| หลักการจัดการสุขาภิบาลน้ำและอาหารในชุมชน | 
          
          
          
            |   | 
            การสุขาภิบาลบางประเภทมีความสำคัญและจำเป็นที่ต้องดำเนินการให้ชุมชน | 
          
          
          
            | ได้แก่  | 
          
          
          
            1.  | 
            การจัดหาน้ำสะอาด  น้ำเป็นสิ่งจำเป็นของการดำรงชีวิตเพื่อใช้อุปโภคและ | 
          
          
            | บริโภคการจัดหาน้ำสะอาดให้แก่ชุมชน  จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้คนในชุมชนมีสุขภาพ | 
          
          
            | แข็งแรง  และเป็นภารกิจของรัฐที่ต้องกำหนดให้มีหน่วยงานต่าง  ๆขึ้นรับผิดชอบดำเนิน  | 
          
          
            | งานจัดหาน้ำสะอาด  และดูแลบำรุงรักษาแห่งน้ำให้ชุมชนอันประกอบด้วย  การประปา | 
          
          
            | นครหลวงการประปาส่วนภูมิภาค  กรมทรัพยากรธรณี  กรมอนามัยกรมการเร่งรัด | 
            
          
          
            | พัฒนาชนบทกรมโยธาธิการ  กรมการปกครอง กรมพัฒนาชุมชน  กรมชลประทาน | 
            
          
            | กรมประชาสัมพันธ์  กรมพัฒนาที่ดิน  และ กรป.กลาง การจัดหาน้ำสะอาดที่นำมา | 
            
          
            | บริการชุมชนได้แก่แหล่งน้ำต่าง  ๆ ที่มีในธรรมชาติ ประกอบด้วย | 
            
          
            |   | 
            น้ำฝน  ควรมีการกักเก็บโดยจัดหาภาชนะรองรับและเก็บกัก เช่นโอ่ง  ถังเก็บน้ำฝน | 
          
          
            | หรือแท็งก์น้ำ  โดยทั่วไปน้ำฝนจัดเป็นน้ำที่มีคุณภาพดี   สะอาด และปลอดภัย แต่ควร | 
          
          
            | เป็นน้ำฝนที่ตกหลังช่วงแรกของฤดูฝนเพื่อให้ชะล้างฝุ่นละออง ความสกปรกของ | 
          
          
            | และหลังคาที่รองรับน้ำฝนให้สะอาดก่อน  น้ำฝนเป็นน้ำสะอาดที่มีไว้ อุปโภคบริโภค | 
          
          
            | ในครัวเรือน  ตามพื้นที่ชนบทที่ยังไม่มีมลพิษ  เพราะสะดวกในการกักเก็บและมีความ | 
          
          
            | สะอาดโดยไม่ต้องใช้กรรมวิธีทำให้น้ำสะอาดหรือฆ่าเชื้อโรคแต่ประการใด | 
          
          
            |   | 
            น้ำผิวดิน  เป็นน้ำจากแม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำ จัดเป็นน้ำดื่มที่ต้องทำให้ | 
          
          
            | สะอาดตามกรรมวิธีการประปา  โดยเริ่มจากการสูบน้ำเข้าถังกวน ผสม ด้วยสารส้ม | 
          
          
            | แล้วปล่อยให้ ตกตะกอนผ่านไปถังกรอง  เข้าถังน้ำใสและผสมคลอรีนฆ่าเชื้อก่อนสูบจ่าย | 
          
          
            | ให้ประชาชนผู้ใช้น้ำ | 
          
          
            |   | 
            น้ำบาดาลเป็นน้ำที่ได้จากน้ำพุหรือน้ำใต้ดินอื่นๆ คุณภาพของน้ำจะขึ้นอยู่กับสภาพ | 
          
          
            | ที่เก็บกักน้ำใต้ดิน  ซึ่งอาจใส่สารฆ่าเชื้อโรคเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าเป็นน้ำบาดาล | 
            
          
            | ที่มีแร่ธาตุเจือปนอยู่ในปริมาณเกิดกว่ามาตรฐานที่กำหนดสำหรับน้ำดื่มต้องผ่านกรรม | 
          
          
            | วิธีแยกแร่ธาตุออกจากน้ำ | 
          
          
            |   | 
            การจัดหาน้ำสะอาดทั้ง  3 แหล่งดังกล่าวมีเกณฑ์ที่พึงปฏิบัติคือต้องเป็นน้ำสะอาด | 
          
          
            | ปลอดภัย  มีปริมาณเพียงพอและให้บริการได้ทั่วถึง | 
          
          
            |   | 
            การจัดหาน้ำสะอาดสำหรับชุมชนขนาดใหญ่จะใช้น้ำผิวดินและน้ำบาดาลเป็นแหล่ง | 
          
          
            | น้ำดิบของการประปาซึ่งมีสิ่งปนเปื้อนตามธรรมชาติ  รวมทั้งสารละลาย สารเคมีและ | 
          
          
            | สิ่งปฏิกูลต่าง ๆ  ในน้ำ จึงจำเป็นต้องผ่านกระบวนการทำน้ำให้สะอาดก่อนจ่ายน้ำให้คน | 
          
          
            | ในชุมชนผ่านระบบท่อน้ำถึงบ้าน  การทำน้ำประปามีขั้นตอนประกอบการพิจารณา ดังนี้ | 
            
          
            1.  | 
            การวิเคราะห์เบื้องต้น  เป็นการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา | 
          
          
            | น้ำสะอาด  เช่น แหล่งน้ำดิบ จำนวนประชากร แหล่งเงินทุนว่ามีมากน้อยเพียงใดและ | 
            
          
            | มีความเหมาะสมหรือไม่ | 
            
          
            2.  | 
            การจัดทำแผนแม่บท  เป็นการวางรูปแบบเค้าโครงทั้งด้านวิชาการ การลงทุน | 
          
          
            | ระยะเวลา  รายรับรายจ่าย เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาให้ดำเนินการได้สมบุรณ์และ | 
            
          
            | เต็มโครงการ | 
            
          
            3.  | 
            การจัดทำรายการความคุ้มทุน  เป็นการวิเคราะห์และแจกแจงเกี่ยวกับรายรับ และ | 
          
          
            | รายจ่าย  เพื่อเปรียบเทียบความเหมาะสม เวลา หรือจำนวนปีของการที่จะได้ผลตอบแทน | 
            
          
            | ให้ออกมาคุ้มกับการลงทุน | 
            
          
            4.  | 
            การออกแบบก่อสร้างรายละเอียด  เป็นการออกแบบก่อสร้างและรายละเอียดให้ | 
          
          
            | เห็นขั้นตอนต่าง  ๆ อย่างชัดเจน ซึ่งรวมถึงประมาณการราคาและระยะเวลาของการ | 
            
          
            | ก่อสร้างด้วย | 
            
          
            5.  | 
            การควบคุมการก่อสร้าง  เป็นขั้นตอนของการลงมือก่อสร้างและดูแลการก่อสร้าง | 
          
          
            | ให้เป็นไปตามแบบแปลน  และเสร็จตามเวลาที่กำหนดในสัญญา | 
            
          
            6.  | 
            การดำเนินงานและการบำรุงรักษา  เป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังจากการก่อสร้างเสร็จ | 
          
          
            | สิ้นแล้ว  จัดเป็นขั้นของการรับไปดำเนินงานด้วยการบริหารงาน การผลิต การจำหน่าย | 
            
          
            | และการควบคุม  การบริการน้ำสะอาดให้เป็นไปอย่างสะอาดรวดเร็วเพื่อให้ระบบและ | 
            
          
            | เครื่องมือที่ใช้ดำเนินการมีอายุยืนนานไม่ชำรุดเสียหายจนทำให้งานบริการหยุดชะงักลง | 
            
          
            |   | 
            การจัดหาน้ำสะอาดสำหรับชุมชนในชนบท  ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศได้มีน้ำ | 
          
          
            | สะอาดใช้อุปกรณ์  บริโภคตามหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และเขตสุขาภิบาล ต้องใช้หลักใน | 
          
          
            | การพิจารณาสำหรับการจัดหาน้ำสะอาด  ดังนี้ | 
          
          
            1.  | 
            นำเทคโนโลยีง่าย  ๆ มาใช้ในการผลิต  เพื่อให้คนในชุมชนสามารถปฏิบัติได้เอง  | 
          
          
            | ซึ่งต้องสอดคล้องกับความเป็นอยู่  วัฒนธรรม และเศรษฐกิจของชุมชน | 
            
          
            2.  | 
            เลือกใช้ทรัพยากรท้องถิ่น  ซึ่งมีอยู่ในพื้นที่ให้บริการ เช่น แหล่งน้ำ  วัสดุ อุปกรณ์ | 
          
          
          
            3.  | 
            เลือกวิธีดำเนินการและบำรุงรักษาไม่ซับซ้อน  เพื่อให้เกิดความสะดวกและง่ายต่อ | 
          
          
            | การดำเนินงาน | 
            
          
            4.  | 
            ใช้ต้นทุนต่ำ  โดยให้ประชาชนและท้องถิ่นมีส่วนร่วมดำเนินการ  | 
          
          
          
            5.  | 
            กระตุ้นให้ท้องถิ่นเป็นผู้ริเริ่ม  โดยให้คนในท้องถิ่นเป็นผู้กำหนดความต้องการ | 
          
          
            | เอง  จึงจะส่งผลให้มีความร่วมมือในการดูแลรักษาให้ใช้งานได้ยาวนาน | 
            
          
            |   | 
            แหล่งน้ำที่ใช้อุปโภค  บริโภคของชุมชนในชนบท ประกอบด้วย | 
          
          
            1.  | 
            น้ำฝน  มีปริมาณมากในช่วงฤดูกาล ซึ่งต้องเก็บกักไว้ในรูปถังน้ำคอนกรีต โอ่ง | 
          
          
            | หรือแท็งก์น้ำ  ใช้เฉพาะในครอบครัวสำหรับดื่ม | 
            
          
            2.  | 
            บ่อน้ำตื้น  เป็นแหล่งน้ำที่แพร่หลายมากสำหรับชุมชนในชนบทที่ไม่สามารถหา | 
          
          
            | แหล่งน้ำผิวดินเพื่อใช้อุปโภคบริโภคได้ตลอดปี  การดึงหรือสูบน้ำขึ้นมาใช้ อาจใช้วิธี | 
            
          
            | การติดตั้งเครื่องสูบน้ำ  มือโยก หรือมีคันโยกน้ำตามความเหมาะสมของท้องถิ่น | 
            
          
            3.  | 
            น้ำบ่อบาดาล  เป็นแหล่งน้ำใต้ดินในระดับลึกเพื่อสูบน้ำที่ถูกอัดใช้ชั้นดินขึ้นมาใช้ | 
          
          
            | โดยทั่วไปคุณภาพน้ำที่ได้จะสะอาด  ปลอดภัย เพราะมีการกรองจากชั้นดินในธรรมชาติ | 
            
          
            4.  | 
            น้ำผิวดิน  เป็นน้ำที่ได้จากแม่น้ำ ลำคลอง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ซึ่งมีการปนเปื้อน | 
          
          
            | มาก  จึงต้องมีการทำให้สะอาดด้วยวิธีการต้ม หรือทำให้ตกตะกอน  รวมทั้งการใส | 
          
          
          
            | สารเคมีฆ่าเชื้อโรค | 
          
          
          
             | 
            วิธีการในการจัดหาน้ำสะอาด  มีกรรมวิธีแตกต่างกันตามประเภทของแหล่ง | 
          
          
            | น้ำในธรรมชาติ ดังนี้  | 
            
          
            1.  | 
            น้ำฝน จัดหาที่เก็บหรือภาชนะใส่ให้สะอาดซึ่งสามารถนำน้ำไปใช้ได้เลย  | 
          
          
            2.  | 
            น้ำผิวดิน ควรจัดระบบประปา ดังนี้ | 
          
          
            |   | 
            2.1 น้ำขุ่นมาก  ให้ใช้ระบบทรายกรองเร็ว   โดยเริ่มจากการใช้สารเคมี เช่น  | 
          
          
            | สารส้มผสม  เพื่อให้ตะกอนเล็ก ๆ รวมกันเป็นก้อนโตขึ้น และตกตะกอนนอนก้นจากนั้น  | 
            
          
            | นำน้ำที่ใส่ไปผ่านถังทรายกรองเร็วเพื่อกรองตะกอนละเอียดที่ลอยอยู่ในน้ำออกอีกครั้ง  | 
            
          
            | หนึ่งทรายจะกรองความสกปรกต่าง  ๆ ออก ทำให้น้ำที่ผ่านถังทรายกรองใสมากขึ้นและ  | 
            
          
            | ่ใส่คลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนจ่ายน้ำไปตามระบบท่อประปา  จะได้น้ำที่สะอาดปลอดภัย | 
            
          
            |   | 
            2.2 น้ำไม่ขุ่นมาก  ให้ปล่อยน้ำดิบเข้าสระตกตะกอนหรือใช้การกรองทาง | 
          
          
            | แนวราบก่อนเข้าระบบทรายกรองช้า  วิธีการนี้ใช้หลักการกรองนำตามธรรมชาติ โดย | 
            
          
            | ปล่อยให้น้ำผิวดินซึมลงไปใต้ดินเป็นน้ำบาดาล  จะได้น้ำสะอาดและปลอดภัยต่อ | 
            
          
            | การอุปโภคบริโภค | 
            
          
            3.  | 
            น้ำใต้ดิน มี 3 ประเภท คือ | 
          
          
          
            |   | 
            3.1 น้ำที่ได้จากบ่อตื้น  ให้ขุดตามหลักสุขาภิบาลแล้ววางขอบบ่อน้ำ ปิดฝากรุบ่อ | 
          
          
            | ติดสูบมือโยก  มีทางน้ำทิ้งให้ไหลออกไปจากรอบ ๆ ท่อ น้ำที่ได้จะเป็นน้ำสะอาด | 
            
          
            |   | 
            3.2 น้ำที่ได้จากบ่อตอก  คือน้ำจากบ่อน้ำใต้ดินหรือบ่อน้ำบาดาลใช้การติดตั้งสูบ | 
          
          
            | มือโยกหรือติดเครื่องสูบ  จะได้น้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค | 
            
          
            |   | 
            3.3 น้ำที่ได้จากบ่อบาดาล  ควรตรวจสอบว่ามีปริมาณน้ำมากพอสำหรับเป็น | 
          
          
            | แหล่งน้ำดิบในการทำประปาชุมชนหรือไม่   ถ้าคุณภาพน้ำมีแร่ธาตุเจือปน ให้ใส่ | 
          
          
            | คลอรีนฆ่าเชื้อโรคก่อนแจกจ่ายไปตามท่อน้ำ  แต่ถ้ามีธาตุเหล็ก หรือแมงกานีส เกิน | 
          
          
            | ระดับมาตรฐาน  ซึ่งสังเกตได้ว่าน้ำจะมีสีสนิมเหล็ก  กลิ่นไม่สะอาดคล้ายกลิ่นโคลนให้ | 
          
          
            | ใช้วิธีการพ่นน้ำผสมกับออกซิเจนในอากาศไหลผ่านชั้นกรวด  หิน  ถ่านหุงข้าว เพื่อให้ | 
          
          
            | สนิมเหล็กรวมตัวและตกตะกอนในถังตกตะกอน  แล้วให้ผ่านระบบทรายกรองน้ำช้า | 
          
          
            | น้ำที่ได้จะใสสะอาดไม่มีกลิ่น  และควรใส่คลอรีนฆ่าเชื้อโรคก่อนจ่ายไปตามระบบ | 
          
          
            | ท่อน้ำประปา | 
            
          
            |   | 
            การจัดหาน้ำสะอาดจากแหล่งน้ำในธรรมชาติ  ซึ่งดำเนินการได้ถูกต้องตามหลัก | 
          
          
            | สุขาภิบาลนอกจากจะช่วยให้คนในชุมชนมีสุขภาพแข็งแรงแล้วยังเป็นการให้บริการ | 
          
          
            | ด้านสาธารณูปโภคให้แก่ชุมชนด้วย | 
            
          
            2.  | 
            การสุขาภิบาลอาหาร อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของการดำรงชีวิตมนุษย์ | 
          
          
            | ซึ่งต้องมีทั้งปริมาณและคุณภาพและความสะอาดที่ดีพอ  จึงจะไม่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ | 
          
          
            | อาหารที่สกปรก  มีเชื้อโรคหรือปนเปื้อนสิ่งเป็นพิษ  ย่อมก่อให้เกิดอันตรายให้แก่คน | 
          
          
            | ในชุมชนจนอาจถึงตายได้  และเนื่องจากในสภาพปัจจุบันคนต้องออกมาทำกิจกรรม | 
          
          
            | นอกบ้าน  เช่น การทำงาน การเดินทางท่องเที่ยว หรือการศึกษาในสถานศึกษา  ทำให้ | 
          
          
            | ต้องรับประทานอาหารนอกบ้านอยู่เสมอ  ซึ่งหากร้านอาหารผลิตและจำหน่ายอาหาร | 
          
          
            | ไม่ระมัดระวังเรื่องการสุขาภิบาลให้ดีพอ  ร้านอาหารย่อมเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อ | 
          
          
            | โรคที่เป็นอันตรายต่อประชาชน  และทำให้เกิดโรคระบาดยากต่อการควบคุมการ | 
          
          
            | สุขาภิบาลอาหารจึงมีความสำคัญและจำเป็นที่ต้องมีการดำเนินการอย่างใกล้ชิด  | 
          
          
            | เพราะเป็นวิธีการช่วยป้องกันปัญหาของการเกิดโรคต่าง  ๆ ให้คนในชุมชน | 
          
          
          
            |   | 
            โรคที่เกิดจากการสุขาภิบาลอาหารไม่ดี  มีสาเหตุสืบเนื่องจากการบริโภค | 
          
          
            | อาหารที่ไม่สะอาดมีการปนเปื้อนต่าง  ๆ ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ดังนี้ | 
            
          
            |   | 
            1. โรคที่เกิดจากตัวเชื้อโรค  มักเป็นแบดทีเรียที่ปะปนอยู่ในอาหารทำให้เกิดโรค | 
          
          
            | อหิวาตกโรค  บิด ไทฟอยด์  คอตีบ วัณโรค เป็นต้น | 
            
          
            |   | 
            2. โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อโรค  และเชื้อรา เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการวิงเวียน | 
          
          
            | อ่อนเพลีย  ตาพร่า  หายใจลำบาก  และเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายสืบเนื่องจาก | 
          
          
            | การรับประทานอาหารกระป๋องที่เสื่อมคุณภาพ  หรือเสียหายจนมีเชื้อโรคเข้าไป | 
          
          
            | เจริญเติบโตแล้วปล่อยพิษออกมา  ส่วนพิษเกิดจากเชื้อราจะพบมากในอาหาร  | 
          
          
            | จำพวกเมล็ดหรืออาหารแห้ง  เช่น ถั่ว ข้าว ปลาแห้ง  พิษชนิดนี้ทำให้เกิดโรคมะเร็ง | 
          
          
            | ในตับ  หรือมีอาการต่าง ๆ เช่น ไข้สูง ตับโต สมองอักเสบ และเสียชีวิตในที่สุด | 
          
          
            |   | 
            3. โรคที่เกิดจากพวกปรสิต  เป็นโรคที่มีพยาธิหรือโปรโตซัว เช่นพยาธิตัวตืด | 
          
          
            | พยาธิ ไส้เดือน  พยาธิแส้ม้า  พยาธิตัวจี๊ด พยาธิใบไม้  เป็นต้น โดยติดต่อถึงคนจากการ | 
          
          
            | กินอาหารที่มีไข่หรือตัวอ่อนของพยาธิเหล่านี้เข้าไปและเจริญเติบโตในร่างกาย คอยแย่ง | 
          
          
            | อาหารและรบกวนจนทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย  มึนงง สติปัญญาเสื่อม ท้องเดิน | 
          
          
            | ปวดท้องถ่ายอุจจาระเป็นเลือด  เกิดการอุดตันหรือเป็นแผลในลำไส้  เป็นฝีในตับ | 
          
          
            | หรือปอด ถ้าพยาธิเหล่านี้เข้าไปสู่ส่วนสำคัญของร่างกาย  เช่น สมองหรือหัวใจจะทำ | 
          
          
            | ให้พิการ  หรือเสียชีวิตได้ในที่สุด พยาธินี้มักอยู่ในผักสดหรืออาหารที่ทำไม่สุกพอ | 
          
          
            |   | 
            4. โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส  ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปะปนในน้ำลาย  น้ำมูก   หรืออุจจาระ | 
          
          
            | ต่าง ๆ  และนำเชื้อโรคมาสู่คน เช่น ตับอักเสบ โปลิโอ เป็นต้น | 
          
          
            |   | 
            5. โรคที่เกิดจากสารเคมีเป็นพิษ  เป็นสารเคมีที่ปะปนเข้าไปในอาหารและ | 
          
          
            | ทำให้เกิดโรค  เช่น | 
            
          
            |   | 
             5.1 ตะกั่ว  พบมากในสีย้อมผ้า อาหารกระป๋องที่มีการบัดกรีไม่ดี  ยาฆ่าแมลงที่มี | 
          
          
            | สารตะกั่วผสมอยู่  หรืออาหารที่ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่ออาหารทำให้เกิดอาการ  | 
            
          
            | ท้องร่วงอาเจียน  ไตอักเสบ มีอาการประสาท อัมพาต และเสียชีวิตได้ | 
          
          
            |   | 
            5.2 สารหนู  พบในสีย้อมผ้า กระดาษ  ผักผลไม้ที่ใช้ยาฆ่าแมลงที่มีส่วนผสมของ | 
          
          
            | สารหนู  ทำให้ทางเดินอาหารหรือตับอักเสบ  หัวใจวาย เพราะมีฤทธิ์ทำลาย | 
          
          
            | ระบบประสาทส่วนกลาง | 
          
          
          
            |   | 
            5.3 ปรอท  พบมากในอาหารสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง หอย  ปู  ปลา ที่อาศัยบริเวณโรงงาน | 
          
          
            | อุตสาหกรรมที่ทิ้งของเสียและที่มีสารปรอทปนเปื้อนลงในน้ำ  และสัตว์น้ำเหล่านี้กินเข้า | 
          
          
            | ไปพิษของสารปรอททำให้ปวดท้อง  อาเจียน ป่วยเมื่อยตามกล้ามเนื้อ   บางครั้ง | 
          
          
            | มีเลือดออก สมองค่อย  ๆ เป็นอัมพาต  และเสียชีวิตในที่สุด | 
            
          
            |   | 
            5.4 แคดเมียม  พบในอาหารที่ใส่สีย้อมผ้าหรือภาชนะเคลือบและเมื่อใส่อาหาร | 
          
          
            | ที่มีฤทธิ์เป็นกรดจะละลายแคดเมียมออกมาปะปนในอาหารเข้าสู่ร่างกายเมื่อมีการ | 
            
          
            | สะสมในปริมาณมากพอจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้  อาเจียน  ท้องร่วง  ตะคริว | 
          
          
            | กระดูกผุกร่อย และเสียชีวิตได้  โรคที่เกิดจากแคดเมียมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า | 
          
          
            | โรคอิไต  – อิไต | 
          
          
            |   | 
            5.5 ดินปะสิว  เป็นสารกันบูดที่ใส่ในเนื้อสัตว์ทำให้เนื้อมีสีแดง พบมากในอาหาร | 
          
          
            | ประเภทแหนม  หมูยอ กุนเชียง ถ้ามีปริมาณมากจะทำให้เม็ดเลือดแดงผิดปกติ และ  | 
            
          
            | เกิดมะเร็งต่าง  ๆ ในร่างกาย | 
            
          
            |   | 
            6. โรคที่เกิดจากสารพิษที่มีในอาหารโดยธรรมชาติ  พืชและสัตว์บางชนิดมีพิษใน | 
          
          
            | ตัวเอง  ซึ่งถ้ารับประทานในปริมาณมากสารพิษที่มีอยู่จะทำให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ | 
            
          
            | เช่น  บริโภค เห็ดป่า  หอย ปลา บางประเภท โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการทำลายพิษที่มี | 
            
          
            | อยู่ก่อน  จะทำให้เกิดอาหารมึนเมา  คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง  ตาลาย ใจสั่น  อ่อนเพลีย | 
            
          
            | ชัก หูหนวก  ตาบอด ปัญญาอ่อน  หรือ เสียชีวิตได้  จึงควรระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงใน | 
            
          
            | การบริโภค | 
            
          
            |   | 
            หลักการจัดการสุขาภิบาลอาหาร  แบ่งออกได้ 3 กลุ่ม คือ | 
          
          
            |   | 
            กลุ่มที่  1  การสุขาภิบาลสถานที่จำหน่ายอาหาร ต้องจัดและปรับปรุงให้ถูก | 
          
          
            | สุขลักษณะเพื่อให้ผู้ประกอบการค้าและผู้รับประทานอาหารปลอดภัยจากเชื้อโรคและ | 
          
          
            | อุบัติเหตุต่าง ๆ  ซึ่งมีองค์ประกอบ ดังนี้ | 
          
          
            |   | 
            1.1 สถานที่ตั้ง  ควรอยู่ในบริเวณที่ไม่ทำให้สิ่งแวดล้อมของสถานที่ตั้งได้รับการ | 
          
          
            | ปนเปื้อนจากสิ่งสกปรก  ไม่ก่อให้เกิดปัญหาเหตุเดือดร้อนรำคาญ อันเนื่องจากกลิ่น | 
          
          
            | เสียง  หรือความรังเกียจต่าง  ๆ สถานที่จำหน่ายอาหาร จึงควรตั้งในบริเวณที่มี | 
          
          
            | สภาพแวดล้อม  ดังนี้ | 
            
          
            |   | 
            1.1.1 ตั้งห่างจากสิ่งสกปรก เช่น ห้องส้วม  ที่ทิ้งขยะมูลฝอย คอกสัตว์เลี้ยง  | 
          
          
            |   | 
            1.1.2 มีระบบสาธารณูปโภคอย่างครบถ้วน  เช่น น้ำประปา ไฟฟ้า  บริการเก็บ | 
          
          
            | รวบรวมขยะมูลฝอย  และการบำบัดน้ำเสีย | 
            
          
            |   | 
            1.1.3 มีพื้นที่ที่ใช้ประกอบอาหารเหมาะสม  แยกเป็นสัดส่วนออกจากบริเวณ | 
          
          
            | อื่น ๆ  มีความลาดเอียงเพื่อช่วยระบายน้ำเสียจากการประกอบอาหาร พื้นผิวมีความ | 
          
          
            | แข็งเพื่อไม่ทำให้เกิดฝุ่น  ผงหรือโคลนดินเปรอะเปื้อน | 
          
          
            |   | 
            1.2 อาคารที่ใช้ประกอบอาหาร  ควรออกแบบและวางผังที่ดีมีความเหมาะสม | 
          
          
            | มั่นคงแข็งแรง  และดูแลรักษาได้ง่าย โดยคำนึงถึงส่วนประกอบ  ดังนี้ | 
            
          
            |   | 
            1.2.1 วัสดุที่ใช้สร้างอาคาร  ควรเป็นวัสดุผิวเรียบ ทำความสะอาดง่ายไมมี | 
          
          
            | ความสามารถในการดูดซับ  แข็งแรง ทนทาน | 
            
          
            |   | 
            1.2.2 พื้นของอาคารที่ใช้ประกอบหรือปรุงอาหาร  ทำด้วยวัสดุแข็งแรงไม่ดูด | 
          
          
            | ซับน้ำ  ทนทานต่อการกัดกร่อนของสารเคมี ทำความสะอาดง่าย ไม่ลื่น ผิวเรียบ  | 
          
          
            | ไม่ขรุขระ  มีความลาดเอียงเพื่อไม่ให้น้ำขัง | 
          
          
          
            |   | 
            1.2.3 มีพื้นที่และบริเวณที่เหมาะสม  จัดสถานที่เป็นสัดส่วนเพื่อประโยชน์ใน | 
          
          
            | การใช้สอย  เช่น พื้นที่ปฏิบัติงานการทำอาหารมีบริเวณเพียงพอกับจำนวนผู้ปฏิบัติงาน | 
          
          
            | และปริมาณอาหาร  พื้นที่ในการเก็บอาหารและการเก็บรักษาอาหารทั้งที่เป็นวัตถุดิบ | 
          
          
            | และอาหารที่ปรุงเสร็จ | 
            
          
            |   | 
            1.2.4 มีระบบการระบายอากาศที่เหมาะสม  เพื่อไล่ควัน กลิ่นที่เกิดจากการ | 
          
          
            | ปรุงหรือประกอบอาหาร  ซึ่งต้องมีประตูหน้าต่าง หรือช่องระบายลมไม่น้อยกว่า | 
            
          
            | 10 เปอร์เซ็นต์ของ พื้นที่ห้อง  อาจใช้พัดลมดูดอากาศหรืออุปกรณ์ที่ช่วยระบายอากาศ | 
          
          
            | มาช่วยในการระบายอากาศ | 
          
          
            |   | 
            1.2.5 มีแสงสว่างเหมาะสม  เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ   และช่วยให้ทำความสะอาด | 
          
          
            | ได้ชัดเจน  อาจใช้สีทาผนัง หรือเพดานช่วยให้มีความสว่างมากขึ้น | 
            
          
            |   | 
            1.3 ห้องและอุปกรณ์ประกอบ  ซึ่งต้องมีในสถานที่ประกอบและจำหน่ายอาหารคือ | 
          
          
            |   | 
            1.3.1 ห้องส้วม  ควรแยกเพศชายหญิง และมีจำนวนเพียงพอกับลูกค้าที่มาใช้ | 
          
          
            | บริการ  อาจคำนวณจากจำนวนเก้าอี้ที่จัดให้ลูกค้า | 
            
          
            |   | 
              | 
          
          
             | 
            
          
            |   | 
              | 
          
          
            |   | 
            1.3.2 ที่ปัสสาวะ  ควรจัดให้มีเพียงพอเช่นเดียวกับส้วม สำหรับที่ปัสสาวะผู้ชายต้อง  | 
          
          
            | ทำความสะอาดอยู่เสมอ  ควรระวังรักษาไม่ให้เกิดกลิ่น ไม่อุดตันและมียาดับกลิ่นด้วย  | 
            
          
            | ส่วนที่ปัสสาวะของผู้หญิงให้ใช้รวมกับส้วมธรรมดา | 
            
          
            |   | 
            1.3.3 อ่างล้างมือ  ควรมีไว้บริการในบริเวณส้วม หรือนอกบริเวณส้วม ซึ่งทำ | 
          
          
            | ด้วยวัสดุที่ทำความสะอาดได้ง่าย  มีการรักษาความสะอาดไม่ให้เกิดคราบและกลิ่นเหม็น | 
            
          
            | ควรจัดหาสบู่และผ้าสะอาดสำหรับเช็ดมือไว้ด้วย | 
            
          
            |   | 
            1.3.4 ภาชนะรองรับเศษอาหาร  อาจจัดเป็นจานเล็ก ๆ วางไว้บนโต๊ะหรือมี | 
          
          
            | กระโถนประจำโต๊ะแต่ละโต๊ะเพื่อให้ผู้เข้ามารับประทานอาหารไม่ทิ้งเศษอาหาร | 
          
          
            | เลอะเทอะ | 
            
          
            |   | 
            1.3.5 โต๊ะและเก้าอี้  ควรมีสภาพมั่นคง แข็งแรง จัดเป็นระเบียบ และรักษา | 
          
          
            | ความสะอาดอยู่เสมอ  พื้นโต๊ะและเก้าอี้ควรทำด้วยวัสดุที่ไม่ดูดซับ เรียบ  ไม่ขังน้ำ | 
            
          
            และทำความสะอาดได้ง่าย  อาจใช้ผ้าขาวหรือแผ่นพลาสติกปูบนพื้นโต๊ะเพื่อนำไปซัก  | 
            
          
            | ทำความสะอาด  | 
            
          
            |   | 
            1.3.6 ถังเก็บเศษอาหารและขยะมูลฝอย  ควรทำด้วยวัสดุที่แข็งแรงทำความ | 
          
          
            | สะอาดง่าย  มีสภาพดี ถูกสุขลักษณะ สะดวกในการขนย้ายนำไปทิ้ง มีฝาปิดทุกถัง | 
          
          
            | เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยหรือเป็นแหล่งอาหารของสัตว์นำโรค  และนำไปกำจัดทุกวัน | 
          
          
            | ถังขยะควรมี  2   ถังสำหรับแยกใส่ขยะเปียก  และขยะแห้งโดยวางก้นถังให้สูงอย่าง | 
          
          
            | น้อย 1 ฟุตจากพื้น และล้างทุกครั้งที่เทขยะออก | 
          
          
          
            |   | 
            1.3.7 รางระบายน้ำเสีย  ควรเป็นชนิดที่เปิดทำความสะอาดได้  เป็นวัตถุที่มี | 
          
          
            | ความลาด  ระบายน้ำได้ดี พื้นของร่องระบายน้ำควรทำเป็นมุมโค้งไม่เป็นเหลี่ยม | 
            
          
            | เพื่อสะดวกในการทำความสะอาด  ควรมีบ่อดักไขมันและดักไขมันทิ้งบ่อย ๆ เพื่อ | 
          
          
            | ป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันของท่อทิ้ง  และไม่ควรทิ้งเศษอาหารหรือเศษขยะลง | 
          
          
            | ไปในท่อด้วย เพราะนอกจากจะทำให้เกิดอุดตันแล้วยังส่งกลิ่นเหม็นเน่าด้วยรางระบาย | 
          
          
            | น้ำควรล้างทำความสะอาดทุกวัน | 
          
          
            |   | 
            1.4 การล้าง  การเก็บภาชนะและอุปกรณ์ เป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญ   ป้องกันการ | 
          
          
            | ปะปนของสารเคมีหรือเชื้อโรคในอาหาร  ภาชนะที่สะอาดต้องมีการล้างการเก็บ | 
          
          
            | ที่ดีและถูกต้องตามแนวทางดังนี้ | 
            
          
            |   | 
            1.4.1 การล้างภาชนะ  ควรจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการล้างทำความ | 
          
          
            | สะอาดภาชนะและอุปกรณ์ให้พร้อม  เช่น โต๊ะสำหรับวางภาชนะที่จะนำมาล้าง ถังใส่เศษ | 
          
          
            | อาหาร  อ่างล้างภาชนะที่คว่ำจาน  ชาม ช้อน ตะเกียบ น้ำยาล้างจานหรือสบู่ น้ำร้อน | 
          
          
            | หรือผงคลอรีน  ฟองน้ำหรือเศษผ้าที่สะอาด  ในการล้างภาชนะให้แยกภาชนะคาว และ | 
          
          
            | หวานออกจากกันโดยให้ล้างภาชนะคาวก่อน  ควรกวาดเศษอาหารทิ้งในถังขยะที่ | 
          
          
            | เตรียมไว้จึงล้างน้ำที่ผสมน้ำยาล้างจานหรือสบู่เพื่อกำจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรกโดย | 
          
          
            | ใช้ฟองน้ำช่วย  จากนั้นจึงนำมาล้างน้ำสะอาดเพื่อล้างน้ำยาล้างจานหรือสบู่ที่ตกค้าง | 
          
          
            | ออก  1 – 2 ครั้ง และ  นำมาแช่ในอ่างที่มีน้ำร้อนอุณหภูมิขั้นต่ำ 77 องศาเซลเซียส  | 
          
          
            | หรือเป็นน้ำผสมคลอรีน  เพื่อฆ่าเชื้อโรค | 
          
          
            |   | 
            1.4.2 การเก็บภาชนะอุปกรณ์  ที่ล้างสะอาดให้จัดเก็บตามประเภทของภาชนะ | 
          
          
            | อุปกรณ์  เช่น  จาน   ชาม ถ้วย  และแก้วน้ำ ให้คว่ำในตะกร้าตะแกรง  หรือปล่อยให้แห้ง | 
            
          
            | โดยไม่ใช้ผ้าเช็ด  อาจนำไปผึ่งแดดจนแห้งและเก็บไว้ในตู้หรือหิ้งสะอาดที่สูงจากพื้น | 
          
          
            | ไม่ต่ำกว่า  60 เซนติเมตร | 
            
          
            |   | 
            สำหรับช้อนส้อมและตะเกียบ  ให้เก็บในตะกร้าลักษณะโปร่งสะอาด โดยเอาทางด้าม | 
          
          
            | ขึ้นบน  ถ้าบรรจุในถุงพลาสติกหรือกระดาษที่สะอาดจะช่วยป้องกันฝุ่นและเชื้อโรคต่าง  ๆ  | 
            
          
            | ได้ดีขึ้น | 
            
          
            |   | 
            ส่วนภาชนะเครื่องครัวหรือเครื่องใช้ต่าง  ๆ เช่น มีด เขียง กระทะ ทัพพี ครก ฯลฯ | 
          
          
            | เมื่อ ล้างและปล่อยให้แห้งดี  ควรเก็บไว้ในตู้ที่สะอาด ป้องกันแมลง และสัตว์นำโรค | 
            
          
            | ต่าง ๆ มาไต่ตอม | 
            
          
            |   | 
            กลุ่มที่  2   การเลือกอาหาร   เป็นวิธีช่วยลดอัตราความเจ็บป่วยและการคายได้ | 
          
          
            | หลักการเลือกอาหาร  ต้องคำนึงแหล่งที่มาของอาหารว่า ไม่สกปรกไม่มีการล้างก่อน  | 
            
          
            | นำมาจำหน่าย  หรือปลอดภัยจากการตกค้างของสารเคมีและพิจารณาเลือกตามประเภท | 
            
          
            | ของอาหาร  ดังนี้ | 
            
          
            |   | 
            2.1 อาหารสด  | 
          
          
            |   | 
            2.1.1 ผักและผลไม้  เลือกเฉพาะที่สดไม่บวม ซ้ำจากการขนส่ง ผิวไม่แห้งหรือมี | 
          
          
            | ราขึ้น  ผักและผลไม้ที่ซื้อมาต้องล้างด้วยน้ำสะอาดหลาย  ๆ ครั้ง จะช่วยให้ยาฆ่าแมลง | 
          
          
            | และเชื้อโรคที่ติดมาหลุดออกไปได้ | 
          
          
          
            |   | 
            2.1.2 เนื้อหมู  เนื้อวัว ต้องมีสีแดงสด ไม่มีกลิ่นเหม็น บูดเปรี้ยวหรือเป็นเมือกลื่นๆ  | 
          
          
            | ถ้ามีตุ่มคล้ายเม็ดสาคูอยู่ในเนื้อไม่ควรซื้อมาปรุงอาหารเพราะเป็นตัวอ่อนของ | 
            
          
            | พยาธิตัดตืด | 
            
          
            |   | 
            2.1.3 ปลา  ให้ดูเหงือกปลาที่ต้องมีสีแดง ครีบเหงือกปิดสนิท บริเวณใต้ท้องต้อง | 
          
          
            | สะอาด  ไม่มีเมือก ไม่มีกลิ่น ตาใสไม่ลึกโบ๋หรือขุ่นเป็นสีเทา  เกล็ดปลาเป็นมันไม่แห้ง | 
            
          
            | หรือด้านไม่สดใส  เนื้อปลาต้องแน่นถ้าเอานิ้วกดจะเป็นรอยบุ๋มอยู่นาน  ถ้าไปลอยน้ำปลา | 
            
          
            | ที่ดีจะจมน้ำ | 
            
          
            |   | 
            2.1.4 กุ้ง  ตามครีบและหางไม่เป็นสีชมพู  ตัวกุ้งเนื้อแน่นแต่ไม่นิ่ม ไม่มีกลิ่น | 
          
          
            | เหม็นคล้ายแอมโมเนีย  หัวและตัวกุ้งติดกันแน่น | 
            
          
            |   | 
            2.1.5 หอย  หอยสดและดีจะมีฝาปิดสนิท ไม่มีกลิ่น เปลือกไม่มีเมือกหรือสกปรก | 
          
          
            | เกินไป  ถ้าใส่ในน้ำจะจม | 
            
          
            |   | 
            2.1.6 เป็ด  ไก่ ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน ไม่มีรอยคล้ำตามบริเวณใต้ปีก ขาลำคอ ที่ต่อ | 
          
          
            | กับลำตัว  ปลายปีกหรือตรงส่วนนูนของก้น | 
            
          
            |   | 
            2.1.7 ไข่  ถ้านำไปส่องไฟจะไม่มีจุดดำ ๆ ภายในเนื้อไข่ หรือมีฟองอากาศขนาด | 
          
          
            | ใหญ่ภายใน  ถ้านำมาลอยน้ำเกลือที่มีส่วนผสมในอัตราส่วนน้ำ 1 ปี๊บต่อ | 
          
          
            | เกลือ  2 กิโลกรัม ไข่ที่ดีจะจมน้ำ  เปลือกไขเรียบไม่มีรอยแตกและสะอาด | 
            
          
            |   | 
            2.2 อาหารแห้งของดอง  ต้องสะอาดไม่มีกลิ่นเหม็นหืน หรือเชื้อรา ถ้าใช้สีเจือปน | 
          
          
            | ต้องเป็นสีที่กระทรวงสาธารณสุขรับรอง  ควรเก็บในภาชนะที่ถูกสุขลักษณะ | 
            
          
            |   | 
            2.3 อาหารกระป๋อง  ต้องเป็นกระป๋องไม่บวม บุบบู้บี้   หรือมีรูรั่ว ตามตะเข็บของ | 
          
          
            | กระป๋องปิดสนิทไม่เป็นสนิม  อาหารที่บรรจุภายในต้องไม่มีกลิ่น สีผิดปกติ ขณะเปิด | 
            
          
            | กระป๋องต้องไม่มีลมดันออก  ไมมีฟองอากาศเกิดในอาหาร | 
            
          
            |   | 
            กลุ่มที่  3   ผู้ปรุง   ต้องมีความรู้เกี่ยวกับอาหารเป็นอย่างดีและปฏิบัติตนตาม | 
          
          
            | สุขวิทยาอย่างเคร่งครัด  แต่งกายสะอาด ไม่สูบบุหรี่ คุย ไอ จาม เกาศีรษะ แคะขี้เล็บ | 
            
          
            | หรือเกาส่วนต่าง ๆ ของร่างกายขณะปรุงอาหาร  ล้างมือก่อนปรุงอาหารและดูแล | 
            
          
            | ไม่ให้อาหารเกิดการบูดเสียหรือมีความสกปรกจากพวกแมลง  สัตว์นำโรค และ | 
            
          
            | สาเหตุอื่น ๆ | 
            
          
            |   | 
            ข้อปฏิบัติ  10 ประการ สำหรับผู้ประกอบอาหารและผู้ปรุงอาหาร | 
          
          
            |   | 
            1. แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสะอาดและผูกผ้ากันเปื้อน | 
          
          
            |   | 
            2. ตัดเล็บให้สั้น ล้างมือด้วยน้ำสบู่  หลังเข้าส้วมและก่อนปฏิบัติงาน  | 
          
          
            |   | 
            3. ไม่สูบบุหรี่ขณะปรุงหรือเสิร์ฟอาหาร  | 
          
          
            |   | 
            4. ไม่ไอ  จาม หรือมีน้ำมูล น้ำลาย เสมหะ ลงในอาหาร | 
          
          
            |   | 
            5. ไม่เอานิ้วจุ่มลงในอาหารและน้ำเวลาเสิร์ฟ  | 
          
          
            |   | 
            6. ไม่รับประทานอาหารขณะปฏิบัติงาน | 
          
          
            |   | 
            7.ล้างจาน ชาม ซ้อน  และภาชนะใส่อาหารให้สะอาด ปล่อยให้แห้งเองโดยไม่ใช้ | 
          
          
            | ผ้าเช็ด  | 
            
          
            |   | 
            8. อาหารปรุงเสร็จต้องเก็บให้มิดชิดจากฝุ่นละอองหรือแมลงวัน  | 
          
          
            |   | 
            9. จับช้อน  ตะเกียบ และอุปกรณ์อื่น ๆ เฉพาะด้าม จับแก้วและจานโดยไม่ให้ | 
          
          
            | นิ้วมือถูกภายในภาชนะ | 
            
          
            |   | 
            10. ตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละ  2 ครั้ง ถ้าเจ็บป่วยต้องรีบรักษา | 
          
          
            |   | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
          
          
            |   |