ความวิตกกังวลกับการแข่งขันกีฬา (Anxiety and Sport Competition)

แรงกระตุ้น ความกดดัน และความวิตกกังวล เป็นสภาวะความต่อเนื่องของระดับการเปลี่ยนแปลงทางสรีระ ทั้งที่ไม่มีความคิดหรืออารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเรียกว่าแรงกระตุ้น แล้วผสมผสานกับความคิดหรืออารมณ์ที่เป็นลบที่เพิ่มระดับมากขึ้น เรียกว่าความกดดันและกลายเป็นความวิตกกังวลในที่สุด

5.1 ความหมาย

ความวิตกกังวล ( Anxiety) เป็นอารมณ์ที่ผสมผสานระหว่างความกดดันต่างๆ ที่มีการกระทำและมีผลต่อความรู้สึกหรืออารมณ์ที่มีผลโดยตรงต่ออารมณ์ที่เป็นลบและอธิบายถึงความรู้สึกที่เป็นนามธรรมที่เป็นไปในทางที่ไม่พึง

ความวิตกกังวลเป็นความรู้สึกที่ตอบสนองต่อการกระตุ้นทางสรีรวิทยา นักกีฬาเกิดความวิตกกังวลก่อน ขณะและหลังการแข่งขันด้วยความรู้สึกที่เก็บกดไม่สบายใจ ความรู้สึกกังวลใจในขณะที่ร่างกายได้รับแรงกดดันสูงเกิดความเครียดขึ้นได้และความเครียดออกเป็น 2 ชนิด

1. ความเครียดทางบวก เป็นควา มเครียดในทางที่ดี เ มื่อการที่ตั้งใจที่จะทำดีมากๆ เช่น ดีใจ ตื่นเต้น หรือเมื่อมีความสุขมากๆ เมื่อต้องขึ้นรับเหรียญ

2. ความเครียดทางลบ เป็นการ ตอบสนองของร่างกายที่ไม่เฉพาะเจาะจงต่อข้อเรียกร้องต่างๆ ท ี่เกิดขึ้นรอบตัว เ ป็นความรู้สึกต่อความกดดันที่มีความคับข้องใจ ความกลัว ความกังวลใจที่จะทำผิดพลาด หรือทำไม่ได้ ความเครียดจึงมีสาเหตุมาจากความคาดหวังมากจนเกินไปและกลายเป็นความวิตกกังวลนั้นเอง

5.2 ความวิตกกังวลกับการแข่งขันกีฬา ( Anxiety and Sport Competition)

ความวิตกกังวลกับการแข่งขันกีฬาสามารถเกิดขึ้นได้ทั้ง ก่อนการแข่งขัน ขณะหรือระหว่างการแข่งขันและหลังการแข่งขัน ความวิตกกังวลเกิดจากความคิด การประเมินสถานการณ์ เกี่ยวกับการเล่นหรือแข่งขันกีฬากับความสามารถของนักกีฬาไม่สมดุลกัน กล่าวคือ คาดคิดว่าความสามารถที่มีไม่เพียงพอกับสิ่งเผชิญหรือสิ่งคาดหวังไว้ หรือความสมารถที่มีนั้นจะสามารถใช้ได้กับการแข่งขันหรือไม่ ความวิตกกังวลในการแข่งขันกีฬาออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. ความวิตกกังวลเฉพาะกาล ( State Anxiety หรือ A-State) เป็นความวิตกกังวลที่เกิดทันที เ มื่อประสบเหตุการณ์ต่างๆ เป็นความคิด อารมณ์ หรือประเมินว่าข้อเรียกร้องของเหตุการณ์เฉพาะหน้านั้นเกินความสามารถที่มีอยู่จริง ความวิตกกังวลเฉพาะกาลเป็นความวิตกกังวลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามความคิดขณะนั้นพลิกผันตามเหตุการณ์ เช่น อาจลงแข่งขันด้วยความกังวลแต่พอเล่นผ่านไป 5 นาที อาจกังวลลดน้อยลง แต่เมื่อฝ่ายตรงข้ามกลับมีคะแนนนำ ก็อาจทำให้กังวลได้อีก เปลี่ยนแปลงจนจบการแข่งขัน โดยปกติความวิตกกังวลเฉพาะกาลนี้สัมพันธ์กับความวิตกกังวลถาวร

2. ความวิตกกังวลถาวร ( Trait Anxiety หรือ A – Trait) เ ป็นความวิตกกังวลที่สัมพันธ์กับบุคลิกภาพของแต่ละบุคคล เป็นลักษณะทางจิตวิทยาที่ค่อนข้างคงที่ เกิดบ่อย และคาดเดาได้ค่อนข้างแน่นอนถึงแนวการคิด การสนองตอบหรือการแสดงอารมณ์และแนวการประเมินสถานการณ์ต่างๆ ไปในทางลบว่ามีข้อเรียกร้องเกินความสามารถของตน จึงประเมินสถานการณ์ว่ายาก เกิดความกดดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่คับขัน หรือมีความกดดันสูง เช่น การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ หรือการพูดในที่สาธารณะ ว่าทุกครั้งที่มีเหตุการณ์คับขันเช่นนี้มักกังวลว่าจะพลาดแน่ ผู้ชมต้องไม่ชอบและตนเองมักเล่นได้ไม่ดีทุกครั้ง ซึ่งเป็นความคิดในทางลบทั้งสิ้น

5.3 ทฤษฏีความวิตกกังวล

5.3.1. ทฤษฏี แรงขับ (Drive Theory)

ทฤษฏี นี้กล่าวว่าระดับความวิตกกังวลเป็นสัดส่วนโดยตรงกับระดับความสามารถ ถ้านักกีฬามีความวิตกกังวลต่ำระดับความสามารถก็จะต่ำตาม แต่ ถ้านักกีฬามีความวิตกกังวลสูงระดับความสามารถก็จะสูงตาม ทฤษฏีนี้ใช้อธิบายได้ในนักกีฬาประเภทที่ต้องการความแข็งรงและพลังงานมากๆ เช่น ยกน้ำหนัก

 

5.3.2 ทฤษฏี ยูคว่ำ (Inverted U Theory)

ทฤษฏี นี้กล่าวว่าถ้ามีระดับความวิตกกังวล ต่ำและสูงระดับความสามารถต่ำ แต่ ถ้านักกีฬามีความวิตกกังวลเหมาะสมจะทำให้ระดับความสามารถสูง ทฤษฏีนี้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปและใช้อธิบายได้ในนักกีฬาได้ทุกประเภท

 

 

5.4 ความวิตกกังวลกับการแข่งขันกีฬา

1. จุดมุ่งหมายของการแข่งขัน ( Objective Competition Situation) เป็นเงื่อนไขสำคัญที่มีผลต่อการเล่นของนักกีฬา ห ากการแข่งขันนั้นๆ ม ีความหมายหรือมีความสำคัญที่รับรู้ได้ ท ำให้เกิดแรงกระตุ้นสูง เป็นแรงกดดันต่อการเล่น เกิดความเครียดทางร่างกายและความคิด เกิดเป็นความวิตกกังวลให้กับนักกีฬา เช่น การแข่งขันรอบตัดเชือก หากแพ้จะตกรอบ ชนะเท่านั้นจึงจะเข้ารอบ หรือการแข่งขันชิงชนะเลิศ ต้องชนะเท่านั้นจึงจะเป็นแชมเปี้ยน นอกจากนี้ยังรวมถึงจุดมุ่งหมายในการแข่งขันว่าเป็นการแข่งขันเพื่อชิงชนะเลิศ หรือเป็นเพียงการแข่งขันเชื่อมความสามัคคี แบบทีมเหย้า-เยือน เป็นการแข่งขันเน้นความสนุกสนาน ระดับการเกิดความวิตกกังวลก็จะแตกต่างกันออกไป

2. การประเมินสถานการณ์การแข่งขัน ( Subjective Competition Situation) เป็ นการรับรู้ คิด หรือประเมินสถานการณ์การแข่งขัน โดยเปรียบเทียบความสามารถของตนกับข้อเรียกร้องของสถานการณ์ กล่าวคือ การแข่งขันมีความสำคัญ คู่แข่งขันมีความสามารถสูงกว่าความสามารถของตนเอง มีผลต่อความคิด อารมณ์ และแรงจูงใจที่ส่งผลถึงการตอบสนองทางสรีระและพฤติกรรมการเล่นกีฬาหรือความสามารถในการเล่นกีฬานั่นเอง

3. การตอบสนอง ( Response) ที่เกิดขึ้นหล ังหรือพร้อมๆ ก ับการรับรู้ และประเมิน การสนองตอบต่อสถานการณ์ ทั้งทางสรีรวิทยา เช่น หัวใจเต้นเร็วและแรงขึ้น เหงื่อออกตามมือ เท้า หรือปวดปัสสาวะ การตอบสนองทางจิตวิทยาและอารมณ์ เช่นความกังวลใจ ตื่นเต้น รู้สึกเก็บกด กลัว รวมทั้งการตอบสนอง ทางพฤติกรรมทั้งก่อนและขณะแข่งขัน เช่น เดินไป-มา ไร้ความหมาย พูดมากกว่าปกติก่อนทำการแข่งขัน รวมถึงความสามารถในการเล่น อาจทำได้อย่างดี เป็นไปตามศักยภาพที่มี หรือเล่นได้ไม่ดี ไม่มีความเชื่อมั่น และเล่นพลาด สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดผลที่ตามมาที่แตกต่างกัน

4. ผลที่ตามมา ( Consequence) เป็น สิ่งที่ตามมาหลังการกระทำนั้นๆ ท ั้งที่เป็นผลทันที แ ละผลที่ตามมาเมื่อการแข่งขันจบ ผ ลที่ตามมานี้มีผลต่อกระบวนการจัดปรับความคิด ก ารประเมิน อารมณ์และจัดปรับพฤติกรรมใหม่ หรือจัดปรับวิธีการเล่นใหม่ต่อจากนั้นหรือเตรียมการเพื่อการแข่งขันครั้งใหม่ เช่น นักกีฬาวอลเลย์บอล เมื่อตัดสินใจที่จะตบลูกฝ่าการสกัดของฝ่ายตรงข้าม ผลที่เกิดขึ้นคือลูกไม่สามารถผ่านไปได้ ดังนั้น การกระทำครั้งต่อไป ตัวเลือกอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นคือ อาจจะเปลี่ยนมาใช้การหยอด หรือตบปาด เป็นต้น นอกจากนี้ผลที่ตามมาหลังเสร็จสิ้นการแข่งขันแล้ว ไม่ว่าแพ้หรือชนะ มีผลต่อการรับรู้ถึงผลสำเร็จหรือล้มเหลว ซึ่งความรู้สึกนี้แม้บางส่วนจะเกิดเองแต่ที่สำคัญคือการได้รับผลย้อนกลับจากคนหรือสังคมรอบข้างรวมทั้งการกำหนด และการบรรลุเป้าหมายในการแข่งขัน แม้จะแพ้อาจจะรู้สึกว่าตนเองประสบผลสำเร็จได้เพราะ ผลการแข่งขันบรรลุจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้หรือได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง

5.5 ความวิตกกังวล แบ่งตามสาเห ตุการเกิดเป็น 2 ชนิด ดังนี้

1. ความวิตกกังวลทางความคิด ( Cognitive anxiety) เป็นความวิตกกังวลทางจิตปัญญา เป็นการรับรู้ หรือถูกให้รับรู้เป็นอารมณ์ที่จะประเมินสถานการณ์ต่างๆ กับความสามารถที่ตนเองมีอยู่หากคิดหรือประเมินความสามารถของตนเองมีอยู่ ไม่มีความสมดุลกับข้อเรียกร้องจากสถานการณ์จะเกิดความวิตกกังวลมากน้อยขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพของแต่ละบุคคล บุคลิกภาพมีผลต่อการประเมินสถานการณ์ที่กำลังเผชิญไปในทางลบหรืออยากจนเป็นกังวล

2. ความวิตกกังวลทางสรีระ ( Somatic anxiety) เป็นปฏิกิริยาการเกิดความวิตกกังวลทางกายมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีระ เ มื่อนักกีฬาคิดหรือประเมินว่าความสามารถที่มีไม่สมดุลกับข้อเรียกร้องของสถานการณ์ที่เผชิญ จะเกิดความกังวล มีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาตามมา เช่น ความเครียด เกร็งของกล้ามเนื้อ ม่านตาขยาย เหงื่อออกตามฝ่ามือ ใจเต้นเร็ว แรง ความดันเลือดสูง ขนลุก ปวดปัสสาวะ หรือมือสั่น เป็นต้น

 

5.5 ปัจจัยที่มีผลต่อความวิตกกังวล

1. การรับรู้ถึงความสามารถของตนเอง ( Perceived ability) การรับรู้ตนเองว่าประสบผลสำเร็จหรือล้มเหลวจากการแข่งขัน การรับรู้ถึงความสามารถตนเองเกิดได้ทั้งจากการประเมินจากคนอื่นรอบข้าง และการรับรู้ถึงความสามารถจริงทั้งก่อน ขณะ และหลังการแข่งขันทำให้เกิดความวิตกกังวลได้

2. การคาดหวังความสำเร็จสูง ( Expectancy of success) แ ละการกลัวที่จะเล่นได้ไม่ดี (Pierce, 1980) การเป็นผู้ที่ตั้งความหวังการเล่นและการแข่งขันสูง ห วังความเป็นเลิศจากการแข่งขันกีฬาและกลัวแพ้ หรือเกรงที่จะเล่นได้ไม่ดีเท่าที่คาดไว้ หรือไม่สำเร็จที่ตนเองตั้งใจไว้หรือคนรอบข้างตั้งใจไว้ ทำให้เกิดความวิตกกังวลได้

3. การคาดว่าจะได้รับการประเมินที่ไม่ดีจากคนรอบข้าง ( Expectancy of negative evaluation) เช่น จากโค้ช เพื่อนร่วมทีม พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และสื่อมวลชนซึ่งมีความหมายมากกว่าคน หรือกลุ่มคนอื่นจะติเตียนหรือวิจารณ์ไปในทางที่ไม่ดี หากเป็นนักกีฬา เด็กมักกลัวผู้ใหญ่ติเตียน ลงโทษ หรือผู้ใหญ่ไม่รัก หากเล่นได้ไม่ไม่ดี

5.6 ความวิตกกังวลกับการแข่งขัน

1. ความวิตกกังวลก่อนการแข่งขัน (Pre competition Anxiety) เกิดจากสาเหตุ ดังนี้

1.1 ความวิตกกังวลว่าศักดิ์ศรี ( ego) จ ะลดลงเป็นความรู้สึก ก ลัวแพ้หรือแพ้ไม่ได้ เพราะเกรงว่าต้องยอมรับว่าตนเองไม่เก่ง กลัวอาย หากแพ้ หรือกลัวโค้ชต่อว่า ติเตียน รวมทั้งเกรงว่าสังคมคนรอบข้างและสื่อมวลชนจะวิจารณ์ไปในทางที่ไม่ดี หากเล่นแพ้และที่สำคัญที่สุดคือ กลัวสูญเสียความเชื่อมั่นในตนเอง และความสามารถที่มี

1.2 คาดหวังผลเลิศ ( Positive anticipation) การหวังผลว่าต้องชนะแน่นอนก่อนการแข่งขัน จะทำให้เกิดความวิตกกังวล การหวังผลเลิศเกิดจากความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง หรือการถูกคาดหวังผลเลิศจากโค้ช เพื่อร่วมทีม พ่อแม่ ผู้ปกครองและสื่อมวลชนจะทำให้เกิดความกดดันต่อเนื่องไปจนถึงความรู้สึกวิตกกังวลก่อนการแข่งขัน กลัวว่าผลการแข่งขันจะไม่เป็นไปตามความคาดหวังทั้งของตนเองและคนรอบข้าง

1.3 กลัวผลที่เป็นลบ ( Negative outcome certainly) เมื่อผลการแ ข่งขันออกมาไม่ดี ก็เท่ากับว่าต้องยอมรับผลนั้นเป็นตัวชี้ชัดถึงความพ่ายแพ้ เป็นจริงที่ยอมรับไม่ได้ว่าตนล้มเหลว ซึ่งเท่ากับถูกบังคับให้ยอมรับตนด้อยความสามารถ

อาการที่แสดงถึงความวิตกกังวลก่อนการแข่งขันกีฬา เมื่อมีความเครียดกับการแข่งขันมักแสดงอาการได้ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสรีระ เช่น ท้องปั่นป่วน ปวดปัสสาวะ เหงื่อออกมาก สั่นทั่วร่างกาย หาว หายใจผิดจังหวะ และการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น ฉุนเฉียวหงุดหงิดง่าย รวมทั้งพฤติกรรมเปลี่ยน เช่น การเดินไป-มาไร้ความหมาย พูดมากผิดปกติ เป็นต้น ผู้ฝึกสอน หรือเพื่อนร่วมทีมควรให้การช่วยเหลือให้กำลังใจ พูดแต่สิ่งทีดี

2. ความวิตกกังวลในขณะแข่งขัน ( Competition Anxiety)

นักกีฬา มีความวิตกกังวลในขณะแข่งขันแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพที่แตกต่างกัน น ักกีฬาที่มีความวิตกกังวลในการแข่งขันสูงมักจะประเมินการแข่งขันเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัว ม ีความกดดันและมีความวิตกกังวลสูงกว่าและบ่อยกว่านักกีฬาที่มีความวิตกกังวลถาวรในการแข่งขันต่ำ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าผู้หญิงมีความวิตกกังวลมากกว่านักกีฬาชาย ดังนั้นนักกีฬาหญิงมีแนวโน้มที่จะประเมินสถานการณ์แข่งขันว่าน่ากลัว มีแรงกดดันและน่าวิตกกังวลมากกว่านักกีฬาชาย นักกีฬาที่ประสบผลสำเร็จ แลที่พอใจกับความสามารถในการเล่นของตนเอง มีความวิตกกังวลถาวรต่ำกว่านักกีฬาที่ไม่ประสบผลสำเร็จ และนักกีฬาที่มีความวิตกกังวลถาวรสูงมักมีความวิตกกังวลเฉพาะกาลสูงกว่านักกีฬาที่มีความวิตกกังวลถาวรต่ำ นอกจากนี้ผลการแพ้-ชนะ มีผลต่อความวิตกกังวล เพราะเมื่อแพ้จะเกิดความวิตกกังวลเฉพาะกาลสูงกว่านักกีฬาที่ชนะหรือนักกีฬาที่ประสบผลสำเร็จ

3. ความวิตกกังวลหลังการแข่งขัน ( Post Competition Anxiety)

จากการศึกษาพบว่านักกีฬาทั้งหญิงและชายมีความวิตกกังวลหลังการแข่งขันทั้งสิ้น นักกีฬาที่ชนะมักมีความวิตกกังวลหลังการแข่งขันน้อยกว่าทีมแพ้ เพราะกลัวว่าจะได้รับการตอบสนอง หรือคำวิจารณ์ที่ไม่ดีจากคนรอบข้าง นักกีฬาบางคนอาจตอบสนองความวิตกกังวลหลังการแข่งขันในลักษณะที่แตกต่างกันได้ แม้ว่าไม่ปรากฏความวิตกก่อนการแข่งขันเลย

นอกจากนี้ยังมีนักกีฬาเด็ก หรือเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่เลิกเล่นกีฬาเพราะไม่ชอบและไม่สามารถทนต่อสภาวะที่มีความกดดันสูงจากการแข่งขันได้จึงตัดสินใจเลิกเล่นกีฬา จนมีคำถามที่ว่าการแข่งขันกีฬาสร้างแรงกดดันมากเกินไปหรือสร้างความวิตกกังวลสูงเกินไปหรือไม่ ดังนั้นจึงมีการวิจัยเกี่ยวกับ แรงกดดันกับการแข่งขันกีฬาโดยเปรียบเทียบกับกิจกรรมอื่นๆ ที่จัดให้เด็กในโรงเรียนพบว่าไม่เฉพาะการแข่งขันเท่านั้นที่สร้างความวิตกกังวลแต่การแสดงเดี่ยวในวงดนตรีที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลได้เช่นเดียวกัน

 

 



         
กลับหน้าหลัก กลับหัวข้อการเรียน กลับหน้าก่อน หน้าถัดไป