6. การบาดเจ็บบริเวณกระดูก

6.1 การบาดเจ็บบริเวณกระดูกจากอุบัติเหตุ

พบได้บ่อยๆ ในกีฬาที่มีการปะทะกัน เช่น รักบี้ ฟุตบอล แฮนด์บอล ฮอกกี้ เป็นต้น ถือว่าเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงเพราะไม่เพียงแต่กระดูกเท่านั้นที่ได้รับอันตราย แต่เนื้อเยื่อที่อยู่ภายในและภายนอกก็ได้รับอันตรายตามไปด้วยจากความรุนแรงของแรงกระทบกระแทก ตำแหน่งที่เกิดกระดูกหักมักจะเป็นที่แขนและขา ส่วนที่กระดูกสันหลังและกะโหลกศีรษะพบได้น้อยกว่า

6.2 กลไกการเกิดกระดูกหัก มี 2 อย่างคือ

1. จากแรงกระแทกโดยตรง ( direct injury) เช่น การชนกันเมื่อเล่นกีฬารักบี้ทำให้กระดูกหน้าแข้งหัก หรือถูกตีด้วยไม้ฮอกกี้ที่กระดูกหน้าแข้ง เป็นต้น

2. แรงจากกระทบโดยทางอ้อม ( Indirect injury) เกิดจากมีแรงมากระทบที่หนึ่งแต่ทำให้กระดูกอีที่หนึ่งหัก เช่น ขณะเล่นกีฬาแล้วหกล้มเอามือยันพื้นในท่าที่เหยียดแขน ทำให้กระดูกไหปล้าร้าหัก เป็นต้น หรือเกิดจากการที่มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อทันทีทันใด ทำให้ส่วนของกระดูกแตกหรือหลุดออกจากที่เดิมได้ เช่น เมื่อมีการหดตัวของกล้ามเนื้อต้นขาทันทีจากการวิ่งกระโดดหลบสิ่งกีดขวาง ขณะที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว ทำให้กระดูกสะบ้าแตกแยกออกจากกัน เป็นต้น

อาการแสดงที่พบได้คือ ที่บริเวณนั้นจะบวมมากขึ้นเรื่อยๆ จากเลือดที่ออกจากทั้งของกระดูกและเนื้อเยื่อรอบข้าง กดเจ็บ ผิดรูป เช่น คด งอ โก่ง และมีการเคลื่อนไหวได้จากเดิมที่บริเวณนั้น เคลื่อนไหวไม่ได้ ถ้ามีการขยับหรือเคลื่อนไหวบริเวณที่หักจะได้ยินเสียง “ กรอบแกรบ” จากปลายกระดูกที่หักถูไถกัน

แนวการรักษา

สิ่งแรกที่สำคัญที่สุด คือ ต้องไม่ให้ส่วนของกระดูกที่หักเคลื่อนไหว เพราะอาจเกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อใกล้เคียงทำให้เป็นอันตรายมากขึ้น หรือบางครั้งอาจทำให้ส่วนปลายของกระดูกที่หักทิ่มออกมาภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งที่ยุ่งยากอย่างมากต่อการรักษาเพราะต้องทำการผ่าตัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อเป็นหนองในกระดูก ดังนั้น จึงต้องทำการเข้าเฝือกชั่วคราว เพื่อให้ส่วนของกระดูกหักนั้นอยู่นิ่งๆ ก่อนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทุกครั้ง

6.3 หลักการเข้าเฝือกตามชั่วคราว ( Splinting)

เมื่อมีการเคลื่อนไหวของข้อต่อ จะทำให้กระดูกมีการเคลื่อนไหวตามไปด้วย ดังนั้นการเข้าเฝือกดามไม่ว่าจะเป็นเฝือกธรรมชาติ โดยการใช้ส่วนของร่างกายเป็นตัวดามกระดูกที่หัก เช่น พันต้นแขนกับลำตัวในรายที่กระดูกต้นแขนหัก ผูกขาทั้งสองข้างติดชิดกันในรายที่กระดูกหน้าแข้งหัก เป็นต้น หรือใช้สิ่งของดามกระดูก เช่น ไม้ กระดาษหนังสือพิมพ์ ฯลฯ ต้องอาศัยหลัก “ เหนือหนึ่งข้อต่อ ต่ำหนึ่งข้อต่อ” ( one joint above, one below) จึงจะยึดหรือตามกระดูกหักนั้นให้อยู่นิ่งๆ ได้ เช่น กระดูกหน้าแข้งหักต้อใช้ไม้ดามและพันด้วยผ้าตั้งแต่เหนือหัวเข่าจนถึงต่ำกว่าข้อเท้า เป็นต้น อย่าพยายามดึงกระดูกหักเข้าทีเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่ออื่นๆ มากยิ่งขึ้น การใช้ผ้าหรือเชือกมัดเฝือกชั่วคราวนี้ ต้องระวังอย่างให้แน่นจนเกินไป มิฉะนั้น จะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เกิดการบวมและขาดเลือดไปเลี้ยงได้ มีผ้าหรือสำลีรองบริเวณกระดูกหักหรือส่วนที่จะดามเฝือก ก็จะช่วยให้การเจ็บปวดน้อยลงหรือป้องกันการเกิดบาดแผลจากการกดของเฝือกชั่วคราวนั้นได้ การประคบเย็นบริเวณนั้นจะช่วยทำให้เลือดออกน้อยลง เพราะบางครั้งอาจเกิดการช็อกเนื่องจากเสียเลือดมากได้ จากนั้นรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วนที่สุด

 



         
กลับหน้าหลัก กลับหัวข้อการเรียน กลับหน้าก่อน หน้าถัดไป