ผู้ที่มีปัญหาโรคหัวใจ
การออกกำลังกาย  เป็นการควบคุมปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ  ช่วยป้องกันและควบคุมเบาหวาน ความดันโลหิตสูง  ความผิดปกติของระดับไขมันในเลือดและระดับไขมันไตรกลีเซอรไรด์  เพิ่มความสามารถการละลายลิ่มเลือดและปรับปรุงการทำงานของเซลเยื่อบุผนังหลอดเลือดให้ดีขึ้น
กิจกรรมการออกกำลังกายที่แนะนำ
1. การออกกำลังกายแบบแอโรบิก  เช่น  เดิน  วิ่งเหยาะ  ขี่จักรยาน
2. การออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน  เช่น  ยกน้ำหนักเบาๆ
3. การออกกำลังกายแบบยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
4. ความหนักของการออกกำลังกายที่แนะนำ  ควรใช้ความหนัก  50-70 %  ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด
5. ความบ่อยของการออกกำลังกาย  ควรใช้  3-5  วันต่อสัปดาห์

ข้อแนะนำในการออกกำลังกาย
ไม่ควรออกกำลังกายหรือควรหยุดออกกำลังกายและพบแพทย์เมื่อมีอาการดังต่อไปนี้
1. รู้สึกอึดอัด  อาการแน่น  ปวดเจ็บ  ตึงหรือร้าวบริเวณส่วนบนของร่างกาย
2. มึนศีรษะ  เวียนศีรษะ  เป็นลม  คลื่นไส้  อาเจียน
3. เหนื่อยมาก  หอบขณะออกกำลังกาย
อาการและอาการแสดงของการออกกำลังกายมากเกินไป
1. หลังออกกำลังกายแล้วรู้สึกเหนื่อยหรือเพลียทั้งวัน
2. ไม่สามารถพูดคุยได้ขณะออกกำลังกาย  เนื่องจากเหนื่อยหรือหายใจไม่ทัน
3. คลื่นไส้จะอาเจียนหรือจะเป็นลมหลังออกกำลังกาย

                10.2  ผู้ที่ปัญหาโรคเบาหวาน
การออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอร่วมกับการควบคุมอาหารและการใช้ยา  จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาในเลือดได้ดีและยังสามารถป้องกันและลดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่จะเกิดตามมาได้
กิจรรมการออกกำลังกายที่เหมาะสม
ควรจะเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก  เช่น เดินเร็ว  วิ่งเหยาะๆ  ขี่จักรยาน  ว่ายน้ำ  รำมวยจีน  กายบริหาร  เต้นแอโรบิก  นอกจากการออกกำลังกายแบบแอโรบิกแล้ว  ควรจะต้องมีการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการยืดเหยียดกล้ามเนื้อร่วมด้วย
ความหนักของการออกกำลังกาย    ควรออกกำลังกายขนาดเบาถึงปานกลาง  คือ  การออกกำลังกายที่ทำให้ต้องหายใจเร็วขึ้น  กว่าปกติพูดคุยได้ดีในขณะออกกำลังกาย  เทียบค่าคามเหนื่อยประมาณ  12-14  จึงจะเหมาะสมหรือ  50-80 % ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด
ตารางค่าความเหนื่อย

ค่าความเหนื่อย

ระดับความเหนื่อย

6-7
8-9
10-11
12-13
14-15
16-18
19-20

ไม่เหนื่อยเลย
เริ่มเหนื่อย
เหนื่อยเล็กน้อย
เหนื่อยปานกลาง
เหนื่อยมากขึ้น
เหนื่อยมาก
เหนื่อยมากที่สุด

 ความนานของการออกกำลังกาย    ควรออกกำลังกายแบบค่อยๆ  เพิ่มความหนักขึ้นเรื่อยๆ  อย่างน้อย  20-30  นาที  แต่ไม่ควรเกิน  1 ชั่วโมง
ความบ่อยของการออกกำลังกาย     ควรออกกำลังกาย  3-5  วันต่อสัปดาห์  โดยเริ่มต้นออกกำลังกายแบบวันเว้นวัน ในระยะแรกหรือประมาณ  2-3  วันใน  1 สัปดาห์ก่อนแล้วจึงเพิ่มความบ่อยให้มากขึ้นต่อไป
ข้อแนะนำในการออกกำลังกาย
1. ตรวจระดับน้ำตามลในเลือดก่อนออกกำลังกาย
2. นำน้ำตาลหรืออาหารจำพวกแป้งติดตัวไปในการออกกำลังกาย
3. ควรมีเพื่อนร่วมออกกำลังกาย  เพื่อช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน
3. ระมัดระวังในเรื่องบาดเจ็บหรือบาดแผลที่อาจจะเกิดขึ้น
4. สวมใส่รองเท้าที่มีพื้นรองเท้านุ่มสบาย  ไม่รัดแน่น  มีการระบายอากาศที่ดี

                10.3  ผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิต
การออกกำลังกายที่ถูกต้องและเหมาะสม  จะช่วยลดและป้องกันการเกิดภาวะความดันโลหิต  หรืออาจจะช่วยลดขนาดและจำนวนยาที่จะต้องใช้ควบคุมรักษาโรคความดันโลหิตสูง
กิจกรรมการออกกำลังกายที่เหมาะสม ควรจะเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก  เช่น  เดินเร็ว  วิ่งเหยาะๆ  ขี่จักรยาน  ว่ายน้ำ  รำมวยจีน  กายบริหาร  เต้นแอโรบิก  นอกจากการออกกำลังกายแบบแอโรบิกแล้ว  ควรจะต้องออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการยืดเหยียดกล้ามเนื้อร่วมด้วย
                ความหนักของการออกกำลังกาย    ควรออกกำลังกายขนาดเบาถึงปานกลาง  ระดับความเหนื่อย  12-13 หรือ  50-70 % ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด
ความนานของการออกกำลังกาย    ควรออกกำลังกายติดต่อกันอย่างน้อย  30-40  นาที
ความบ่อยของการออกกำลังกาย     3-5  วันต่อสัปดาห์

สัปดาห์

กิจกรรม

ระยะเวลา

ความบ่อย

ความหนัก

1-2
3-4
5-8

เดิน
เดิน,วิ่ง
วิ่ง,เต้น

10-15  นาที
10-30  นาที
30  นาที

3-5
3-5
3-5

เบา
ปานกลาง
ปานกลาง

ข้อแนะนำในการออกกำลังกาย
1.  อาการที่จะต้องหยุดออกกำลังกาย  หรือลดความหนักของการออกกำลังกาย  ได้แก่แขนขาอ่อนเปลี้ย  ชีพจรเต้นเร็ว  เจ็บแน่นหน้าอก  หายใจลำบาก  ความดันโลหิตต่ำมาก  หน้าซีด  ตัวเย็น  หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ
2.  ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่กลั้นหายใจหรือยกของหนักมากๆ
3.  อบอุ่นร่างกาย  ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและผ่อนร่างกายทุกครั้ง  ก่อนและหลังออกกำลังกาย

                10.4  ออกกกำลังกายในคนอ้วน
กิจกรรมการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับคนอ้วนหรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน  ได้แก่  การออกกำลังกายแบบแอโรบิก  เพื่อให้เผาผลาญพลังงานวันละ  500  แคลอรี   และควรทำควบคู่กับการจำกัดอาหาร  เช่น  ลดอาหาร  250  แคลอรี  และออกกำลังกายให้ใช้พลังงาน  500  แคลอรี
ความหนักในการออกกำลังกาย
ให้ออกกำลังกายประมาณ  50-70 %  ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดหรือให้ชีพจรเต้น  120-130  ครั้งต่อนาที
ความนานในการออกกำลังกาย       30-45  นาที
ความบ่อยในการออกกำลังกาย-ทุกวันหรือวันเว้นวันหรืออย่างน้อย  3  วันต่อสัปดาห์
ข้อแนะนำในการออกกำลังกาย
1. อบอุ่นร่างกาย   5 นาที  ด้วยการเดิน  วิ่งเหยาะๆ  บริหารกาย
2. กิจกรรมการออกกำลังกายที่ดีที่สุด  คือ  เดิน  และว่ายน้ำ
3. ควรออกกำลังกายแบบไม่มีแรงกระแทกหรือกระโดด
4. ออกกำลังกายโดยใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ  เช่น  แขน  ขา  ลำตัว
5. ก่อนเข้าโปรแกรมการออกกำลังกาย  ควรตรวจสมรรถภาพทางกายก่อน

(สำนักพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา:2547)

 



         
กลับหน้าหลัก กลับหัวข้อการเรียน กลับหน้าก่อน