7. การบาดเจ็บของกระดูกจากกระดูกหักล้า ( Stress fracture)

เกิดจากการใช้งานมากเกินไปซ้ำๆ ซากๆ และมีการกระแทกบ่อยๆ จะพบในนักวิ่งที่เพิ่มระยะทางเร็วเกินไป พวกที่วิ่งด้วยความเร็วมากเกินไปและพวกนักกีฬาที่ฝึกซ้อมมากเกินไปจะทำให้มีกระดูกร้าวที่บริเวณต่ำกว่าเขา เหนือข้อเท้าด้านนอกและเท้าได้ ส่วนนักกีฬาที่ยกของหนักหรือนักกีฬาที่ฝึกพลังอย่างหนักในการยกน้ำหนัก เช่น นักกีฬายกน้ำหนักหรือนักกีฬาที่ฝึกร่างกายโดยการยกน้ำหนักและนักกีฬาที่ฝึกเล่นกีฬาโดยมีการบิดตัวมากเกินไป เช่น นักกีฬายิมนาสติก นักเทนนิสที่ตีลูก โดยการสะบัดตัว ฯลฯ จะทำให้มีกระดูกร้าวที่กระดูกสั้นหลังระดับเอวได้

อาการที่พบจะมีความเจ็บปวดที่ตำแหน่งใดตำแหน่งเดียว โดยจะมีอาการเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาและถ้ายังไม่หยุดวิ่งหรือเล่นกีฬาก็จะเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ จนทนแทบไม่ได้ ถ้าใช้นิ้วกดตรงตำแหน่งนั้นก็จะเจ็บ ส่วนที่หลังนั้นถ้ามีการบิดหรือหมุนตัวก็จะเจ็บมากที่กึ่งกลางหลังเหนือตะโพกระดับเอว การที่จะสามารถรู้ได้ว่านั่นคือการบาดเจ็บที่กระดูกเพราะมันจะแข็งและอยู่ที่ผิวนอก เช่น ที่หลังเท้าเหนือตาตุ่มด้านนอกเล็กน้อยและสันหน้าแข้งตอนบน ส่วนที่บริเวณหลังนั้นยากต่อการทราบว่ามีกระดูกร้าวนอกจากดูจากภาพเอกเรย์ นอกจากนี้ยังอาจพบกระดูกร้าวจากการวิ่งและการเล่นกีฬาที่หนักได้ ที่บริเวณกระดูกเชิงกรานและหัวเหน่าโดยเฉพาะนักกีฬาวัยรุ่น

แนวการรักษา

เมื่อมีการเจ็บปวดขณะเล่นกีฬา หรือวิ่งในตำแหน่งบริเวณขาดังได้กล่าวแล้ว หรือเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ที่จุดใดจุดหนึ่ง ให้หยุดวิ่งหรือเล่นกีฬาทันที พัก ประคบด้วยน้ำแข็ง 15-20 นาที ให้ยาแก้ปวด อาการจะดีขึ้น แต่จะไม่หายปวด ถึงแม้เวลาจะผ่านเลยไป 3 วัน หรือ 3 สัปดาห์ แล้วก็ตามถ้าสามารถจับจุดที่กดเจ็บได้ว่าเป็นส่วนของกระดูกให้พบแพทย์ทันที แพทย์จะเอกเรย์ แต่จะพบว่าเอกซเรย์ปกติ ในรายที่เป็นครั้งแรกจนถึง 3-6 สัปดาห์ แต่เมื่อมีอาการเจ็บตรงกระดูกก็ต้องพักรักษาตัวหยุดออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างน้อย 6 สัปดาห์จนถึง 3 เดือน แล้วแต่ความรุนแรงของกระดูกที่ร้าว ให้ยาบำรุงกระดูกจำพวกแคลเซียมและวิตามินซีขนาดสูงร่วมด้วย พร้อมๆ กับเอกซเรย์เป็นระยะ จะพบว่าหลังจาก 3 สัปดาห์เป็นต้นไป จะเห็นรอยร้าวของกระดูก และต่อๆ มาก็จะเริ่มมีเนื้อกระดูกงอกใหม่เกิดขึ้นจนรอยร้าวหายไป จึงจะหายและกลับไปเล่นกีฬาหรือวิ่งต่อไปได้ การรักษาโรคกระดูกหักกล้าที่ขานี้ไม่จำเป็นต้องใส่เฝือก แต่ให้งดการลงน้ำหนักมากในระยะแรกอาจต้องใช้ไม้เท้าถือเพื่อลดการรับน้ำหนักของขาข้างที่มีกระดูกร้าว ช่วยในการเดินชั่วคราวในช่วง 3 สัปดาห์แรก เมื่อกลับมาเล่นกีฬาหรือวิ่งใหม่ต้องวิ่งอย่างช้าๆ บนพื้นที่นุ่ม เช่น พื้นหญ้า พื้นทราย และใส่ร้องเท้าที่มีพื้นนิ่มเพื่อลดแรงกระแทก จากนั้นจึงค่อยเพิ่มหรือการเล่นกีฬาจนสามารถเล่นกีฬาหรือวิ่งได้ตามปกติ ซึ่งต้องใช้เวลาในช่วงนี้ประมาณ 3 ถึง 6 เดือน

ส่วนกระดูกหักล้าบริเวณสันหลังระดับเอวนั้น จะมีอาการปวดบริเวณกึ่งกลางหลังจากที่เริ่มปวดทีละน้อยๆ แล้วมากขึ้นเรื่อยๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกีฬายกน้ำหนักและนักกีฬาที่เล่นกีฬาโดยมีการบิดหรือสะบัดลำตัว) ถ้ามีอาการดังกล่าวให้พักทันที เพราะอันตรายมาก จากนั้นจึงพบแพทย์และทำการเอกซเรย์หาพยาธิสภาพของโรคปวดหลังทันที เพราะถ้ามีการร้าวในระยะแรกนั้นสามารถจะหายได้ แต่ถ้าปล่อยให้เป็นมากขึ้น จะทำให้มีการหักหรือขากของกระดูกสันหลัง ( spondylolysis) ซึ่งต้องหยุดเล่นกีฬาที่ต้องใช้หลังทันที ต้องเล่นแต่กีฬาที่เบาๆ เพราะถ้าเล่นกีฬาหนักหรือยกของหนักหรือมีการหมุนบิดตัวจะทำให้กระดูกสันหลังเลื่อนไปข้างหน้า ( spondylolisthesis) มีการกดทับเส้นประสาทของไขสันหลังทำให้เกิดเป็นอัมพาตได้ โรคนี้สำคัญมากเพราะส่วนมากมักจะทราบช้าและเป็นมากทำให้ไม่สามารถเล่นกีฬาได้อย่างเดิม

7.1 ตำแหน่งของกระดูกหักล้าที่พบบ่อยจากการเล่นกีฬา

1. บริเวณเท้า มักเกิดที่กระดูกฝ่าเท้า ( metatarsal) อันที่ 2,3 และ 4 พบในนักกีฬาหรือนักวิ่งที่เล่นกีฬาหรือวิ่งบนพื้นแข็งและพวกวิ่งขึ้นหรือลงจากที่สูง กระดูกร้าวที่บริเวณนี้ไม่ได้เกิดจากรูปทรงบนพื้นที่แข็งหรือทางลาดขึ้นลง การรักษาในระยะแรกที่เกิดกระดูกร้าว ไม่จำเป็นต้องใส่เฝือกดังกล่าวแล้ว แต่ถ้ายังเล่นกีฬาหรือวิ่งต่อไปทั้งๆ ที่เกิดกระดูกร้าวแล้ว ก็จำเป็นต้องใส่เฝือกนาน 4-6 สัปดาห์ แต่บางตำแหน่งที่มีเอ็นกล้ามเนื้อยึดเกาะด้วยอาจต้องเข้าเฝือกนานถึง 2 เดือน

2. บริเวณเหนือข้อเท้าด้านนอก เกิดที่กระดูกน่อง ( fibula) มักพบในนักกีฬาหรือนักวิ่งที่ฝ่าเท้าแบนคว่ำบิดออกนอก นักกีฬาที่ฝึกหรือวิ่งมากเกินไป เล่นกีฬาหรือวิ่งบนพื้นที่แข็งซ้ำๆ ซากๆ จะเริ่มมีอาการเจ็บมากขึ้นทีละน้อยๆ ที่ด้านนอกของเท้าเหนือตาตุ่มประมาณ 5 ถึง 8 เซนติเมตร อาจจะบวมเล็กน้อย แต่ที่แน่ๆ คือ มีจุดกดเจ็บตรงตำแหน่งนี้ ถ้าอาการไม่มากหรือได้รับการรักษาในระยะแรก ก็ไม่ต้องใส่เฝือก แต่ถ้าอาการมากเนื่องจากปวดแม้เวลาเดินก็ต้องใส่เฝือกนาน 3-6 สัปดาห์ ที่ดีที่สุดคือ ใส่เฝือกพวก fibre-glass ที่เปือกน้ำได้ เพื่อที่จะได้ออกกำลังวิ่ง รอการหายแต่ต้องเป็นการวิ่งในน้ำ เมื่อหายก็สามารถเล่นกีฬาหรือวิ่งต่อไปตามปกติได้เร็วขึ้น

3. บริเวณกระดูกหน้าแข็ง ( tibia) ตรงตำแหน่งด้านในตอนบนของขาต่ำกว่าเข่าประมาณ 5-10 เซนติเมตร พบบ่อยในนักวิ่งที่มีขาโก่ง หรือนักกีฬาที่ฝึกหนักเกินไป พวกที่ฝึกหรือวิ่งบนพื้นที่แข็งซ้ำๆ ซากๆ จะมีอาการเจ็บมากขึ้นทีละน้อยๆ และมีจุดกดเจ็บ กระดูดร้าวที่บริเวณนี้จะไม่เห็นในภาพเอกซเรย์ จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 1-6 เดือน นับตั้งแต่เจ็บครั้งแรกจะเห็นภาพกระดูกร้าวในภาพเอกซเรย์ การรักษาก็คล้ายคลึงกับที่กระดูกน่อง

การป้องกันกระดูกหักล้าบริเวณขา ต้องหลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาโดยเฉพาะการวิ่งบนพื้นที่แข็งเป็นระยะเวลานานๆ หรือวิ่งอย่างสม่ำเสมอไม่ควรฝึกหนักจนเกินไป ไม่ควรวิ่งด้วยความเร็วบ่อยๆ ในการวิ่งระยะยาวไม่ควรวิ่งกระแทกบนพื้นวิ่งที่ขึ้นหรือลงจากที่สูง ใส่รองเท้านิ่มเพื่อลดและดูดรับแรงกระแทกที่เท้า ต้องรู้จักประมาณตนไม่หักโหมจนเกินไป นอกจากนี้ยังต้องปรับโครงสร้างที่ผิดรูปโดยอุปกรณ์ เพื่อลดการเกิดอันตรายจากโรคนี้ เช่น เสริมรองเท้าสำหรับที่คว่ำบิดออกนอกหรือขาโก่งให้ถูกต้อง เพื่อลดการเกิดกระดูกร้าวตามตำแหน่งที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่อไป

4. บริเวณกระดูกสันหลังระดับเอว ( pars interarticularis) เกิดที่บริเวณกระดูกสันหลังตรงส่วนที่คล้ายๆ กับเป็นเสาบ้าน มักพบในนักกีฬาที่ยกน้ำหนักมากๆ เช่น นักยกน้ำหนัก นักเพาะกาย นักกีฬาที่ฝึกหนักโดยการยกน้ำหนักและในนักกีฬาที่เล่นหรือฝึกด้วยการหมุนหรือบิดลำตัวและบั้นเอว เช่น นักกีฬายิมนาสติก นักกีฬาเทนนิสที่ตีลูกหลังมือ ( back hand) โดยการบิดและสะบัดตัวนักเต้นกายบริหารที่หมุนบิดลำตัวอยู่อย่างซ้ำๆ ซากๆ เมื่อเล่นหรือฝึกบ่อยๆ จะทำให้กระดูกสันหลังบริเวณดังกล่าวเสื่อมสลายเกิดการร้าวหรือหักได้ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากเพราะถ้ายังไม่หยุดหรือรับการตรวจรักษา จะทำให้มีการเคลื่อนของกระดูกสันหลัง (เนื่องจากไม่มีตัวยึดเหนี่ยว) เกิดเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทของไขสันหลังทำให้เป็นอัมพาตได้ การตรวจพบในระยะแรกที่เริ่มมีอาการและยังไม่มีการร้าวหรือหักของกระดูกมากนัก สามารถรักษาให้หายเป็นปกติดังเดิมได้ แต่ถ้ามีการหักของกระดูกบริเวณนี้แล้ว การทำให้หายเป็นปกติทำได้ยาก เพราะกระดูกไม่สามารถเชื่อมติดกันได้อีก นอกจากจะทำให้เป็นโรคปวดหลังเรื้อรังแล้ว ยังไม่สามารถเล่นกีฬาที่มีการหมุนของลำตัวระดับบั้นเอวได้ต่อไป การป้องกันและการรักษานั้น นอกจากจะต้องบริหารให้มีกล้ามเนื้อหลังที่แข็งแรงเป็นพิเศษอยู่เสมอแล้ว บางครั้งอาจต้องใส่เสื้อดาม ( brace) เพื่อประคองกระดูกสันหลังระดับเอวเมื่ออกกำลังกายและการทำงานบางอย่างที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่บริเวณหลังด้วย ( มหาวิทยาลัยมหิดล :2548)

 



         
กลับหน้าหลัก กลับหัวข้อการเรียน กลับหน้าก่อน หน้าถัดไป