หลักการจัดและปรับปรุงการสุขาภิบาลที่พักอาศัย                | 
          
          
            |   | 
            การจัดหรือปรับปรุงที่พักอาศัยให้ถูกสุขลักษณะก่อให้เกิดความสะดวกสบายทาง | 
          
          
            ร่างกายของผู้ที่อยู่อาศัย   เนื่องจากเป็นการจัดที่สนองตอบความต้องการพื้นฐานทาง  | 
            
          
          
          
            | ร่างกายของมนุษย์  และช่วยป้องกันควบคุมโรคติดต่อ  รวมทั้งอุบัติเหตุต่าง ๆ ได้  | 
          
          
            | การจัดและปรับสรุปที่พักอาศัย  ควรคำนึงถึงความต้องการของร่างกายและจิตใจ | 
          
          
            | ประกอบกัน  กล่าวคือ | 
          
          
            1.  | 
            ความต้องการพื้นฐานทางด้านร่างกาย  เป็นความต้องการอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มี | 
          
          
            | ความเหมาะสมอันประกอบด้วย  อุณหภูมิ และความชื้นที่พอเหมาะ อากาศที่สะอาดและ | 
            
          
            | มีการถ่ายเทในที่พักอาศัย  มีแสงสว่างเพียงพอและเหมาะสมกับสายตา รวมทั้งไม่มี | 
            
          
            | สิ่งที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน  รำคาญต่าง ๆ เช่น เสียงดัง แมลงต่าง ๆ รวมทั้งกลิ่น | 
          
          
            | เหม็นรบกวน | 
          
          
          
          
            2.  | 
            ความต้องการพื้นฐานทางด้านจิตใจ  เป็นความต้องการอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ให้ | 
          
          
            | ความรู้สึกเป็นเอกเทศหรือเป็นอิสระ  รวมทั้งความรู้สึกว่าที่พักอาศัยนี้สามารถปกป้อง | 
            
          
          
            | กันอันตรายจากสัตว์  โจรผู้ร้าย  หรือความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ เช่น | 
          
          
            | ความหนาว พายุ  กระแสลม หรือฟ้าผ่า  เป็นต้น | 
          
          
             | 
            จากความต้องการดังกล่าวจึงมีการกำหนดแนวทางการจัดและปรับปรุงที่พักอาศัย | 
            
          
            ว่าควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้  | 
            
          
             | 
            อุณหภูมิและความชื้น (Temperature  and Humidity) เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ | 
            
          
            | ต่อผู้อยู่อาศัย  เพราะหากอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิหรือความชื้นที่ไม่เหมาะกับร่างกายอาจทำ | 
          
          
            | ให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตัว  เช่น ถ้าอากาศมีความชื้นมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จะเกิด  | 
          
          
            | การกลั่นตัวของไอน้ำ  ภายในห้องระดับสูงมากและทำให้มีการเน่าเปื่อยของสารอินทรีย์ | 
          
          
            | ได้ง่ายและรวดเร็ว  หากมีความชื้นต่ำกว่า  20 เปอร์เซ็นต์จะทำให้ร่างกายสูญเสีย | 
          
          
            | ความชื้นเพื่อปรับความสมดุลกับความชื้นภายในห้องทำให้เกิดเลือดออกทางจมูก | 
          
          
            | หรือหนาวสั่น  นอกจากนี้ระดับอุณหภูมิและความชื้นยังมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้ | 
          
          
            | อาศัยด้วย  กล่าวคือ ในที่ที่มีอุณหภูมิและความชื้นสูงจะทำให้รู้สึกเฉื่อยชา ส่วนผู้ที่  | 
          
          
            | อาศัยในที่อากาศเย็นและแห้ง  หรือมีความชื้นต่ำมักมีความรู้สึกกระตือรือร้น ระดับของ | 
          
          
            | อุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมไม่มีเกณฑ์กำหนดแน่นอนขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ  | 
          
          
            | ต่าง  ๆเช่น  ความไวต่อการรับความรู้สึก  สุขภาพอนามัย เพศ กิจกรรมที่กำลังกระทำ | 
          
          
            | เครื่องแต่งกาย  อายุของผู้อยู่อาศัย เชื้อชาติและความเคยชินของแต่ละบุคคล  จึงมีการ | 
          
          
            | ประมาณการเกณฑ์เฉลี่ยของอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย | 
          
          
            | แตกต่างกัน  เช่น | 
          
          
            |   | 
            คนในประเทศแถบเอเชีย  มีความรู้สึกสบายตัวเมื่ออยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิระหว่าง | 
            
          
            | 24 – 26  องศาเซลเซียส (75 – 78 องศาฟาเรนไฮต์) และมีความชื้นสัมพัทธ์ระหว่าง  | 
          
          
            | 30 –  60 เปอร์เซ็นต์  ขณะที่คนในประเทศยุโรปหรืออเมริกา  เห็นว่า อุณหภูมิที่ | 
          
          
            | กับร่างกายควรอยู่ระหว่าง  18 –21  องศาเซลเชียส (65 – 70 องศาฟาเรนต์ไฮต์) | 
          
          
            | และสำหรับคนไทยอุณหภูมิที่เหมาะสมในอาคารที่พักอาศัยควรอยู่ในระหว่าง | 
          
          
            | 23 –  26 องศาเซลเซียส และมีความชื้นสัมพัทธ์อยู่ในเกณฑ์ระหว่าง | 
          
          
            | 30 – 60 เปอร์เซ็นต์ | 
          
          
            2.  | 
            การระบายอากาศ (Ventilation)เป็นสิ่งที่ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนอบอ้าวและ | 
            
          
            | ขจัดกลิ่นเหม็นอับรวมทั้งความชื้นต่าง  ๆ ซึ่งทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความรู้สึกสบายกายและ | 
          
          
            | ใจอีกทั้งยังไม่ทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่าง  ๆ ภายในที่พักอาศัย  | 
          
          
            | การระบายอากาศต้องอาศัยประตู หน้าต่าง  และช่องลมที่เหมาะสมกับพื้นที่ภายในห้อง | 
          
          
            | ซึ่งอาจใช้พัดลม  หรือเครื่องปรับอากาศช่วยระบายอากาศด้วย การระบายอากาศที่ | 
          
          
            | ไม่ดีพอจะก่อให้เกิดความรู้สึกอึดอัดเนื่องจากอุณหภูมิในห้องสูงขึ้นเพราะมีการคาย | 
            
          
            | ความร้อนจากร่างกายทำให้มีเหงื่อมาก นอกจากนี้ยังทำให้เกิดความชื้นภายใน | 
          
          
            | ห้องสูงขึ้นจากเหงื่อที่ออกจากร่างกาย  และหากมีกิจกรรมที่ทำให้เกิดกลิ่นเช่นการใช้ | 
          
          
            | สารเคมีภายในบ้าน  การประกอบอาหาร จะทำให้เกิดเหตุรำคาญขึ้นได้ | 
            
          
            |   | 
            การระบายอากาศที่มีความเหมาะสมย่อมทำให้เกิดความรู้สึกสบายตัว  ซึ่งอาจ | 
            
          
            | ใช้การระบายอากาศด้วยวิธีธรรมชาติ  เช่นออกแบบที่พักอาศัยให้มีประตูหน้าต่างและ | 
          
          
            | ช่องระบายลมไม่น้อยกว่า  10 – 15 เปอร์เซ็นต์   ของพื้นที่ห้องและสามารถเปิดออก | 
          
          
            | ได้ไม่น้อยกว่า  45 เปอร์เซ็นต์ของ พื้นที่หน้าต่าง  ส่วนท่อระบายอากาศในห้องน้ำควร | 
          
          
            | มีอัตราการถ่ายเทอากาศอย่างน้อยที่สุดไม่ต่ำ กว่า 2  ลูกบาศก์ฟุตต่อพื้นที่ห้อง | 
          
          
            | 1 ตารางฟุต | 
          
          
             | 
          
          
          
            3.  | 
            แสงสว่าง (Lighting)  เป็นส่วนสำคัญในการมองสิ่งต่าง ๆ ในห้องที่พักอาศัยแสง | 
            
          
            | สว่างที่อยู่ในระดับเหมาะสมกับสายตาจะเป็นสิ่งช่วยลดอุบัติเหตุจากการเดินชน  | 
          
          
            | กระแทกสะดุดสิ่งต่าง ๆ  ในห้อง แสงสว่างของที่พักอาศัยมีทั้งวิธีธรรมชาติ ซึ่งได้ตอน | 
          
          
            | กลางวันเป็นส่วนใหญ่  และแสงสว่างจากดวงไฟฟ้า  การรับแสงสว่างจากธรรมชาติใน | 
          
          
            | เวลากลางวันต้องจัดห้องให้มีพื้นที่ของประตู  หน้าต่าง  และช่องลมอย่างน้อยร้อยละ 20  | 
          
          
            | ของพื้นที่ห้องทั้งหมด  โดยระดับขอบล่างของหน้าต่างสูง กว่าระดับของพื้นห้องประมาณ | 
          
          
            | ครึ่งหนึ่งของความสูงภายในห้อง  และระดับบนของหน้าต่างอยู่ชิดกับขอบของเพดาน | 
            
          
            | ให้มากที่สุด  เพื่อกระจายแสงสว่างให้ได้มาก พื้นที่ของหน้าต่างต้องมีส่วนเปิดมองเห็น | 
          
          
            | ท้องฟ้าได้อย่างน้อย  1 ใน 3 ของพื้นที่หน้าต่างทั้งหมด สำหรับการจัดแสงสว่างจากดวง | 
          
          
            | ไฟฟ้า  ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำและขนาดของห้อง ดังแนวทาง | 
          
          
            | ที่ปรากฏในตาราง ต่อไปนี้ | 
            
          
             | 
            
          
            |   | 
            นอกจากนี้สีของพื้นผิวเพดาน  ฝาผนัง หรือพื้นอาคาร ยังมีส่วนช่วยสะท้อนแสงสว่าง | 
            
          
            | ภายในห้องได้เช่นกัน  หากเป็นห้องที่ต้องการความสว่างมาก ควรทาสีที่สามารถ | 
          
          
            | สะท้อนแสงได้ดีซึ่งอยู่ในกลุ่มสีอ่อนเรียงตามลำดับได้ | 
          
          
             | 
            
          
            4.  | 
            เหตุรำคาญ (Nuisances) เป็นสิ่งที่รบกวนต่อความเป็นสุขของมนุษย์ในภาวะ | 
            
          
            | ปกติ ทำให้ผู้อาศัยหงุดหงิด  รำคาญ และไม่มีสมาธิ อันเป็นเหตุให้ประสิทธิภาพ | 
          
          
            | การทำงานลดลง  นอนไม่หลับ  พักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย และเสีย | 
          
          
            | สุขภาพจิต เหตุรำคาญที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ  ประกอบด้วย | 
          
          
            |   | 
            4.1 เสียงรบกวน หมายถึง เสียงที่ก่อให้เกิดความรำคาญ ซึ่งมีองค์ประกอบ 2  | 
            
          
            | ประการคือ  ระบบของเสียง และความดังของเสียง เสียงที่มีความถี่ต่ำ ๆ และสูง  ๆ  | 
          
          
            | ทำให้เกิดความเข้มของเสียงสูงอาจทำให้เกิดการเจ็บหู  ขณะที่เสียงดังจะทำให้ | 
          
          
            | ปวดศีรษะ  หูชั้นในถูกทำลาย เสียงดังที่เกิดจากที่พักอาศัยมักเกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้า  | 
          
          
            | ต่าง  ๆส่วนเสียงที่เกิดในชุมชนอาจเกิดจากรถยนต์ เครื่องจักร  รถตักดิน เป็นต้น  | 
          
          
            | เสียงที่มนุษย์ฟังได้สูงสุดคือ  120 เดซิเบล | 
          
          
            |   | 
            4.2 การสั่งสะเทือนรบกวน หมายถึง การสั่นสะเทือนที่เกิดจากเครื่องยนต์ | 
            
          
            | เครื่องจักร  การจราจร   เช่น รถบรรทุกขนาดใหญ่ เครื่องขุดเจาะคอนกรีต ปั้นจั่น | 
          
          
            | การระเบิดภูเขาหิน  เป็นต้น เหตุรำคาญจากการสั่นสะเทือน นอกจากสร้างความรำคาญ | 
          
          
            | แล้วอาจทำให้ทรัพย์สินเสียหาย  หรือที่พักอาศัยทรุดตัวจากแรงสั่นสะเทือน ดังกล่าวได้ | 
          
          
            |   | 
            4.3 กลิ่นรบกวน หมายถึง   กลิ่นเหม็นจนทำให้ผู้อาศัยรู้สึกผิดปกติในการสูดดม | 
            
          
            | กลิ่นเหม็นส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการเน่าเปื่อยของอินรีย์สาร  หรือปฏิกิริยาของ | 
          
          
            | สารเคมีต่าง  ๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม  ที่พักอาศัย จึงควรตั้งให้ห่างจากแหล่งทิ้งของเสีย | 
          
          
            | และโรงงานต่าง  ๆ | 
          
          
          
            |   | 
            4.4 ควันรบกวน หมายถึง การเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์และเกิดอนุภาคของคาร์บอน | 
            
          
            | และคาร์บอนมอนอกไซด์  ทำให้หายใจไม่สะดวก มึนศีรษะ หรือเกิดอาการระคายเคือง | 
          
          
            | ต่าง ๆ  รวมทั้งทำให้มีอัตราเสี่ยงเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ  และเยื่อบุตาง ๆ อักเสบ | 
          
          
            | การออกแบบก่อสร้าง  และการระบายอากาศภายในที่พักอาศัยที่ดีจะช่วยลดเหตรบกวน | 
          
          
            | ุดังกล่าวได้ | 
            
          
            5.  | 
            ความเป็นเอกเทศ   บริเวณที่พักอาศัยควรมีความเป็นอิสระในตัวเอง ภายใน | 
            
          
            | อาคารที่พักอาศัยควรมีการจัดห้องต่าง  ๆ เป็นสัดส่วน เช่น ห้องนอนห้อง รับแขก | 
          
          
            | ห้องครัว เป็นต้น การจัดห้องนอนควรให้แต่ละคนมีห้องส่วนตัวโดยเฉพาะหรืออาจนอน | 
          
          
            | รวมกันได้ไม่ควรเกินห้องละ  2 คน และแยกเพศกัน  พื้นที่ของห้องนอนเดี่ยวควรมี | 
          
          
            | ขนาดประมาณ  70 – 80 ตารางฟุต สูง 10 ฟุต ส่วนห้องนอนคู่ควรมีขนาดระหว่าง  | 
          
          
            | 110 –  120  ตารางฟุต สูง 10 ฟุตเช่นกัน | 
          
          
          
            6.  | 
            ให้ความรู้สึกปลอดภัย   การอยู่อาศัยในที่ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความรู้สึก | 
            
          
            | ปลอดภัยจะส่งผลให้มีสุขภาพจิตดี  ซึ่งควรอยู่ในที่ที่มีสิ่งแวดล้อมปลอดภัยพิบัติต่าง  ๆ | 
            
          
            | เช่น อุทกภัย อัคคีภัย  สัตว์ร้าย หรือโจรผู้ร้าย   นอกจากนี้การออกแบบและก่อสร้างที่ | 
          
          
            | มั่นคงแข็งแรงมีระบบป้องกันอัคคีภัยที่ดี  สามารถป้องกันเสียงดังรบกวนจากภายนอกได้  | 
          
          
            | และมีพื้นที่กว้างขวางเหมาะสมกับจำนวนผู้อยู่อาศัย  ล้วนเป็นลักษณะที่ทำให้เกิดความ | 
          
          
            | รู้สึกมั่นคงปลอดภัยในการอยู่อาศัย | 
            
          
            7.  | 
            ความสะอาดของที่พักอาศัย ทำให้เกิดความสบายตาสบายใจเมื่อพบเห็น | 
            
          
            | การรักษา ความสะอาดที่พักอาศัย  การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งสกปรกต่าง ๆ  | 
            
          
            | ย่อมช่วยป้องกันโรคหรือพาหะต้องมีการวางฝังอย่างเหมาะสมแล้ว  การใช้วัสดุใน | 
          
          
            | การก่อสร้างที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย  จัดวางอุปกรณ์เครื่องใช้ให้เหมาะสมและ | 
          
          
            | สะดวกต่อการใช้งานย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้พักอาศัย | 
          
          
            8.  | 
            จัดให้มีความสะดวกสบายแก่ผู้อยู่อาศัย  เป็นการจัดหาสิ่งอำนวยความ | 
            
          
            | สะดวกตามความจำเป็นพื้นฐานต่าง  ๆ เช่นมีน้ำสะอาดและพอเพียงต่อการอุปโภค | 
            
          
            | บริโภค ทำให้ช่วยป้องกันโรคติดต่อโดยเฉพาะโรคระบบทางเดินอาหาร โดยทั่วไป | 
          
          
            | ที่พักอาศัยในชุมชนเมืองใหญ่มีความต้องการน้ำประมาณ  270 – 300  ลิตรตอคนต่อ | 
          
          
            | วันชุมชนขนาดเล็กมีความต้องการน้ำประมาณ  120 – 150  ลิตรต่อคนต่อวันส่วนชุมชน | 
          
          
            | ชนบทมีความต้องการน้ำประมาณ  45 – 70 ลิตรต่อคนต่อวันนอกจากนี้ควรมีทางหรือ | 
          
          
            | ถนนรวมทั้งมีไฟฟ้าเข้าถึงที่พักอาศัยด้วย | 
          
          
          
            9.  | 
            การกำจัดขยะมูลฝอย  และสิ่งปฏิกูล โดยมีภาชนะรองรับหรือเก็บกักมูลฝอย | 
            
          
            | ที่ถูกต้องเหมาะสมและเพียงพอภายในที่พักอาศัย  เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคเนื่องจาก | 
            
          
            | แมลงและสัตว์แทะ  เป็นพาหะนำโรค  รวมทั้งเป็นการป้องกันสารพิษและวัตถุอันตรายที่ | 
            
          
            | อาจทำให้เกิดอุบัติภัยได้  ส่วนการกำจัดสิ่งปฏิกูลต้องให้ถูกหลักสุขาภิบาล  เพื่อช่วย | 
            
          
            | ลดการแพร่กระจายของโรคระบบทางเดินอาหารที่ผ่านทางสิ่งปฏิกูลต่าง  ๆ ดังนั้น | 
          
          
            | การสร้างส้วมตามหลักสุขาภิบาลจึงเป็นสิ่งจำเป็น  ซึ่งได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับสุขภัณฑ์ | 
          
          
            | ที่ต้องมีตามลักษณะอาคารประเภทต่าง  ๆ  | 
          
          
             | 
            
          
            10.  | 
            การระบายน้ำเสียและน้ำผิวดิน หมายถึง การมีระบบระบายน้ำฝนหรือน้ำที่ใช้ | 
            
          
            | แล้วได้สะดวกและเพียงพอเพื่อไม่ให้มีน้ำเปรอะเปื้อน  และขังเป็นแอ่งตามบริเวณ | 
          
          
            | บ้านหรือใกล้เคียง  ซึ่งจะกลายเป็นแหล่งวางไข่ของแมลงวันและยุง  รวมทั้งแมลงนำโรค | 
          
          
            | อื่น  ๆ ดังนั้น  การระบายน้ำเสียและน้ำผิวดินที่มีประสิทธิภาพ  ย่อมช่วยในการควบคุม | 
          
          
            | โรคติดต่อได้วิธีการหนึ่ง  ที่พักอาศัยประเภทห้องชุดหรืออาคารชุดต้องมีระบบระบายน้ำ | 
          
          
            | สู่แหล่งชุดหรืออาคารชุดต้องมีระบบระบายน้ำสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งโดยตรง  ซึ่งต้อง | 
          
          
            | ไม่ก่อให้เกิด เสียง กลิ่น ฟอง  กาก ที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อาศัยใกล้เคียง  | 
          
          
            | และน้ำเสียต้องมีการบำบัด ก่อนระบายสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง | 
          
          
            11.  | 
            การป้องกันอุบัติเหตุ   โดยทั่วไปมนุษย์ใช้เวลาในที่พักอาศัยวันละประมาณ 15 | 
            
          
            | ชั่วโมง  จึงมีโอกาสประสบอุบัติเหตุในลักษณะต่าง ๆ ได้ เช่น การพลัดตกหกล้ม | 
          
          
            | การเกิดไฟไหม้การลัดวงจรของไฟฟ้า  การบาดเจ็บเนื่องจากของมีคม การได้รับพิษ | 
          
          
            | จากการใช้สารเคมีหรือสารพิษโดยไม่ได้ระมัดระวัง  การป้องกันอุบัติเหตุดังกล่าว | 
          
          
            | จึงควรจัดที่พักอาศัยให้เกิดความปลอดภัย  ดังนี้ | 
            
          
            |   | 
             11.1 ออกแบบและเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างที่ถูกต้องเหมาะสม  เพื่อป้องกัน | 
            
          
            | ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม  เช่น ทำราวบันไดสำหรับจับขณะขึ้นลงบันได | 
          
          
            | มีแสงสว่างที่เพียงพอตามบริเวณทางขึ้นลง  หรือทางเดินภายในบ้าน | 
          
          
            |   | 
            11.2 เลือกใช้อุปกรณ์ในที่พักอาศัยอย่างเหมาะสมและติดไฟยาก  โดยเฉพาะ | 
            
          
            | วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างห้องครัว  ซึ่งต้องมีเตาไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆสำหรับใช้  | 
          
          
            | อาหาร  ซึ่งควรตรวจสภาพไม่ให้ชำรุด  นอกจากนี้ควรมีอุปกรณ์ดับเพลิง และติดตั้ง | 
          
          
            | สัญญาณเตือนเมื่อเกิดควันไฟรวมทั้งเก็บสำรองน้ำเพื่อใช้ในการดับเพลิง | 
          
          
            |   | 
            11.3 การจัดการเดินสายไฟฟ้าและใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความปลอดภัยเพื่อเป็นการ | 
            
          
            | ป้องกันอุบัติเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร  หรือไฟฟ้าดูด การใช้สายไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานและมี | 
            
          
            | อุปกรณ์ตัดกระแสไฟฟ้าเมื่อเกิดไฟฟ้ารั่วหรือดูดย่อมเป็นวิธีป้องกันปัญหาได้เป็น | 
            
          
            | อย่างดี | 
            
          
            |   | 
            11.4 ตรวจสอบและใช้สารเคมีหรือสารพิษอย่างระมัดระวัง  เนื่องจากในปัจจุบันมี | 
            
          
            | การนำสารเคมีต่าง  ๆ มาใช้ในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะการใช้ยาฆ่าแมลง การทำความ | 
          
          
            | สะอาดที่พักอาศัย  ภาชนะอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย | 
          
          
            | แก่ผู้อยู่อาศัย  เช่น การใช้ปุ๋ยเคมี  โดยคิดว่าเป็นน้ำตาลทราย หรือใช้ผงซักฟอกโดย | 
          
          
            | คิดว่าเป็นเกลือป่น | 
          
          
            |   | 
            11.5 เก็บอุปกรณ์ของมีคมให้เป็นสัดส่วน  โดยเฉพาะมีด กรรไกรกระจก หรือ | 
            
          
            | อุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านต่าง  ๆ ต้องเก็บให้มิดชิด และพ้นมือเด็กเล็กเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ | 
            
          
            | ที่พักอาศัยที่มีกระจกเป็นอุปกรณ์ตกแต่งควรหาสติดเกอร์หรือภาพติดไว้เพื่อป้องกัน | 
            
          
            | การเดินชนกระจก  | 
            
          
            |   | 
            11.6 บำรุงรักษาและซ่อมแซมที่พักอาศัย  ที่พักอาศัยซึ่งมีส่วนที่ชำรุดทรุดโทรม | 
            
          
            | ตามการใช้งาน  ควรซ่อมแซมบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพแข็งแรงปลอดภัยจากอุบัติเหตุ | 
            
          
            | เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดต่อผู้อยู่อาศัย  และยังสามารถป้องกันการรุกรานจากโจร | 
            
          
            | ผู้ร้ายด้วย  นอกจากนี้การดื่มสุราหรือรับประทานยาที่ทำให้ง่วงหรือรางกายเมื่อยล้า | 
          
          
            | อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่นกัน  | 
          
          
            |   | 
            แนวทางการจัดและปรับปรุงที่พักอาศัยดังกล่าว  สามารถกำหนดเป็นหลักการ | 
            
          
            | พิจารณาสร้างที่พักอาศัยได้  ดังนี้ | 
            
          
            |   | 
            1. ลักษณะของที่พักอาศัย  มีการออกแบบที่ถูกสุขลักษณะ ป้องกันน้ำท่วมได้ การ | 
            
          
            | ถ่ายเทอากาศดี  แสงสว่างเพียงพอ วัสดุที่ใช้ก่อสร้างคงทนแข็งแรงไม่เป็นเชื้อเพลิง | 
            
          
            | ได้ง่ายไม่เก็บความชื้นหรือความร้อนไว้มาก | 
            
          
            |   | 
            2. สภาพแวดล้อม  หลีกเลี่ยงการอาศัยใกล้แหล่งมลพิษ  เช่น โรงงานอุตสาหกรรม | 
            
          
            | โรงฆ่าสัตว์  โรงมหรสพ มีการคมนาคมสะดวก อยู่ใกล้แหล่งน้ำ  มีระบบระบายน้ำดี | 
          
          
            | ไม่มีต้นไม้ใหญ่หรือสิ่งปลูกสร้างอื่น  ๆ บังทิศทางแสงแดดและลม | 
          
          
            |   | 
            3. มีระบบสาธารณูปโภคครบถ้วน  ประกอบด้วย การมีระบบน้ำประปา ไฟฟ้า | 
            
          
            | โทรศัพท์  และระบบอื่น ๆ ที่อำนวยความสะดวก เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย | 
          
          
            | การเก็บกำจัดขยะมูลฝอย  เป็นต้น | 
            
          
            |   | 
            4. จัดแบ่งห้องออกเป็นสัดส่วน  เพื่อใช้ประโยชน์ได้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลที่ | 
            
          
            | พักอาศัย  จึงควรแบ่งแยกห้องเป็นสัดส่วนต่าง ๆ เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัว | 
            
          
            | ห้องน้ำ  ห้องส้วม  และห้องรับประทานอาหาร | 
            
          
            |   | 
            การจัดที่พักอาศัยให้น่าอยู่ควรหมั่นทำความสะอาดห้องต่าง  ๆ และจัดภายใน | 
            
          
            | ห้องให้เป็นระเบียบ  ไม่รกรุงรังเพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยของแมลงต่าง ๆ ภายในบ้าน | 
          
          
            | บริเวณนอกครัวต้องมีการระบายควัน  และกลิ่นอาหารออกจากบ้าน ควรมีตู้เก็บอาหาร | 
          
          
            | ถังขยะ รองรับขยะมูลฝอยที่ถูกสุขลักษณะ  เพื่อป้องกันแมลงและสัตว์แทะภายในบ้าน | 
          
          
            | ห้องต่าง ๆ ในบ้าน ควรเปิดหน้าต่างเพื่อให้ระบายอากาศได้สะดวกโดยมีแสงสว่างส่อง | 
          
          
            | เข้าได้ทุกห้องเพื่อป้องกัน การอับชื้น  ห้องน้ำ ห้องส้วม ต้องสะอาดปราศจากกลิ่น  | 
          
          
            | อากาศถ่ายเทได้ดี และมีแสงสว่างพอเพียง ถ้าที่พักอาศัยมีบริเวณรอบ  ๆ ควรจัดให้เป็น  | 
          
          
            | ระเบียบ  ปลูกต้นไม้ให้ร่มรื่น สวยงาม | 
            
          
            |   | 
              | 
              | 
              |