวิทยาศาสตร์ หรือคณะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การมีเครื่องมือที่ได้สร้างหรือพัฒนาที่ขึ้นมาเองนั้น จะเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่าย และมีความเหมาะสมกับขนาดรูปร่าง เพศ วัย และสภาพดินฟ้าอากาศ ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้นำไปใช้อย่างสมบูรณ์

9. ผู้บริหารของสถาบันอุดมศึกษานั้นๆ จะต้องเป็นผู้นำ ต้องมีความเข้าใจในบทบาทของวิทยาศาสตร์การกีฬาในอันที่จะช่วยพัฒนาร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา ของบุคลากร

ในการที่จะทำกิจกรรมดันใดก็ตาม กิจกรรมนั้นๆ จะบรรลุวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด กุญแจสำคัญที่สุดก็คือ ผู้นำ ผู้นำจะต้องมีความรู้ความเข้าใจ เอาใจใส่และต้องลุกขึ้นมาเล่นเอง ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาจึงจะให้ความร่วมมือร่วมใจและร่วมกิจกรรมกันอย่างพร้อมเพรียง เพราะการที่ผู้บริหารได้มีโอกาสเข้ามาคลุกคลี ใกล้ชิด ติดตามการดำเนินงานโดยตลอดนั้น จะทำให้ทราบถึงปัญหา อุปสรรคและหนทางในการที่จะพัฒนารูปแบบของการส่งเสริมวิทยาการทางด้านนี้ได้อย่างชัดเจน และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติอย่างแท้จริง

สถาบันอุดมศึกษา นับว่าเป็นสถาบันที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬา เพราะเป็นสถาบันที่มีความพร้อมสูง ทั้งในแง่ของบุคลากรที่ทรงคุณวุฒิ มีอุปกรณ์ เครื่องมือ สถานที่ และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการที่จะเอื้อให้โครงการนี้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ หากผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจที่ตรงกันในความสำคัญและความจำเป็นของวิทยาศาสตร์การกีฬาว่า จะเป็นเครื่องมือหรือสื่อในการที่จะช่วยให้นิสิต นักศึกษา และบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา เป็นผู้ที่มีความเจริญงอกงามทางด้านต่างๆ จะไม่เป็นการยุ่งยากเลยในการที่จะบริหารแนวทางต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว และผลที่จะเกิดจากการบริหารโครงการต่างๆ ดังกล่าวแล้ว ก็จะช่วยให้ทุกคนเป็นผู้ที่มีสุขภาพดี และจะเป็นประชากรของชาติที่มีสุขภาพดี ทั้งร่างกายและจิตใจ และยังส่งผลดีต่อการสร้างนักกีฬาที่เข้มแข็งให้กับประเทศชาติต่อไปอีกทางหนึ่งด้วย



         
กลับหน้าหลัก กลับหัวข้อการเรียน กลับหน้าก่อน หน้าถัดไป