กีฬากับการพัฒนาจริยธรรม (Sport and moral growth)
ความเป็นนักกีฬาหรือการมีน้ำใจเป็นนักกีฬาเป็นเรื่องที่พูดกันมากและพูดกันมานานแล้วว่า การเข้าร่วมกิจกรรมกีฬา ควรจะมีการเริ่มสร้างและพัฒนาโดยให้สอดแทรกความเป็นนักกีฬาและความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา โดยให้เป็นวัตถุประสงค์หลังของการกีฬาในการใช้กีฬาสร้างคนให้เป็นคนดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ สิ่งที่ตามมาก็คือ ความคิดกับการกระทำสัมพันธ์กันหรือไม่ เพราะอาจจะคิดดีแต่ไม่ได้ทำหรือทำไม่ได้ หรือทำแต่ผิด รวมทั้งที่ไม่ได้คิดแต่กระทำโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ทราบว่านี่เป็นพฤติกรรมจริยธรรมการกีฬาหรือทั้งคิดและทำ หรือไม่ได้คิดและไม่ได้ทำ เหล่านี้เป็นสิ่งแรกที่ควรนำมาพิจารณาประกอบการตั้งจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการสร้างและพัฒนาจริยธรรม
หากต้องกำหนดให้แน่ชัดว่า ความเป็นนักกีฬาหรือนักกีฬาคืออะไร คำตอบที่ได้อาจจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับเราถามใคร นักกีฬาชาติ หรือนักกีฬาหัดใหม่ เพศอะไร หญิงหรือชาย ระดับการแข่งใด ระดับชาติที่แข่งขันเพื่อความเป็นเลิศ หรือเพียงการแข่งขัน เพื่อสันทนาการ รวมทั้งปรัชญา มาตรฐาน ค่านิยมของสังคมการกีฬานั้นๆ ดังนั้นการกำหนดขอบเขตคำอธิบายโดยรวมและจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม ที่มีความเป็นกลางที่สุดที่จะให้นักกีฬาได้รับการพัฒนา คน และพัฒนา จริยธรรม
11.1 หลักสำคัญเกี่ยวกับการสร้างและพัฒนาจริยธรรมการกีฬา
ข้อควรระวัง 3 ประการ ในการสร้างและพัฒนาจริยธรรมการกีฬา คือ
1. จริยธรรมไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติหลังจากการได้เข้าร่วมกิจกรรมกีฬา
2. การมุ่งเพื่อชัยชนะมากเกินไปจะเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้นักกีฬาหลงทาง ขัดแย้งระหว่างจุดมุ่งหมายสูงสุดในการเข้าร่วม และแข่งขันกีฬา
3. การลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ทางการกีฬาให้ได้นั้น ต้องมีข้อกำหนด กฎระเบียบ ให้ดียิ่งขึ้น เช่น กฎ กติกา และบทลงโทษสำหรับนักกีฬาที่กระทำผิด เป็นต้น รวมทั้งการปลูกฝังความคิดที่ถูกต้อง ความมีคุณธรรม เพื่อที่จะให้เหตุผลกับตนเองให้ได้ว่าการกระทำใดถูก-ผิด พึงประสงค์หรือไม่พึงประสงค์ สิ่งเหล่านี้มีรายละเอียดและคำอธิบายประกอบ ดังนี้
1. ความมีน้ำใจเป็นนักกีฬาไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติหลังจากการได้เข้าร่วมกิจกรรมกีฬาความมีน้ำใจเป็นนักกีฬาและการพัฒนาในด้านจิตใจควรได้รับการส่งเสริมในขณะเข้าร่วม โดยพยายามระบุเป็นเชิงพฤติกรรมมากกว่าการให้คิดเองหรือเกิดเองลักษณะของนักกีฬา ทั้งเพศ วัย จุดมุ่งหมายหรือแรงใจในการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬา ลักษณะโค้ช หรือเป้าหมายขององค์กรกีฬานั้นๆ รวมถึงวัฒนธรรมการกีฬาของแต่ละกีฬาย่อมให้คำจำกัดความเชิงพฤติกรรม ของจริยธรรมต่างกัน ซึ่งหากไม่มีการชี้บ่งอย่างชัดเจน ย่อมทำให้เกิดพฤติกรรมตอบสนองต่อความคิดนั้นๆ แตกต่างกัน
จริยธรรมเป็นพฤติกรรมที่ได้รับการหล่อหลอมมาจากความเชื่อของสังคมและมาตรฐานของสังคมนั้นๆ จ ริยธรรมเกิดได้จากการเห็นตัวอย่าง ก ารได้เห็น และการพยายามทำตาม ตลอดจนการได้แรงเสริมจากการกระทำนั้นๆ ว่าเป็นพฤติกรรมที่พึงประสงค์หรือไม่พึงประสงค์ในสังคมนั้น เช่น หากการโกงอายุเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและจากการเห็นตัวอย่างว่าทีมใดทีมหนึ่งโกงอายุ แล้วทำให้ทีมนั้นชนะอาจเป็นสาเหตุให้เขาเอาแบบอย่างบ้าง หากทำไปเรื่อยๆ กรรมการจับไม่ได้ว่ามีการโกงอายุ และยังทำให้ทีมชนะย่อมทำให้ทีอื่นอยากทำบ้าง แต่ในทางตรงข้ามหากกรรมการจับได้ และมีการลงโทษรวมทั้งหากโค้ชไม่ยินยอมเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับได้ ก็จะทำให้นักกีฬาอื่นกลัวที่จะโกงอายุ แม้ว่าจะทำให้ทีมชนะก็ตาม
2. การมุ่งเน้นชัยชนะมากเกินไปทำให้การเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ และลดคุณค่าของจริยธรรมทางการกีฬา ในปัจจุบันการสร้างค่าความสำคัญของ ชัยชนะ กับการแข่งขันกีฬามากจนเกินไป ทำให้คุณค่าที่แท้จริงจากการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาลดลง การมุ่งมั่นเพื่อชัยชนะมากเกินไปจะท ำให้ความคิดทางจริยธรรมการกีฬาต่ำกว่าจริยธรรมการดำเนินชีวิต น อกจากนี้ ย ังเป็นเหตุการณ์เพิ่มอัตราเสี่ยงการบาดเจ็บทางการกีฬามากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังทำให้เกิดคำกล่าวที่ว่า คนดีอยู่นอกสนาม คนไม่ดีเท่านั้นจึงอยู่ในสนามได้ ซึ่งทั้งนี้ก็เป็นผลมาจากมุ่งมั่นที่จะชนะมากเกินไปจึงทำให้ เกิดความเห็นแก่ตัว (egocentric) ความต้องการที่จะเอาชนะ ก ารใช้วิธีการที่อาจไม่ถูกต้องเหมาะสมต่างๆ เพื่อให้ได้เป็นแชมเปี้ยน เช่นการใช้สารกระตุ้น หรือกลโกงต่างๆ เพื่อให้ได้เปรียบคู่ต่อสู้ ซึ่งแน่นอนที่สุดเท่ากับการทำให้ความมีน้ำใจเป็นนักกีฬาลดลงนั่นเองในการพัฒนากีฬา พัฒนาคน คำพูดนี้ดูเหมือนกับว่าจะเป็นการกล่าวร้ายเกินไปและเป็นการที่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการกีฬาหรือการแข่งขันกีฬา เพราะการแข่งขันกีฬา เพราะการแข่งขันกีฬาย่อมเป็นส่วนหนึ่งของการกีฬาที่ช่วยในการพัฒนาทั้งความสามารถทางการกีฬาและและการพัฒนาความเป็นนักกีฬา เพียงแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องระมัดระวัง และเป็นความสำคัญและให้ความสำคัญของการแข่งขันให้เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของการแข่งขันกีฬาที่แท้จริง มากกว่าการที่จะมุ่งเน้นที่การแพ้-ชนะ มากเกินไปจนยอมที่จะกระทำการต่างๆ เพื่อชัยชนะ จะทำให้คำกล่าวนั้นเป็นจริง ซึ่งเท่ากับว่ากีฬาทำลายคนได้เช่นเดียวกับการสร้างคน หรือเท่ากับการสร้างคนไม่เต็มคน คือ ดีแต่ร่างกาย ไม่ช่วยพัฒนาจิตใจเลย
3. การลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์โดยการเปลี่ยนองค์ประกอบภายนอกทางการกีฬา เช่น เดียวกับการสร้างแนวคิดภายในตัวนักกีฬาเอง สิ่งแรกที่ควรจะกำหนดหรือระบุว่า จริยธรรม ความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา คืออะไรให้เป็นเชิงพฤติกรรมให้ทุกคนทราบแนวปฏิบัติ เช่น การสลับกันเล่น การเคารพกฎ การแสดงความยินดีกับทีมชนะ ให้กำลังใจทีมแท้ ฯลฯ การให้กำลังใจ การให้แรงเสริมและการให้ผลย้อนกลับการกระทำที่ตอบสนองกับความมีน้ำใจเชิงพฤติกรรมที่ได้กำหนดไว้และลงโทษหากไม่ทำ
นอกจากนี้การสร้างเสริมแนวคิดภายในตัวนักกีฬาเองต้องกระทำเช่นกัน โดยการชี้ให้เล่นหรืออธิบายถึงความเป็นไปในสนามและในชีวิตประจำวันว่าสอดคล้องกัน เปิดโอกาสให้มีการพูดคุยถึงข้อขัดแย้งต่างๆ ของเหตุการณ์ต่างๆ ทางการกีฬาว่าเป็นอย่างไร ทางออกที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร เช่น ในการเล่นบาสฯ เราวิ่งชนฝ่ายตรงข้ามล้มโดยไม่เจตนา เราควรจะต้องจับมือเพื่อช่วยให้เขาลุกขึ้นหรือไม่ ซึ่งคำตอบก็คือ ถ้าหากว่าเราไม่อยู่ในสภาวะที่ต้องครอบครองบอลในขณะนั้น แม้ว่าหากปล่อยในเขาล้มอยู่ทีมของเราจะส่งบอลได้เร็วขึ้นก็ตาม หรือทำไมจึงไม่โกงอายุมาก ประสบการณ์มาก ทำให้ได้เปรียบในการแข่งขันกีฬา เป็นต้น นอกจากนี้ควรมีการนำตัวอย่างที่คาบเกี่ยวระหว่างจริยธรรมกับจุดมุ่งหมายในการแข่งขันให้นักกีฬาได้ถกเถียงกัน ดังตัวอย่าง นักกีฬาเรือใบสหรัฐ หยุดช่วยนักกีฬาเกาหลี ทำให้เขาพลาดเหรียญทองไป ซึ่งจากการอภิปรายในทีมจะช่วยให้นักกีฬาเข้าใจหรือเรียนรู้เกี่ยวกับจริยธรรมดีขึ้น
ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่าความมีน้ำใจเป็นนักกีฬาหรือความยุติธรรมในการกีฬาจึงเป็นทั้งปัญหาที่หาข้อสรุปหรือระบุให้แน่ชัดเด็ดขาดไม่ได้ หากจุดมุ่งหมายในกาแข่งขันเพื่อความเป็นเลิศมากเกินไป
จุดมุ่งหมายหลักในการเล่นและแข่งขันกีฬาคนนั้น หรือทีมนั้น การกำหนดวิธีการ และการกระทำ ความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา หรือจริยธรรมการกีฬา ข้อกำหนดวิธีการ และการกระทำในการเข้าร่วมเพื่อความเป็นเลิศ หรือมุ่งที่ชัยชนะไม่เรื่องแปลกแต่หากมากเกินไปจนลืมนึกถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของการกีฬาคือการพัฒนาคนโดยสมบูรณ์ ก็ถือการกีฬาประสบความล้มเหลว ไม่เป็นไปตามจุดมุ่งหมายที่แท้จริง
แม้ว่าลักษณะ ข้อกำหนด และวิธีการกระทำจริยธรรมของแต่ละคน แต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกันแต่อย่างไร แนวทาง วิธีการและพฤติกรรมอย่างกลางๆ ควรได้รับการระบุไว้อย่างเด่นชัด รวมทั้งการจัดประสบการณ์ที่สร้างเสริมข้อกำหนดเหล่านั้นพร้อมกับการให้ความสำคัญ อย่าเข้าใจผิดว่าจริยธรรมเกิดได้เองโดยอัตโนมัติหลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาแล้ว แนวคิดที่เรียกว่าจิตสำนึกเหตุผลทางจริยธรรมทางการกีฬา และพฤติกรรมความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา ควรมีการ สร้างและปลูกฝังให้กับนักกีฬาทุกคน นอกจากนี้ ทุกคนควรมีโอกาสที่จะกระทำหรือมีประสบการณ์ในการกระทำหรือประพฤติจนเป็นอัตโนมัติ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเท่ากับว่า กีฬาจะสร้างคนให้เป็นคนดีอย่างเต็มคน คือ ดีทั้งกาย รูปร่างสมรรถภาพ สัดส่วน ความสามารถ และมีอันตรายน้อยดีทางความคิดจิตใจและสติปัญญา ที่รวมเป็นความมีน้ำใจเป็นนักกีฬาที่เรียกว่าจริยธรรมทางการกีฬา |