หลักการจัดการสุขาภิบาลน้ำและอาหารในชุมชน
  การสุขาภิบาลบางประเภทมีความสำคัญและจำเป็นที่ต้องดำเนินการให้ชุมชน
ได้แก่
1.
การจัดหาน้ำสะอาด  น้ำเป็นสิ่งจำเป็นของการดำรงชีวิตเพื่อใช้อุปโภคและ
บริโภคการจัดหาน้ำสะอาดให้แก่ชุมชน จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้คนในชุมชนมีสุขภาพ
แข็งแรง และเป็นภารกิจของรัฐที่ต้องกำหนดให้มีหน่วยงานต่าง ๆขึ้นรับผิดชอบดำเนิน
งานจัดหาน้ำสะอาด และดูแลบำรุงรักษาแห่งน้ำให้ชุมชนอันประกอบด้วย  การประปา
นครหลวงการประปาส่วนภูมิภาค กรมทรัพยากรธรณี  กรมอนามัยกรมการเร่งรัด
พัฒนาชนบทกรมโยธาธิการ กรมการปกครอง กรมพัฒนาชุมชน กรมชลประทาน
กรมประชาสัมพันธ์  กรมพัฒนาที่ดิน  และ กรป.กลาง การจัดหาน้ำสะอาดที่นำมา
บริการชุมชนได้แก่แหล่งน้ำต่าง ๆ ที่มีในธรรมชาติ ประกอบด้วย
  น้ำฝน ควรมีการกักเก็บโดยจัดหาภาชนะรองรับและเก็บกัก เช่นโอ่ง  ถังเก็บน้ำฝน
หรือแท็งก์น้ำ โดยทั่วไปน้ำฝนจัดเป็นน้ำที่มีคุณภาพดี  สะอาด และปลอดภัย แต่ควร
เป็นน้ำฝนที่ตกหลังช่วงแรกของฤดูฝนเพื่อให้ชะล้างฝุ่นละออง ความสกปรกของ
และหลังคาที่รองรับน้ำฝนให้สะอาดก่อน น้ำฝนเป็นน้ำสะอาดที่มีไว้ อุปโภคบริโภค
ในครัวเรือน ตามพื้นที่ชนบทที่ยังไม่มีมลพิษ เพราะสะดวกในการกักเก็บและมีความ
สะอาดโดยไม่ต้องใช้กรรมวิธีทำให้น้ำสะอาดหรือฆ่าเชื้อโรคแต่ประการใด
  น้ำผิวดิน เป็นน้ำจากแม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำ จัดเป็นน้ำดื่มที่ต้องทำให้
สะอาดตามกรรมวิธีการประปา โดยเริ่มจากการสูบน้ำเข้าถังกวน ผสม ด้วยสารส้ม
แล้วปล่อยให้ ตกตะกอนผ่านไปถังกรอง เข้าถังน้ำใสและผสมคลอรีนฆ่าเชื้อก่อนสูบจ่าย
ให้ประชาชนผู้ใช้น้ำ
  น้ำบาดาลเป็นน้ำที่ได้จากน้ำพุหรือน้ำใต้ดินอื่นๆ คุณภาพของน้ำจะขึ้นอยู่กับสภาพ
ที่เก็บกักน้ำใต้ดิน ซึ่งอาจใส่สารฆ่าเชื้อโรคเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าเป็นน้ำบาดาล
ที่มีแร่ธาตุเจือปนอยู่ในปริมาณเกิดกว่ามาตรฐานที่กำหนดสำหรับน้ำดื่มต้องผ่านกรรม
วิธีแยกแร่ธาตุออกจากน้ำ
  การจัดหาน้ำสะอาดทั้ง 3 แหล่งดังกล่าวมีเกณฑ์ที่พึงปฏิบัติคือต้องเป็นน้ำสะอาด
ปลอดภัย  มีปริมาณเพียงพอและให้บริการได้ทั่วถึง
  การจัดหาน้ำสะอาดสำหรับชุมชนขนาดใหญ่จะใช้น้ำผิวดินและน้ำบาดาลเป็นแหล่ง
น้ำดิบของการประปาซึ่งมีสิ่งปนเปื้อนตามธรรมชาติ รวมทั้งสารละลาย สารเคมีและ
สิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ในน้ำ จึงจำเป็นต้องผ่านกระบวนการทำน้ำให้สะอาดก่อนจ่ายน้ำให้คน
ในชุมชนผ่านระบบท่อน้ำถึงบ้าน การทำน้ำประปามีขั้นตอนประกอบการพิจารณา ดังนี้
1.
การวิเคราะห์เบื้องต้น  เป็นการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา
น้ำสะอาด เช่น แหล่งน้ำดิบ จำนวนประชากร แหล่งเงินทุนว่ามีมากน้อยเพียงใดและ
มีความเหมาะสมหรือไม่
2.
การจัดทำแผนแม่บท เป็นการวางรูปแบบเค้าโครงทั้งด้านวิชาการ การลงทุน
ระยะเวลา รายรับรายจ่าย เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาให้ดำเนินการได้สมบุรณ์และ
เต็มโครงการ
3.
การจัดทำรายการความคุ้มทุน เป็นการวิเคราะห์และแจกแจงเกี่ยวกับรายรับ และ
รายจ่าย เพื่อเปรียบเทียบความเหมาะสม เวลา หรือจำนวนปีของการที่จะได้ผลตอบแทน
ให้ออกมาคุ้มกับการลงทุน
4.
การออกแบบก่อสร้างรายละเอียด เป็นการออกแบบก่อสร้างและรายละเอียดให้
เห็นขั้นตอนต่าง ๆ อย่างชัดเจน ซึ่งรวมถึงประมาณการราคาและระยะเวลาของการ
ก่อสร้างด้วย
5.
การควบคุมการก่อสร้าง เป็นขั้นตอนของการลงมือก่อสร้างและดูแลการก่อสร้าง
ให้เป็นไปตามแบบแปลน และเสร็จตามเวลาที่กำหนดในสัญญา
6.
การดำเนินงานและการบำรุงรักษา  เป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังจากการก่อสร้างเสร็จ
สิ้นแล้ว จัดเป็นขั้นของการรับไปดำเนินงานด้วยการบริหารงาน การผลิต การจำหน่าย
และการควบคุม การบริการน้ำสะอาดให้เป็นไปอย่างสะอาดรวดเร็วเพื่อให้ระบบและ
เครื่องมือที่ใช้ดำเนินการมีอายุยืนนานไม่ชำรุดเสียหายจนทำให้งานบริการหยุดชะงักลง
  การจัดหาน้ำสะอาดสำหรับชุมชนในชนบท ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศได้มีน้ำ
สะอาดใช้อุปกรณ์ บริโภคตามหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และเขตสุขาภิบาล ต้องใช้หลักใน
การพิจารณาสำหรับการจัดหาน้ำสะอาด ดังนี้
1.
นำเทคโนโลยีง่าย ๆ มาใช้ในการผลิต  เพื่อให้คนในชุมชนสามารถปฏิบัติได้เอง
ซึ่งต้องสอดคล้องกับความเป็นอยู่  วัฒนธรรม และเศรษฐกิจของชุมชน
2.
เลือกใช้ทรัพยากรท้องถิ่น  ซึ่งมีอยู่ในพื้นที่ให้บริการ เช่น แหล่งน้ำ วัสดุ อุปกรณ์
3.
เลือกวิธีดำเนินการและบำรุงรักษาไม่ซับซ้อน เพื่อให้เกิดความสะดวกและง่ายต่อ
การดำเนินงาน
4.
ใช้ต้นทุนต่ำ โดยให้ประชาชนและท้องถิ่นมีส่วนร่วมดำเนินการ
5.
กระตุ้นให้ท้องถิ่นเป็นผู้ริเริ่ม  โดยให้คนในท้องถิ่นเป็นผู้กำหนดความต้องการ
เอง จึงจะส่งผลให้มีความร่วมมือในการดูแลรักษาให้ใช้งานได้ยาวนาน
  แหล่งน้ำที่ใช้อุปโภค บริโภคของชุมชนในชนบท ประกอบด้วย
1.
น้ำฝน มีปริมาณมากในช่วงฤดูกาล ซึ่งต้องเก็บกักไว้ในรูปถังน้ำคอนกรีต โอ่ง
หรือแท็งก์น้ำ ใช้เฉพาะในครอบครัวสำหรับดื่ม
2.
บ่อน้ำตื้น เป็นแหล่งน้ำที่แพร่หลายมากสำหรับชุมชนในชนบทที่ไม่สามารถหา
แหล่งน้ำผิวดินเพื่อใช้อุปโภคบริโภคได้ตลอดปี  การดึงหรือสูบน้ำขึ้นมาใช้ อาจใช้วิธี
การติดตั้งเครื่องสูบน้ำ มือโยก หรือมีคันโยกน้ำตามความเหมาะสมของท้องถิ่น
3.
น้ำบ่อบาดาล เป็นแหล่งน้ำใต้ดินในระดับลึกเพื่อสูบน้ำที่ถูกอัดใช้ชั้นดินขึ้นมาใช้
โดยทั่วไปคุณภาพน้ำที่ได้จะสะอาด ปลอดภัย เพราะมีการกรองจากชั้นดินในธรรมชาติ
4.
น้ำผิวดิน เป็นน้ำที่ได้จากแม่น้ำ ลำคลอง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ซึ่งมีการปนเปื้อน
มาก จึงต้องมีการทำให้สะอาดด้วยวิธีการต้ม หรือทำให้ตกตะกอน รวมทั้งการใส
สารเคมีฆ่าเชื้อโรค
วิธีการในการจัดหาน้ำสะอาด  มีกรรมวิธีแตกต่างกันตามประเภทของแหล่ง
น้ำในธรรมชาติ ดังนี้
1.
น้ำฝน จัดหาที่เก็บหรือภาชนะใส่ให้สะอาดซึ่งสามารถนำน้ำไปใช้ได้เลย
2.
น้ำผิวดิน ควรจัดระบบประปา ดังนี้
  2.1 น้ำขุ่นมาก ให้ใช้ระบบทรายกรองเร็ว  โดยเริ่มจากการใช้สารเคมี เช่น
สารส้มผสม เพื่อให้ตะกอนเล็ก ๆ รวมกันเป็นก้อนโตขึ้น และตกตะกอนนอนก้นจากนั้น
นำน้ำที่ใส่ไปผ่านถังทรายกรองเร็วเพื่อกรองตะกอนละเอียดที่ลอยอยู่ในน้ำออกอีกครั้ง
หนึ่งทรายจะกรองความสกปรกต่าง ๆ ออก ทำให้น้ำที่ผ่านถังทรายกรองใสมากขึ้นและ
่ใส่คลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนจ่ายน้ำไปตามระบบท่อประปา จะได้น้ำที่สะอาดปลอดภัย
  2.2 น้ำไม่ขุ่นมาก ให้ปล่อยน้ำดิบเข้าสระตกตะกอนหรือใช้การกรองทาง
แนวราบก่อนเข้าระบบทรายกรองช้า วิธีการนี้ใช้หลักการกรองนำตามธรรมชาติ โดย
ปล่อยให้น้ำผิวดินซึมลงไปใต้ดินเป็นน้ำบาดาล จะได้น้ำสะอาดและปลอดภัยต่อ
การอุปโภคบริโภค
3.
น้ำใต้ดิน มี 3 ประเภท คือ
  3.1 น้ำที่ได้จากบ่อตื้น ให้ขุดตามหลักสุขาภิบาลแล้ววางขอบบ่อน้ำ ปิดฝากรุบ่อ
ติดสูบมือโยก มีทางน้ำทิ้งให้ไหลออกไปจากรอบ ๆ ท่อ น้ำที่ได้จะเป็นน้ำสะอาด
  3.2 น้ำที่ได้จากบ่อตอก คือน้ำจากบ่อน้ำใต้ดินหรือบ่อน้ำบาดาลใช้การติดตั้งสูบ
มือโยกหรือติดเครื่องสูบ จะได้น้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค
  3.3 น้ำที่ได้จากบ่อบาดาล ควรตรวจสอบว่ามีปริมาณน้ำมากพอสำหรับเป็น
แหล่งน้ำดิบในการทำประปาชุมชนหรือไม่  ถ้าคุณภาพน้ำมีแร่ธาตุเจือปน ให้ใส่
คลอรีนฆ่าเชื้อโรคก่อนแจกจ่ายไปตามท่อน้ำ แต่ถ้ามีธาตุเหล็ก หรือแมงกานีส เกิน
ระดับมาตรฐาน ซึ่งสังเกตได้ว่าน้ำจะมีสีสนิมเหล็ก กลิ่นไม่สะอาดคล้ายกลิ่นโคลนให้
ใช้วิธีการพ่นน้ำผสมกับออกซิเจนในอากาศไหลผ่านชั้นกรวด หิน  ถ่านหุงข้าว เพื่อให้
สนิมเหล็กรวมตัวและตกตะกอนในถังตกตะกอน แล้วให้ผ่านระบบทรายกรองน้ำช้า
น้ำที่ได้จะใสสะอาดไม่มีกลิ่น  และควรใส่คลอรีนฆ่าเชื้อโรคก่อนจ่ายไปตามระบบ
ท่อน้ำประปา
  การจัดหาน้ำสะอาดจากแหล่งน้ำในธรรมชาติ ซึ่งดำเนินการได้ถูกต้องตามหลัก
สุขาภิบาลนอกจากจะช่วยให้คนในชุมชนมีสุขภาพแข็งแรงแล้วยังเป็นการให้บริการ
ด้านสาธารณูปโภคให้แก่ชุมชนด้วย
2.
การสุขาภิบาลอาหาร อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของการดำรงชีวิตมนุษย์
ซึ่งต้องมีทั้งปริมาณและคุณภาพและความสะอาดที่ดีพอ จึงจะไม่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ
อาหารที่สกปรก มีเชื้อโรคหรือปนเปื้อนสิ่งเป็นพิษ  ย่อมก่อให้เกิดอันตรายให้แก่คน
ในชุมชนจนอาจถึงตายได้ และเนื่องจากในสภาพปัจจุบันคนต้องออกมาทำกิจกรรม
นอกบ้าน เช่น การทำงาน การเดินทางท่องเที่ยว หรือการศึกษาในสถานศึกษา ทำให้
ต้องรับประทานอาหารนอกบ้านอยู่เสมอ ซึ่งหากร้านอาหารผลิตและจำหน่ายอาหาร
ไม่ระมัดระวังเรื่องการสุขาภิบาลให้ดีพอ ร้านอาหารย่อมเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อ
โรคที่เป็นอันตรายต่อประชาชน และทำให้เกิดโรคระบาดยากต่อการควบคุมการ
สุขาภิบาลอาหารจึงมีความสำคัญและจำเป็นที่ต้องมีการดำเนินการอย่างใกล้ชิด
เพราะเป็นวิธีการช่วยป้องกันปัญหาของการเกิดโรคต่าง ๆ ให้คนในชุมชน
  โรคที่เกิดจากการสุขาภิบาลอาหารไม่ดี  มีสาเหตุสืบเนื่องจากการบริโภค
อาหารที่ไม่สะอาดมีการปนเปื้อนต่าง ๆ ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ดังนี้
  1. โรคที่เกิดจากตัวเชื้อโรค  มักเป็นแบดทีเรียที่ปะปนอยู่ในอาหารทำให้เกิดโรค
อหิวาตกโรค บิด ไทฟอยด์  คอตีบ วัณโรค เป็นต้น
  2. โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อโรค และเชื้อรา เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการวิงเวียน
อ่อนเพลีย ตาพร่า  หายใจลำบาก และเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายสืบเนื่องจาก
การรับประทานอาหารกระป๋องที่เสื่อมคุณภาพ หรือเสียหายจนมีเชื้อโรคเข้าไป
เจริญเติบโตแล้วปล่อยพิษออกมา  ส่วนพิษเกิดจากเชื้อราจะพบมากในอาหาร
จำพวกเมล็ดหรืออาหารแห้ง เช่น ถั่ว ข้าว ปลาแห้ง  พิษชนิดนี้ทำให้เกิดโรคมะเร็ง
ในตับ หรือมีอาการต่าง ๆ เช่น ไข้สูง ตับโต สมองอักเสบ และเสียชีวิตในที่สุด
  3. โรคที่เกิดจากพวกปรสิต เป็นโรคที่มีพยาธิหรือโปรโตซัว เช่นพยาธิตัวตืด
พยาธิ ไส้เดือน พยาธิแส้ม้า  พยาธิตัวจี๊ด พยาธิใบไม้ เป็นต้น โดยติดต่อถึงคนจากการ
กินอาหารที่มีไข่หรือตัวอ่อนของพยาธิเหล่านี้เข้าไปและเจริญเติบโตในร่างกาย คอยแย่ง
อาหารและรบกวนจนทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย มึนงง สติปัญญาเสื่อม ท้องเดิน
ปวดท้องถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เกิดการอุดตันหรือเป็นแผลในลำไส้ เป็นฝีในตับ
หรือปอด ถ้าพยาธิเหล่านี้เข้าไปสู่ส่วนสำคัญของร่างกาย เช่น สมองหรือหัวใจจะทำ
ให้พิการ หรือเสียชีวิตได้ในที่สุด พยาธินี้มักอยู่ในผักสดหรืออาหารที่ทำไม่สุกพอ
  4. โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส  ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปะปนในน้ำลาย  น้ำมูก  หรืออุจจาระ
ต่าง ๆ และนำเชื้อโรคมาสู่คน เช่น ตับอักเสบ โปลิโอ เป็นต้น
  5. โรคที่เกิดจากสารเคมีเป็นพิษ เป็นสารเคมีที่ปะปนเข้าไปในอาหารและ
ทำให้เกิดโรค เช่น
  5.1 ตะกั่ว  พบมากในสีย้อมผ้า อาหารกระป๋องที่มีการบัดกรีไม่ดี ยาฆ่าแมลงที่มี
สารตะกั่วผสมอยู่ หรืออาหารที่ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่ออาหารทำให้เกิดอาการ
ท้องร่วงอาเจียน ไตอักเสบ มีอาการประสาท อัมพาต และเสียชีวิตได้
  5.2 สารหนู  พบในสีย้อมผ้า กระดาษ ผักผลไม้ที่ใช้ยาฆ่าแมลงที่มีส่วนผสมของ
สารหนู  ทำให้ทางเดินอาหารหรือตับอักเสบ  หัวใจวาย เพราะมีฤทธิ์ทำลาย
ระบบประสาทส่วนกลาง
  5.3 ปรอท พบมากในอาหารสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง หอย  ปู ปลา ที่อาศัยบริเวณโรงงาน
อุตสาหกรรมที่ทิ้งของเสียและที่มีสารปรอทปนเปื้อนลงในน้ำ  และสัตว์น้ำเหล่านี้กินเข้า
ไปพิษของสารปรอททำให้ปวดท้อง อาเจียน ป่วยเมื่อยตามกล้ามเนื้อ  บางครั้ง
มีเลือดออก สมองค่อย ๆ เป็นอัมพาต และเสียชีวิตในที่สุด
  5.4 แคดเมียม พบในอาหารที่ใส่สีย้อมผ้าหรือภาชนะเคลือบและเมื่อใส่อาหาร
ที่มีฤทธิ์เป็นกรดจะละลายแคดเมียมออกมาปะปนในอาหารเข้าสู่ร่างกายเมื่อมีการ
สะสมในปริมาณมากพอจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน  ท้องร่วง  ตะคริว
กระดูกผุกร่อย และเสียชีวิตได้ โรคที่เกิดจากแคดเมียมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า
โรคอิไต – อิไต
  5.5 ดินปะสิว เป็นสารกันบูดที่ใส่ในเนื้อสัตว์ทำให้เนื้อมีสีแดง พบมากในอาหาร
ประเภทแหนม หมูยอ กุนเชียง ถ้ามีปริมาณมากจะทำให้เม็ดเลือดแดงผิดปกติ และ
เกิดมะเร็งต่าง ๆ ในร่างกาย
  6. โรคที่เกิดจากสารพิษที่มีในอาหารโดยธรรมชาติ พืชและสัตว์บางชนิดมีพิษใน
ตัวเอง ซึ่งถ้ารับประทานในปริมาณมากสารพิษที่มีอยู่จะทำให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ
เช่น บริโภค เห็ดป่า หอย ปลา บางประเภท โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการทำลายพิษที่มี
อยู่ก่อน จะทำให้เกิดอาหารมึนเมา คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง  ตาลาย ใจสั่น อ่อนเพลีย
ชัก หูหนวก ตาบอด ปัญญาอ่อน  หรือ เสียชีวิตได้ จึงควรระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงใน
การบริโภค
  หลักการจัดการสุขาภิบาลอาหาร  แบ่งออกได้ 3 กลุ่ม คือ
  กลุ่มที่  1  การสุขาภิบาลสถานที่จำหน่ายอาหาร ต้องจัดและปรับปรุงให้ถูก
สุขลักษณะเพื่อให้ผู้ประกอบการค้าและผู้รับประทานอาหารปลอดภัยจากเชื้อโรคและ
อุบัติเหตุต่าง ๆ ซึ่งมีองค์ประกอบ ดังนี้
  1.1 สถานที่ตั้ง ควรอยู่ในบริเวณที่ไม่ทำให้สิ่งแวดล้อมของสถานที่ตั้งได้รับการ
ปนเปื้อนจากสิ่งสกปรก ไม่ก่อให้เกิดปัญหาเหตุเดือดร้อนรำคาญ อันเนื่องจากกลิ่น
เสียง หรือความรังเกียจต่าง ๆ สถานที่จำหน่ายอาหาร จึงควรตั้งในบริเวณที่มี
สภาพแวดล้อม ดังนี้
  1.1.1 ตั้งห่างจากสิ่งสกปรก เช่น ห้องส้วม ที่ทิ้งขยะมูลฝอย คอกสัตว์เลี้ยง
  1.1.2 มีระบบสาธารณูปโภคอย่างครบถ้วน เช่น น้ำประปา ไฟฟ้า  บริการเก็บ
รวบรวมขยะมูลฝอย และการบำบัดน้ำเสีย
  1.1.3 มีพื้นที่ที่ใช้ประกอบอาหารเหมาะสม  แยกเป็นสัดส่วนออกจากบริเวณ
อื่น ๆ มีความลาดเอียงเพื่อช่วยระบายน้ำเสียจากการประกอบอาหาร พื้นผิวมีความ
แข็งเพื่อไม่ทำให้เกิดฝุ่น ผงหรือโคลนดินเปรอะเปื้อน
  1.2 อาคารที่ใช้ประกอบอาหาร ควรออกแบบและวางผังที่ดีมีความเหมาะสม
มั่นคงแข็งแรง  และดูแลรักษาได้ง่าย โดยคำนึงถึงส่วนประกอบ ดังนี้
  1.2.1 วัสดุที่ใช้สร้างอาคาร ควรเป็นวัสดุผิวเรียบ ทำความสะอาดง่ายไมมี
ความสามารถในการดูดซับ แข็งแรง ทนทาน
  1.2.2 พื้นของอาคารที่ใช้ประกอบหรือปรุงอาหาร ทำด้วยวัสดุแข็งแรงไม่ดูด
ซับน้ำ ทนทานต่อการกัดกร่อนของสารเคมี ทำความสะอาดง่าย ไม่ลื่น ผิวเรียบ
ไม่ขรุขระ มีความลาดเอียงเพื่อไม่ให้น้ำขัง
  1.2.3 มีพื้นที่และบริเวณที่เหมาะสม จัดสถานที่เป็นสัดส่วนเพื่อประโยชน์ใน
การใช้สอย เช่น พื้นที่ปฏิบัติงานการทำอาหารมีบริเวณเพียงพอกับจำนวนผู้ปฏิบัติงาน
และปริมาณอาหาร พื้นที่ในการเก็บอาหารและการเก็บรักษาอาหารทั้งที่เป็นวัตถุดิบ
และอาหารที่ปรุงเสร็จ
  1.2.4 มีระบบการระบายอากาศที่เหมาะสม เพื่อไล่ควัน กลิ่นที่เกิดจากการ
ปรุงหรือประกอบอาหาร ซึ่งต้องมีประตูหน้าต่าง หรือช่องระบายลมไม่น้อยกว่า
10 เปอร์เซ็นต์ของ พื้นที่ห้อง อาจใช้พัดลมดูดอากาศหรืออุปกรณ์ที่ช่วยระบายอากาศ
มาช่วยในการระบายอากาศ
  1.2.5 มีแสงสว่างเหมาะสม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ  และช่วยให้ทำความสะอาด
ได้ชัดเจน อาจใช้สีทาผนัง หรือเพดานช่วยให้มีความสว่างมากขึ้น
  1.3 ห้องและอุปกรณ์ประกอบ ซึ่งต้องมีในสถานที่ประกอบและจำหน่ายอาหารคือ
  1.3.1 ห้องส้วม ควรแยกเพศชายหญิง และมีจำนวนเพียงพอกับลูกค้าที่มาใช้
บริการ อาจคำนวณจากจำนวนเก้าอี้ที่จัดให้ลูกค้า
   
   
  1.3.2 ที่ปัสสาวะ ควรจัดให้มีเพียงพอเช่นเดียวกับส้วม สำหรับที่ปัสสาวะผู้ชายต้อง
ทำความสะอาดอยู่เสมอ ควรระวังรักษาไม่ให้เกิดกลิ่น ไม่อุดตันและมียาดับกลิ่นด้วย
ส่วนที่ปัสสาวะของผู้หญิงให้ใช้รวมกับส้วมธรรมดา
  1.3.3 อ่างล้างมือ ควรมีไว้บริการในบริเวณส้วม หรือนอกบริเวณส้วม ซึ่งทำ
ด้วยวัสดุที่ทำความสะอาดได้ง่าย มีการรักษาความสะอาดไม่ให้เกิดคราบและกลิ่นเหม็น
ควรจัดหาสบู่และผ้าสะอาดสำหรับเช็ดมือไว้ด้วย
  1.3.4 ภาชนะรองรับเศษอาหาร อาจจัดเป็นจานเล็ก ๆ วางไว้บนโต๊ะหรือมี
กระโถนประจำโต๊ะแต่ละโต๊ะเพื่อให้ผู้เข้ามารับประทานอาหารไม่ทิ้งเศษอาหาร
เลอะเทอะ
  1.3.5 โต๊ะและเก้าอี้ ควรมีสภาพมั่นคง แข็งแรง จัดเป็นระเบียบ และรักษา
ความสะอาดอยู่เสมอ  พื้นโต๊ะและเก้าอี้ควรทำด้วยวัสดุที่ไม่ดูดซับ เรียบ ไม่ขังน้ำ
และทำความสะอาดได้ง่าย อาจใช้ผ้าขาวหรือแผ่นพลาสติกปูบนพื้นโต๊ะเพื่อนำไปซัก
ทำความสะอาด
  1.3.6 ถังเก็บเศษอาหารและขยะมูลฝอย ควรทำด้วยวัสดุที่แข็งแรงทำความ
สะอาดง่าย มีสภาพดี ถูกสุขลักษณะ สะดวกในการขนย้ายนำไปทิ้ง มีฝาปิดทุกถัง
เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยหรือเป็นแหล่งอาหารของสัตว์นำโรค และนำไปกำจัดทุกวัน
ถังขยะควรมี  2  ถังสำหรับแยกใส่ขยะเปียก และขยะแห้งโดยวางก้นถังให้สูงอย่าง
น้อย 1 ฟุตจากพื้น และล้างทุกครั้งที่เทขยะออก
  1.3.7 รางระบายน้ำเสีย  ควรเป็นชนิดที่เปิดทำความสะอาดได้  เป็นวัตถุที่มี
ความลาด ระบายน้ำได้ดี พื้นของร่องระบายน้ำควรทำเป็นมุมโค้งไม่เป็นเหลี่ยม
เพื่อสะดวกในการทำความสะอาด ควรมีบ่อดักไขมันและดักไขมันทิ้งบ่อย ๆ เพื่อ
ป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันของท่อทิ้ง และไม่ควรทิ้งเศษอาหารหรือเศษขยะลง
ไปในท่อด้วย เพราะนอกจากจะทำให้เกิดอุดตันแล้วยังส่งกลิ่นเหม็นเน่าด้วยรางระบาย
น้ำควรล้างทำความสะอาดทุกวัน
  1.4 การล้าง การเก็บภาชนะและอุปกรณ์ เป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญ  ป้องกันการ
ปะปนของสารเคมีหรือเชื้อโรคในอาหาร ภาชนะที่สะอาดต้องมีการล้างการเก็บ
ที่ดีและถูกต้องตามแนวทางดังนี้
  1.4.1 การล้างภาชนะ ควรจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการล้างทำความ
สะอาดภาชนะและอุปกรณ์ให้พร้อม เช่น โต๊ะสำหรับวางภาชนะที่จะนำมาล้าง ถังใส่เศษ
อาหาร อ่างล้างภาชนะที่คว่ำจาน ชาม ช้อน ตะเกียบ น้ำยาล้างจานหรือสบู่ น้ำร้อน
หรือผงคลอรีน ฟองน้ำหรือเศษผ้าที่สะอาด ในการล้างภาชนะให้แยกภาชนะคาว และ
หวานออกจากกันโดยให้ล้างภาชนะคาวก่อน ควรกวาดเศษอาหารทิ้งในถังขยะที่
เตรียมไว้จึงล้างน้ำที่ผสมน้ำยาล้างจานหรือสบู่เพื่อกำจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรกโดย
ใช้ฟองน้ำช่วย จากนั้นจึงนำมาล้างน้ำสะอาดเพื่อล้างน้ำยาล้างจานหรือสบู่ที่ตกค้าง
ออก 1 – 2 ครั้ง และ นำมาแช่ในอ่างที่มีน้ำร้อนอุณหภูมิขั้นต่ำ 77 องศาเซลเซียส
หรือเป็นน้ำผสมคลอรีน เพื่อฆ่าเชื้อโรค
  1.4.2 การเก็บภาชนะอุปกรณ์ ที่ล้างสะอาดให้จัดเก็บตามประเภทของภาชนะ
อุปกรณ์ เช่น  จาน  ชาม ถ้วย  และแก้วน้ำ ให้คว่ำในตะกร้าตะแกรง หรือปล่อยให้แห้ง
โดยไม่ใช้ผ้าเช็ด อาจนำไปผึ่งแดดจนแห้งและเก็บไว้ในตู้หรือหิ้งสะอาดที่สูงจากพื้น
ไม่ต่ำกว่า 60 เซนติเมตร
  สำหรับช้อนส้อมและตะเกียบ ให้เก็บในตะกร้าลักษณะโปร่งสะอาด โดยเอาทางด้าม
ขึ้นบน ถ้าบรรจุในถุงพลาสติกหรือกระดาษที่สะอาดจะช่วยป้องกันฝุ่นและเชื้อโรคต่าง ๆ
ได้ดีขึ้น
  ส่วนภาชนะเครื่องครัวหรือเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น มีด เขียง กระทะ ทัพพี ครก ฯลฯ
เมื่อ ล้างและปล่อยให้แห้งดี ควรเก็บไว้ในตู้ที่สะอาด ป้องกันแมลง และสัตว์นำโรค
ต่าง ๆ มาไต่ตอม
  กลุ่มที่  2  การเลือกอาหาร  เป็นวิธีช่วยลดอัตราความเจ็บป่วยและการคายได้
หลักการเลือกอาหาร ต้องคำนึงแหล่งที่มาของอาหารว่า ไม่สกปรกไม่มีการล้างก่อน
นำมาจำหน่าย หรือปลอดภัยจากการตกค้างของสารเคมีและพิจารณาเลือกตามประเภท
ของอาหาร ดังนี้
  2.1 อาหารสด
  2.1.1 ผักและผลไม้ เลือกเฉพาะที่สดไม่บวม ซ้ำจากการขนส่ง ผิวไม่แห้งหรือมี
ราขึ้น  ผักและผลไม้ที่ซื้อมาต้องล้างด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง จะช่วยให้ยาฆ่าแมลง
และเชื้อโรคที่ติดมาหลุดออกไปได้
  2.1.2 เนื้อหมู  เนื้อวัว ต้องมีสีแดงสด ไม่มีกลิ่นเหม็น บูดเปรี้ยวหรือเป็นเมือกลื่นๆ
ถ้ามีตุ่มคล้ายเม็ดสาคูอยู่ในเนื้อไม่ควรซื้อมาปรุงอาหารเพราะเป็นตัวอ่อนของ
พยาธิตัดตืด
  2.1.3 ปลา ให้ดูเหงือกปลาที่ต้องมีสีแดง ครีบเหงือกปิดสนิท บริเวณใต้ท้องต้อง
สะอาด ไม่มีเมือก ไม่มีกลิ่น ตาใสไม่ลึกโบ๋หรือขุ่นเป็นสีเทา  เกล็ดปลาเป็นมันไม่แห้ง
หรือด้านไม่สดใส เนื้อปลาต้องแน่นถ้าเอานิ้วกดจะเป็นรอยบุ๋มอยู่นาน ถ้าไปลอยน้ำปลา
ที่ดีจะจมน้ำ
  2.1.4 กุ้ง  ตามครีบและหางไม่เป็นสีชมพู ตัวกุ้งเนื้อแน่นแต่ไม่นิ่ม ไม่มีกลิ่น
เหม็นคล้ายแอมโมเนีย หัวและตัวกุ้งติดกันแน่น
  2.1.5 หอย  หอยสดและดีจะมีฝาปิดสนิท ไม่มีกลิ่น เปลือกไม่มีเมือกหรือสกปรก
เกินไป ถ้าใส่ในน้ำจะจม
  2.1.6 เป็ด ไก่ ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน ไม่มีรอยคล้ำตามบริเวณใต้ปีก ขาลำคอ ที่ต่อ
กับลำตัว ปลายปีกหรือตรงส่วนนูนของก้น
  2.1.7 ไข่ ถ้านำไปส่องไฟจะไม่มีจุดดำ ๆ ภายในเนื้อไข่ หรือมีฟองอากาศขนาด
ใหญ่ภายใน ถ้านำมาลอยน้ำเกลือที่มีส่วนผสมในอัตราส่วนน้ำ 1 ปี๊บต่อ
เกลือ 2 กิโลกรัม ไข่ที่ดีจะจมน้ำ เปลือกไขเรียบไม่มีรอยแตกและสะอาด
  2.2 อาหารแห้งของดอง ต้องสะอาดไม่มีกลิ่นเหม็นหืน หรือเชื้อรา ถ้าใช้สีเจือปน
ต้องเป็นสีที่กระทรวงสาธารณสุขรับรอง ควรเก็บในภาชนะที่ถูกสุขลักษณะ
  2.3 อาหารกระป๋อง ต้องเป็นกระป๋องไม่บวม บุบบู้บี้  หรือมีรูรั่ว ตามตะเข็บของ
กระป๋องปิดสนิทไม่เป็นสนิม อาหารที่บรรจุภายในต้องไม่มีกลิ่น สีผิดปกติ ขณะเปิด
กระป๋องต้องไม่มีลมดันออก ไมมีฟองอากาศเกิดในอาหาร
  กลุ่มที่  3  ผู้ปรุง  ต้องมีความรู้เกี่ยวกับอาหารเป็นอย่างดีและปฏิบัติตนตาม
สุขวิทยาอย่างเคร่งครัด แต่งกายสะอาด ไม่สูบบุหรี่ คุย ไอ จาม เกาศีรษะ แคะขี้เล็บ
หรือเกาส่วนต่าง ๆ ของร่างกายขณะปรุงอาหาร ล้างมือก่อนปรุงอาหารและดูแล
ไม่ให้อาหารเกิดการบูดเสียหรือมีความสกปรกจากพวกแมลง สัตว์นำโรค และ
สาเหตุอื่น ๆ
  ข้อปฏิบัติ 10 ประการ สำหรับผู้ประกอบอาหารและผู้ปรุงอาหาร
  1. แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสะอาดและผูกผ้ากันเปื้อน
  2. ตัดเล็บให้สั้น ล้างมือด้วยน้ำสบู่ หลังเข้าส้วมและก่อนปฏิบัติงาน
  3. ไม่สูบบุหรี่ขณะปรุงหรือเสิร์ฟอาหาร
  4. ไม่ไอ  จาม หรือมีน้ำมูล น้ำลาย เสมหะ ลงในอาหาร
  5. ไม่เอานิ้วจุ่มลงในอาหารและน้ำเวลาเสิร์ฟ
  6. ไม่รับประทานอาหารขณะปฏิบัติงาน
  7.ล้างจาน ชาม ซ้อน และภาชนะใส่อาหารให้สะอาด ปล่อยให้แห้งเองโดยไม่ใช้
ผ้าเช็ด
  8. อาหารปรุงเสร็จต้องเก็บให้มิดชิดจากฝุ่นละอองหรือแมลงวัน
  9. จับช้อน ตะเกียบ และอุปกรณ์อื่น ๆ เฉพาะด้าม จับแก้วและจานโดยไม่ให้
นิ้วมือถูกภายในภาชนะ
  10. ตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ถ้าเจ็บป่วยต้องรีบรักษา
   
   
   
   
   
   
   
 
   
   
   
 

 

5.1
  ความหมายของการสุขาภิบาลชุมชน
5.2
  ความสำคัญของการสุขาภิบาลชุมชน
5.3
  หลักการจัดการสุขาภิบาลน้ำ
    และอาหารในชุมชน
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
 
         
หน้าถัดไป