หลักการจัดและปรับปรุงการสุขาภิบาลที่พักอาศัย |
|
การจัดหรือปรับปรุงที่พักอาศัยให้ถูกสุขลักษณะก่อให้เกิดความสะดวกสบายทาง |
ร่างกายของผู้ที่อยู่อาศัย เนื่องจากเป็นการจัดที่สนองตอบความต้องการพื้นฐานทาง |
ร่างกายของมนุษย์ และช่วยป้องกันควบคุมโรคติดต่อ รวมทั้งอุบัติเหตุต่าง ๆ ได้ |
การจัดและปรับสรุปที่พักอาศัย ควรคำนึงถึงความต้องการของร่างกายและจิตใจ |
ประกอบกัน กล่าวคือ |
1. |
ความต้องการพื้นฐานทางด้านร่างกาย เป็นความต้องการอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มี |
ความเหมาะสมอันประกอบด้วย อุณหภูมิ และความชื้นที่พอเหมาะ อากาศที่สะอาดและ |
มีการถ่ายเทในที่พักอาศัย มีแสงสว่างเพียงพอและเหมาะสมกับสายตา รวมทั้งไม่มี |
สิ่งที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน รำคาญต่าง ๆ เช่น เสียงดัง แมลงต่าง ๆ รวมทั้งกลิ่น |
เหม็นรบกวน |
2. |
ความต้องการพื้นฐานทางด้านจิตใจ เป็นความต้องการอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ให้ |
ความรู้สึกเป็นเอกเทศหรือเป็นอิสระ รวมทั้งความรู้สึกว่าที่พักอาศัยนี้สามารถปกป้อง |
กันอันตรายจากสัตว์ โจรผู้ร้าย หรือความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ เช่น |
ความหนาว พายุ กระแสลม หรือฟ้าผ่า เป็นต้น |
|
จากความต้องการดังกล่าวจึงมีการกำหนดแนวทางการจัดและปรับปรุงที่พักอาศัย |
ว่าควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ |
|
อุณหภูมิและความชื้น (Temperature and Humidity) เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ |
ต่อผู้อยู่อาศัย เพราะหากอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิหรือความชื้นที่ไม่เหมาะกับร่างกายอาจทำ |
ให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตัว เช่น ถ้าอากาศมีความชื้นมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จะเกิด |
การกลั่นตัวของไอน้ำ ภายในห้องระดับสูงมากและทำให้มีการเน่าเปื่อยของสารอินทรีย์ |
ได้ง่ายและรวดเร็ว หากมีความชื้นต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์จะทำให้ร่างกายสูญเสีย |
ความชื้นเพื่อปรับความสมดุลกับความชื้นภายในห้องทำให้เกิดเลือดออกทางจมูก |
หรือหนาวสั่น นอกจากนี้ระดับอุณหภูมิและความชื้นยังมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้ |
อาศัยด้วย กล่าวคือ ในที่ที่มีอุณหภูมิและความชื้นสูงจะทำให้รู้สึกเฉื่อยชา ส่วนผู้ที่ |
อาศัยในที่อากาศเย็นและแห้ง หรือมีความชื้นต่ำมักมีความรู้สึกกระตือรือร้น ระดับของ |
อุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมไม่มีเกณฑ์กำหนดแน่นอนขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ |
ต่าง ๆเช่น ความไวต่อการรับความรู้สึก สุขภาพอนามัย เพศ กิจกรรมที่กำลังกระทำ |
เครื่องแต่งกาย อายุของผู้อยู่อาศัย เชื้อชาติและความเคยชินของแต่ละบุคคล จึงมีการ |
ประมาณการเกณฑ์เฉลี่ยของอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย |
แตกต่างกัน เช่น |
|
คนในประเทศแถบเอเชีย มีความรู้สึกสบายตัวเมื่ออยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิระหว่าง |
24 – 26 องศาเซลเซียส (75 – 78 องศาฟาเรนไฮต์) และมีความชื้นสัมพัทธ์ระหว่าง |
30 – 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่คนในประเทศยุโรปหรืออเมริกา เห็นว่า อุณหภูมิที่ |
กับร่างกายควรอยู่ระหว่าง 18 –21 องศาเซลเชียส (65 – 70 องศาฟาเรนต์ไฮต์) |
และสำหรับคนไทยอุณหภูมิที่เหมาะสมในอาคารที่พักอาศัยควรอยู่ในระหว่าง |
23 – 26 องศาเซลเซียส และมีความชื้นสัมพัทธ์อยู่ในเกณฑ์ระหว่าง |
30 – 60 เปอร์เซ็นต์ |
2. |
การระบายอากาศ (Ventilation)เป็นสิ่งที่ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนอบอ้าวและ |
ขจัดกลิ่นเหม็นอับรวมทั้งความชื้นต่าง ๆ ซึ่งทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความรู้สึกสบายกายและ |
ใจอีกทั้งยังไม่ทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่าง ๆ ภายในที่พักอาศัย |
การระบายอากาศต้องอาศัยประตู หน้าต่าง และช่องลมที่เหมาะสมกับพื้นที่ภายในห้อง |
ซึ่งอาจใช้พัดลม หรือเครื่องปรับอากาศช่วยระบายอากาศด้วย การระบายอากาศที่ |
ไม่ดีพอจะก่อให้เกิดความรู้สึกอึดอัดเนื่องจากอุณหภูมิในห้องสูงขึ้นเพราะมีการคาย |
ความร้อนจากร่างกายทำให้มีเหงื่อมาก นอกจากนี้ยังทำให้เกิดความชื้นภายใน |
ห้องสูงขึ้นจากเหงื่อที่ออกจากร่างกาย และหากมีกิจกรรมที่ทำให้เกิดกลิ่นเช่นการใช้ |
สารเคมีภายในบ้าน การประกอบอาหาร จะทำให้เกิดเหตุรำคาญขึ้นได้ |
|
การระบายอากาศที่มีความเหมาะสมย่อมทำให้เกิดความรู้สึกสบายตัว ซึ่งอาจ |
ใช้การระบายอากาศด้วยวิธีธรรมชาติ เช่นออกแบบที่พักอาศัยให้มีประตูหน้าต่างและ |
ช่องระบายลมไม่น้อยกว่า 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ห้องและสามารถเปิดออก |
ได้ไม่น้อยกว่า 45 เปอร์เซ็นต์ของ พื้นที่หน้าต่าง ส่วนท่อระบายอากาศในห้องน้ำควร |
มีอัตราการถ่ายเทอากาศอย่างน้อยที่สุดไม่ต่ำ กว่า 2 ลูกบาศก์ฟุตต่อพื้นที่ห้อง |
1 ตารางฟุต |
|
3. |
แสงสว่าง (Lighting) เป็นส่วนสำคัญในการมองสิ่งต่าง ๆ ในห้องที่พักอาศัยแสง |
สว่างที่อยู่ในระดับเหมาะสมกับสายตาจะเป็นสิ่งช่วยลดอุบัติเหตุจากการเดินชน |
กระแทกสะดุดสิ่งต่าง ๆ ในห้อง แสงสว่างของที่พักอาศัยมีทั้งวิธีธรรมชาติ ซึ่งได้ตอน |
กลางวันเป็นส่วนใหญ่ และแสงสว่างจากดวงไฟฟ้า การรับแสงสว่างจากธรรมชาติใน |
เวลากลางวันต้องจัดห้องให้มีพื้นที่ของประตู หน้าต่าง และช่องลมอย่างน้อยร้อยละ 20 |
ของพื้นที่ห้องทั้งหมด โดยระดับขอบล่างของหน้าต่างสูง กว่าระดับของพื้นห้องประมาณ |
ครึ่งหนึ่งของความสูงภายในห้อง และระดับบนของหน้าต่างอยู่ชิดกับขอบของเพดาน |
ให้มากที่สุด เพื่อกระจายแสงสว่างให้ได้มาก พื้นที่ของหน้าต่างต้องมีส่วนเปิดมองเห็น |
ท้องฟ้าได้อย่างน้อย 1 ใน 3 ของพื้นที่หน้าต่างทั้งหมด สำหรับการจัดแสงสว่างจากดวง |
ไฟฟ้า ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำและขนาดของห้อง ดังแนวทาง |
ที่ปรากฏในตาราง ต่อไปนี้ |
|
|
นอกจากนี้สีของพื้นผิวเพดาน ฝาผนัง หรือพื้นอาคาร ยังมีส่วนช่วยสะท้อนแสงสว่าง |
ภายในห้องได้เช่นกัน หากเป็นห้องที่ต้องการความสว่างมาก ควรทาสีที่สามารถ |
สะท้อนแสงได้ดีซึ่งอยู่ในกลุ่มสีอ่อนเรียงตามลำดับได้ |
|
4. |
เหตุรำคาญ (Nuisances) เป็นสิ่งที่รบกวนต่อความเป็นสุขของมนุษย์ในภาวะ |
ปกติ ทำให้ผู้อาศัยหงุดหงิด รำคาญ และไม่มีสมาธิ อันเป็นเหตุให้ประสิทธิภาพ |
การทำงานลดลง นอนไม่หลับ พักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย และเสีย |
สุขภาพจิต เหตุรำคาญที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ประกอบด้วย |
|
4.1 เสียงรบกวน หมายถึง เสียงที่ก่อให้เกิดความรำคาญ ซึ่งมีองค์ประกอบ 2 |
ประการคือ ระบบของเสียง และความดังของเสียง เสียงที่มีความถี่ต่ำ ๆ และสูง ๆ |
ทำให้เกิดความเข้มของเสียงสูงอาจทำให้เกิดการเจ็บหู ขณะที่เสียงดังจะทำให้ |
ปวดศีรษะ หูชั้นในถูกทำลาย เสียงดังที่เกิดจากที่พักอาศัยมักเกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้า |
ต่าง ๆส่วนเสียงที่เกิดในชุมชนอาจเกิดจากรถยนต์ เครื่องจักร รถตักดิน เป็นต้น |
เสียงที่มนุษย์ฟังได้สูงสุดคือ 120 เดซิเบล |
|
4.2 การสั่งสะเทือนรบกวน หมายถึง การสั่นสะเทือนที่เกิดจากเครื่องยนต์ |
เครื่องจักร การจราจร เช่น รถบรรทุกขนาดใหญ่ เครื่องขุดเจาะคอนกรีต ปั้นจั่น |
การระเบิดภูเขาหิน เป็นต้น เหตุรำคาญจากการสั่นสะเทือน นอกจากสร้างความรำคาญ |
แล้วอาจทำให้ทรัพย์สินเสียหาย หรือที่พักอาศัยทรุดตัวจากแรงสั่นสะเทือน ดังกล่าวได้ |
|
4.3 กลิ่นรบกวน หมายถึง กลิ่นเหม็นจนทำให้ผู้อาศัยรู้สึกผิดปกติในการสูดดม |
กลิ่นเหม็นส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการเน่าเปื่อยของอินรีย์สาร หรือปฏิกิริยาของ |
สารเคมีต่าง ๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม ที่พักอาศัย จึงควรตั้งให้ห่างจากแหล่งทิ้งของเสีย |
และโรงงานต่าง ๆ |
|
4.4 ควันรบกวน หมายถึง การเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์และเกิดอนุภาคของคาร์บอน |
และคาร์บอนมอนอกไซด์ ทำให้หายใจไม่สะดวก มึนศีรษะ หรือเกิดอาการระคายเคือง |
ต่าง ๆ รวมทั้งทำให้มีอัตราเสี่ยงเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ และเยื่อบุตาง ๆ อักเสบ |
การออกแบบก่อสร้าง และการระบายอากาศภายในที่พักอาศัยที่ดีจะช่วยลดเหตรบกวน |
ุดังกล่าวได้ |
5. |
ความเป็นเอกเทศ บริเวณที่พักอาศัยควรมีความเป็นอิสระในตัวเอง ภายใน |
อาคารที่พักอาศัยควรมีการจัดห้องต่าง ๆ เป็นสัดส่วน เช่น ห้องนอนห้อง รับแขก |
ห้องครัว เป็นต้น การจัดห้องนอนควรให้แต่ละคนมีห้องส่วนตัวโดยเฉพาะหรืออาจนอน |
รวมกันได้ไม่ควรเกินห้องละ 2 คน และแยกเพศกัน พื้นที่ของห้องนอนเดี่ยวควรมี |
ขนาดประมาณ 70 – 80 ตารางฟุต สูง 10 ฟุต ส่วนห้องนอนคู่ควรมีขนาดระหว่าง |
110 – 120 ตารางฟุต สูง 10 ฟุตเช่นกัน |
6. |
ให้ความรู้สึกปลอดภัย การอยู่อาศัยในที่ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความรู้สึก |
ปลอดภัยจะส่งผลให้มีสุขภาพจิตดี ซึ่งควรอยู่ในที่ที่มีสิ่งแวดล้อมปลอดภัยพิบัติต่าง ๆ |
เช่น อุทกภัย อัคคีภัย สัตว์ร้าย หรือโจรผู้ร้าย นอกจากนี้การออกแบบและก่อสร้างที่ |
มั่นคงแข็งแรงมีระบบป้องกันอัคคีภัยที่ดี สามารถป้องกันเสียงดังรบกวนจากภายนอกได้ |
และมีพื้นที่กว้างขวางเหมาะสมกับจำนวนผู้อยู่อาศัย ล้วนเป็นลักษณะที่ทำให้เกิดความ |
รู้สึกมั่นคงปลอดภัยในการอยู่อาศัย |
7. |
ความสะอาดของที่พักอาศัย ทำให้เกิดความสบายตาสบายใจเมื่อพบเห็น |
การรักษา ความสะอาดที่พักอาศัย การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งสกปรกต่าง ๆ |
ย่อมช่วยป้องกันโรคหรือพาหะต้องมีการวางฝังอย่างเหมาะสมแล้ว การใช้วัสดุใน |
การก่อสร้างที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย จัดวางอุปกรณ์เครื่องใช้ให้เหมาะสมและ |
สะดวกต่อการใช้งานย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้พักอาศัย |
8. |
จัดให้มีความสะดวกสบายแก่ผู้อยู่อาศัย เป็นการจัดหาสิ่งอำนวยความ |
สะดวกตามความจำเป็นพื้นฐานต่าง ๆ เช่นมีน้ำสะอาดและพอเพียงต่อการอุปโภค |
บริโภค ทำให้ช่วยป้องกันโรคติดต่อโดยเฉพาะโรคระบบทางเดินอาหาร โดยทั่วไป |
ที่พักอาศัยในชุมชนเมืองใหญ่มีความต้องการน้ำประมาณ 270 – 300 ลิตรตอคนต่อ |
วันชุมชนขนาดเล็กมีความต้องการน้ำประมาณ 120 – 150 ลิตรต่อคนต่อวันส่วนชุมชน |
ชนบทมีความต้องการน้ำประมาณ 45 – 70 ลิตรต่อคนต่อวันนอกจากนี้ควรมีทางหรือ |
ถนนรวมทั้งมีไฟฟ้าเข้าถึงที่พักอาศัยด้วย |
9. |
การกำจัดขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูล โดยมีภาชนะรองรับหรือเก็บกักมูลฝอย |
ที่ถูกต้องเหมาะสมและเพียงพอภายในที่พักอาศัย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคเนื่องจาก |
แมลงและสัตว์แทะ เป็นพาหะนำโรค รวมทั้งเป็นการป้องกันสารพิษและวัตถุอันตรายที่ |
อาจทำให้เกิดอุบัติภัยได้ ส่วนการกำจัดสิ่งปฏิกูลต้องให้ถูกหลักสุขาภิบาล เพื่อช่วย |
ลดการแพร่กระจายของโรคระบบทางเดินอาหารที่ผ่านทางสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ดังนั้น |
การสร้างส้วมตามหลักสุขาภิบาลจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับสุขภัณฑ์ |
ที่ต้องมีตามลักษณะอาคารประเภทต่าง ๆ |
|
10. |
การระบายน้ำเสียและน้ำผิวดิน หมายถึง การมีระบบระบายน้ำฝนหรือน้ำที่ใช้ |
แล้วได้สะดวกและเพียงพอเพื่อไม่ให้มีน้ำเปรอะเปื้อน และขังเป็นแอ่งตามบริเวณ |
บ้านหรือใกล้เคียง ซึ่งจะกลายเป็นแหล่งวางไข่ของแมลงวันและยุง รวมทั้งแมลงนำโรค |
อื่น ๆ ดังนั้น การระบายน้ำเสียและน้ำผิวดินที่มีประสิทธิภาพ ย่อมช่วยในการควบคุม |
โรคติดต่อได้วิธีการหนึ่ง ที่พักอาศัยประเภทห้องชุดหรืออาคารชุดต้องมีระบบระบายน้ำ |
สู่แหล่งชุดหรืออาคารชุดต้องมีระบบระบายน้ำสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งโดยตรง ซึ่งต้อง |
ไม่ก่อให้เกิด เสียง กลิ่น ฟอง กาก ที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อาศัยใกล้เคียง |
และน้ำเสียต้องมีการบำบัด ก่อนระบายสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง |
11. |
การป้องกันอุบัติเหตุ โดยทั่วไปมนุษย์ใช้เวลาในที่พักอาศัยวันละประมาณ 15 |
ชั่วโมง จึงมีโอกาสประสบอุบัติเหตุในลักษณะต่าง ๆ ได้ เช่น การพลัดตกหกล้ม |
การเกิดไฟไหม้การลัดวงจรของไฟฟ้า การบาดเจ็บเนื่องจากของมีคม การได้รับพิษ |
จากการใช้สารเคมีหรือสารพิษโดยไม่ได้ระมัดระวัง การป้องกันอุบัติเหตุดังกล่าว |
จึงควรจัดที่พักอาศัยให้เกิดความปลอดภัย ดังนี้ |
|
11.1 ออกแบบและเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างที่ถูกต้องเหมาะสม เพื่อป้องกัน |
ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม เช่น ทำราวบันไดสำหรับจับขณะขึ้นลงบันได |
มีแสงสว่างที่เพียงพอตามบริเวณทางขึ้นลง หรือทางเดินภายในบ้าน |
|
11.2 เลือกใช้อุปกรณ์ในที่พักอาศัยอย่างเหมาะสมและติดไฟยาก โดยเฉพาะ |
วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างห้องครัว ซึ่งต้องมีเตาไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆสำหรับใช้ |
อาหาร ซึ่งควรตรวจสภาพไม่ให้ชำรุด นอกจากนี้ควรมีอุปกรณ์ดับเพลิง และติดตั้ง |
สัญญาณเตือนเมื่อเกิดควันไฟรวมทั้งเก็บสำรองน้ำเพื่อใช้ในการดับเพลิง |
|
11.3 การจัดการเดินสายไฟฟ้าและใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความปลอดภัยเพื่อเป็นการ |
ป้องกันอุบัติเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือไฟฟ้าดูด การใช้สายไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานและมี |
อุปกรณ์ตัดกระแสไฟฟ้าเมื่อเกิดไฟฟ้ารั่วหรือดูดย่อมเป็นวิธีป้องกันปัญหาได้เป็น |
อย่างดี |
|
11.4 ตรวจสอบและใช้สารเคมีหรือสารพิษอย่างระมัดระวัง เนื่องจากในปัจจุบันมี |
การนำสารเคมีต่าง ๆ มาใช้ในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะการใช้ยาฆ่าแมลง การทำความ |
สะอาดที่พักอาศัย ภาชนะอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย |
แก่ผู้อยู่อาศัย เช่น การใช้ปุ๋ยเคมี โดยคิดว่าเป็นน้ำตาลทราย หรือใช้ผงซักฟอกโดย |
คิดว่าเป็นเกลือป่น |
|
11.5 เก็บอุปกรณ์ของมีคมให้เป็นสัดส่วน โดยเฉพาะมีด กรรไกรกระจก หรือ |
อุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านต่าง ๆ ต้องเก็บให้มิดชิด และพ้นมือเด็กเล็กเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ |
ที่พักอาศัยที่มีกระจกเป็นอุปกรณ์ตกแต่งควรหาสติดเกอร์หรือภาพติดไว้เพื่อป้องกัน |
การเดินชนกระจก |
|
11.6 บำรุงรักษาและซ่อมแซมที่พักอาศัย ที่พักอาศัยซึ่งมีส่วนที่ชำรุดทรุดโทรม |
ตามการใช้งาน ควรซ่อมแซมบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพแข็งแรงปลอดภัยจากอุบัติเหตุ |
เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดต่อผู้อยู่อาศัย และยังสามารถป้องกันการรุกรานจากโจร |
ผู้ร้ายด้วย นอกจากนี้การดื่มสุราหรือรับประทานยาที่ทำให้ง่วงหรือรางกายเมื่อยล้า |
อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่นกัน |
|
แนวทางการจัดและปรับปรุงที่พักอาศัยดังกล่าว สามารถกำหนดเป็นหลักการ |
พิจารณาสร้างที่พักอาศัยได้ ดังนี้ |
|
1. ลักษณะของที่พักอาศัย มีการออกแบบที่ถูกสุขลักษณะ ป้องกันน้ำท่วมได้ การ |
ถ่ายเทอากาศดี แสงสว่างเพียงพอ วัสดุที่ใช้ก่อสร้างคงทนแข็งแรงไม่เป็นเชื้อเพลิง |
ได้ง่ายไม่เก็บความชื้นหรือความร้อนไว้มาก |
|
2. สภาพแวดล้อม หลีกเลี่ยงการอาศัยใกล้แหล่งมลพิษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม |
โรงฆ่าสัตว์ โรงมหรสพ มีการคมนาคมสะดวก อยู่ใกล้แหล่งน้ำ มีระบบระบายน้ำดี |
ไม่มีต้นไม้ใหญ่หรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ บังทิศทางแสงแดดและลม |
|
3. มีระบบสาธารณูปโภคครบถ้วน ประกอบด้วย การมีระบบน้ำประปา ไฟฟ้า |
โทรศัพท์ และระบบอื่น ๆ ที่อำนวยความสะดวก เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย |
การเก็บกำจัดขยะมูลฝอย เป็นต้น |
|
4. จัดแบ่งห้องออกเป็นสัดส่วน เพื่อใช้ประโยชน์ได้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลที่ |
พักอาศัย จึงควรแบ่งแยกห้องเป็นสัดส่วนต่าง ๆ เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัว |
ห้องน้ำ ห้องส้วม และห้องรับประทานอาหาร |
|
การจัดที่พักอาศัยให้น่าอยู่ควรหมั่นทำความสะอาดห้องต่าง ๆ และจัดภายใน |
ห้องให้เป็นระเบียบ ไม่รกรุงรังเพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยของแมลงต่าง ๆ ภายในบ้าน |
บริเวณนอกครัวต้องมีการระบายควัน และกลิ่นอาหารออกจากบ้าน ควรมีตู้เก็บอาหาร |
ถังขยะ รองรับขยะมูลฝอยที่ถูกสุขลักษณะ เพื่อป้องกันแมลงและสัตว์แทะภายในบ้าน |
ห้องต่าง ๆ ในบ้าน ควรเปิดหน้าต่างเพื่อให้ระบายอากาศได้สะดวกโดยมีแสงสว่างส่อง |
เข้าได้ทุกห้องเพื่อป้องกัน การอับชื้น ห้องน้ำ ห้องส้วม ต้องสะอาดปราศจากกลิ่น |
อากาศถ่ายเทได้ดี และมีแสงสว่างพอเพียง ถ้าที่พักอาศัยมีบริเวณรอบ ๆ ควรจัดให้เป็น |
ระเบียบ ปลูกต้นไม้ให้ร่มรื่น สวยงาม |
|
|
|
|