5. เห็บ |
|
เห็บเป็นสัตว์ประเภทปรสิตชนิดใช้ปากกัดดูดเลือดคนและสัตว์อื่น ๆ เห็บอ่อนมี |
รูปร่างกลมคล้ายถุง ถ้าดูดเลือดจนอิ่มจะมีลักษณะคล้ายเมล็ดถั่ว ส่วนหัว อก และท้อง |
เชื่อมต่อเป็นเนื้อเดียวไม่มีลักษณะเป็นปล้องให้เห็น โดยทั่วไปเห็บมีอายุได้นาน |
ส่วนเห็บแข็งจะมีขนาดใหญ่กว่าเห็บอ่อน ลำตัวมีรูปร่างคล้ายถุง ไม่มีปล้อง มีแผ่นแข็ง |
ชัดเจน เห็บตัวเมียมีแผ่นแข็งคลุมครึ่งตัว แต่เห็บตัวผู้จะมีแผ่นแข็งคลุมตลอดตัว |
เห็บอ่อนและเห็บแข็งจะมีรูหายใจ 1 คู่ อยู่ด้านข้างลำตัว และมีฟันเป็นอวัยวะกัดฉีก |
ผิวหนังคน |
|
วงจรชีวิตของเห็บ แบ่งออกได้ 3 ระยะ คือ |
1. |
ระยะเป็นไข่ เมื่อเห็บตัวเมียดูดเลือดจากสัตว์จนอิ่มตัวจะผละลงสู่พื้นดินไปซุกอยู่ |
ตามซอก ร่มเงา ใต้พื้นทราย พื้นหิน เพื่อย่อยเลือดและคอยให้ไข่สุก หลังการวางไข่ |
่เห็บตัวเมียจะตาย ระยะฟักตัวของไข่ใช้เวลาตั้งแต่ 2 สัปดาห์จนถึงหลายเดือนขึ้นอยู่ |
กับอุณหภูมิและชนิดของเห็บไข่ของเห็บแต่ละฟองจะถูกเคลือบด้วยขี้ผึ้ง ป้องกันการ |
ระเหยของน้ำและทำให้ไข่เกาะกันเป็นกลุ่ม |
2. |
ระยะเป็นตัวอ่อน เมื่อไข่แตกออกเป็นตัวอ่อน 2 แบบคือ ลาวา และนิ้ม จะมีขนาด |
0.5 – 1.5 มิลลิเมตร มีขา 3 คู่ คล้ายแมลง ในระยะแรกตัวอ่อนจะไม่เกาะโฮสท์ จน |
2 – 3 วัน จึงไต่ขึ้นมาบนผิวดิน ยอดหญ้าหรือพืชเล็ก ๆ แล้วชูขาหน้าขึ้นเพื่อดักเหยื่อ |
ที่ผ่านไปมาเมื่อได้เหยื่อที่เหมาะสมจะใช้ฝังปากลงไปใต้ผิวหนัง เมื่อแกะตัวเห็บ |
ขาดติดกับผิวหนังที่มันกัดอยู่ซึ่งจะเป็นแหล่งติดเชื้อตามมา หลังจากดูดเลือดจนอิ่มตัว |
อ่อนจะตกลงสู่พื้นดินเพื่อลอกคราบเป็นตัวอ่อนระยะนิ้มมีขา 4 คู่ ไม่มีช่วงเปิดของ |
อวัยวะเพศวิธีการหาเหยื่อเหมือนกับระยะตัวอ่อน |
3. |
ระยะเป็นตัวแก่เต็มวัย ระยะนิ้มจะลอกคราบหลายครั้งก่อนเป็นตัวแก่ การหา |
เหยื่อของเห็บเต็มวัยเหมือนกับระยะตัวอ่อนและนิ้ม แต่เห็บตัวเมียดูดเลือดมากกว่า |
ตัวผู้การดูดเลือดแต่ละครั้งใช้เวลาตั้งแต่ 5 นาทีถึง 30 นาที เห็บมีอายุได้นาน 2 – 3 ปี |
ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่มันอาศัยอยู่ |
วงจรชีวิตของเห็บ |
|
|
ความสัมพันธ์ของเห็บต่อสุขภาพ |
|
เห็บเป็นสัตว์ที่ต้องอาศัยสิ่งมีชีวิตเพื่อการกัดกินเลือดเป็นอาหาร เป็นปรสิตของสัตว์ |
เลี้ยงต่าง ๆ และเป็นพาหะนำโรคต่าง ๆ ด้วยการที่มันกัดกินเลือดจากโฮสต์ที่มี |
เชื้อโรคจึงแพร่กระจายสู่คนเข้าทางกระแสเลือด โรคที่เกิดจากเห็บ เช่น |
1. |
โรคไข้สมองอักเสบ เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อเจแพนีส เอนเซฟาไลทิส หรือ |
JE ที่มีเห็บเป็นตัวแพร่เชื้อโรค มักเป็นในเด็กอายุ 5 – 9 ปี ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง |
ปานกลาง ปวดศีรษะมาก เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ตัวเกร็งแข็งหรือชักกระตุก |
แขนขาเป็นอัมพาตถ้าฟื้นจากโรคอาจเป็นอัมพาตหรือมีอาการชักแบบลมบ้าหมู |
อุจจาระและปัสสาวะไม่รู้สึกตัว |
2. |
โรคไข้กลับซ้ำ เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ บอร์เรเลีย ดัทโทไน มีเห็บเป็น |
พาหะ เมื่อผู้ถูกเห็บกัดและบี้เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางรอยแผลที่ถูกกัด ผู้ป่วยจะมี |
อาการไข้และกลับเป็นปกติสลับไปมาประมาณ 2 – 10 ครั้ง เป็นอาการไข้เฉียบพลัน |
หนาวสั่น ปวดศีรษะรุนแรงใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดตามกล้ามเนื้อ ตามข้อ ไอ |
และมีการอักเสบของหลอดลมในระยะสุดท้ายของโรคมีอาการตัวเหลือง กระเพาะ |
ตับ และม้ามโต อาจมีผื่นแดง จุดแดง ๆ หรือจ้ำเลือด ปรากฏตามลำตัวและแขนขา |
3. |
การเจ็บป่วยเนื่องจากถูกเห็บกัด เมือเห็บกัดเพื่อดูดเลือดทำให้เกิดแผลที่ผิวหนัง |
ณ จุดที่ถูกกัด น้ำลายของเห็บมีพิษทำให้เกิดการอักเสบ อาจมีอาการบวม คัน เป็นตุ่ม |
|
การกำจัดและควบคุมป้องกันเห็บ |
|
เห็บเป็นสัตว์ที่เบียดเบียนสัตว์และคน ทำให้เสียเลือดและเกิดการระคายเคืองใน |
บริเวณที่ถูกกัด จึงควรกำจัดเพื่อป้องกันโรคและเหตุรำคาญ ดังนี้ |
1. |
การกำจัดเห็บ |
|
1.1 ใช้ยาฆ่าแมลง เช่น ดีดีที ผง 10 เปอร์เซ็นต์ โรยในบริเวณที่เห็บอยู่ เช่น |
คอกสัตว์ หรือใช้ผงแป้งฆ่าแมลงโรยตามตัวสัตว์ |
|
1.2 ใช้การเผา ด้วยการใช้ผ้าขาวผูกปลายไม้เป็นธง แล้วลากไปในบริเวณที่สงสัย |
ว่ามีเห็บอาศัยอยู่อย่างช้า ๆ จะมีเห็บเกาะติดกับผ้าให้นำไปเผาไฟ เพราะโดย |
ธรรมชาติของเห็บจะขึ้นมาผิวดิน ยอดหญ้าเพื่อหาเหยื่อที่ผ่านไปมา การสั่นของพื้นดิน |
ทำให้เห็บตื่นตัวชูขาหน้าขึ้นเพื่อ คอยเกาะเหยื่อ |
2. |
การควบคุมป้องกันเห็บ |
|
2.1 ใช้ยากันเห็บทา ถ้าต้องเดินป่าควรทายากันเห็บตามผิวหนัง บริเวณหนังและ |
ตามเสื้อผ้า เพื่อป้องกันการกัดและดูดเลือดของเห็บ |
|
2.2 ทำความสะอาดคอกสัตว์เลี้ยง เพื่อกำจัดไข่เห็บ ตัวอ่อนหรือตัวแก่ให้หมด |
รวมทั้งทำลายวัชพืชที่อยู่บริเวณคอกสัตว์ไม่ให้รกรุงรัง |
|
2.3 อาบน้ำให้สัตว์เลี้ยง โดยใช้น้ำผสมสารฆ่าแมลงชนิดผงละลายน้ำอาบให้ |
สะอาด |
6. เหาและโลน |
|
เหาและโลนเป็นแมลงที่มีขนาดเล็ก ไม่มีปีก มีปากเป็นแบบเจาะดูด ขาสั้นแต่อ้วน |
ปลายขาจะมีเล็บไว้ยึดเกาะเกี่ยวเส้นขนหรือเส้นผม เหาจะอยู่บริเวณศีรษะและคอ |
ส่วนโลนจะอยู่ตามร่างกายที่มีขน เช่น บริเวณรักแร้ หน้าอก หรือหัวหน่าว |
วงจรชีวิตเหาและโลน |
|
|
วงจรชีวิตของเหา และโลน แบ่งออกเป็น 3 ระยะคือ |
|
1. ระยะเป็นไข่ เหาบนศีรษะตัวเมียที่ผ่านการผสมพันธุ์จะวางไข่ภายใน 24 – 48 |
ชั่วโมง โดยวางไข่ประมาณ 8 – 10 ฟอง ตามขนที่มันเกาะอยู่ ไข่เหามีความยาว |
ประมาณ 1 มิลลิเมตร เมื่อออกมาใหม่ๆ จะโปร่งแสงแล้วค่อยๆ กลายเป็นสีเหลืองอ่อน |
และทีบแสง ใช้เวลาฟักตัวประมาณ 8 วัน |
|
2. ระยะตัวอ่อน ตัวอ่อนของเหามีรูปร่างเหมือนตัวแก่เต็มวัย แต่ตัวเล็กมีสีขาว |
ถ้าไม่ได้กินเลือดภายใน 24 ชั่วโมงมันจะตาย ตัวอ่อนใช้เวลาโตเต็มวัยประมาณ 2 – 3 |
สัปดาห์ |
|
3. ระยะตัวแก่โตเต็มวัย ตัวอ่อนของเหาจะลอกคราบ 3 ครั้ง จึงเป็นตัวแก่ |
โตเต็มวัยโดยใช้เวลา 1 สัปดาห์ ตัวแก่ของเหาจะมีขนาด 1 – 2 มิลลิเมตร ตัวผู้จะมี |
ขนาดเล็กกว่าตัวเมียมีหนวดหนาและสั้นเป็นปล้อง ๆ ประมาณ 3 – 5 ปล้อง ตามี |
ขนาดเล็ก |
|
ส่วนวงจรชีวิตของโลนคล้ายกับเหา โลนตัวเมียจะวางไข่วันละ 8 – 10 ฟอง |
จนได้ไข่ตัวอ่อนภายใน 1 สัปดาห์ ตัวอ่อนของโลนจะลอกคราบ 3 ครั้งภายใน |
3 – 4 สัปดาห์ และเป็นตัวแก่โตเต็มวัย ขนาดของตัวแก่ยาวประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตร |
มีหนวดยาวใช้ปากฝังลงใต้ผิวหนังของโฮสต์ เมื่อหลุดออกจากโฮสต์ โลนจะตายภายใน |
24 ชั่วโมง |
วงจรชีวิตโลน |
|
|
ความสัมพันธ์ของเหาและโลนต่อสุขภาพ |
|
เหาและโลนมีคนเป็นโฮสต์ที่สำคัญ มันจะกัดและดูดเลือดหรือน้ำเหลืองของร่างกาย |
เป็นอาหาร ทำให้เกิดความระคายเคือง คัน และเกิดความรำคาญ อาจเป็นผื่นคัน |
และมีการติดเชื้ออักเสบ |
|
การกำจัดและควบคุมป้องกันเหาและโลน |
|
1. การกำจัด ถ้าเหาบนศีรษะให้ใช้น้ำส้ม 10 เปอร์เซ็นต์ หรือน้ำสบู่ร้อน ๆ ที่มี |
น้ำมันก๊าด 25 เปอร์เซ็นต์ ฟอกจะทำให้ไข่หลุดและล้างออก อาจใช้การโกนผมหรือ |
ขนทิ้ง เหาจะตายภายใน 24 ชั่วโมง เพาะไม่มีเลือดเป็นอาหาร |
|
ถ้าเป็นเหาหรือโลนที่ติดตามเสื้อผ้า ให้ใช้ ดีดีที่ 10 เปอร์เซ็นต์ ประมาณ 2 ช้อน |
ชาโรยและขยี้ตามตะเข็บให้ทั่วก่อนนำไปซักตามปกติ |
|
อาจใช้ดีดีที่ 10 เปอร์เซ็นต์ โรยและขยี้ให้ทั่วบริเวณที่มีร่างกายเพื่อฆ่าเหาและ |
โลนหรือใช้การต้มเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่มีโลนอาศัยอยู่ในน้ำเดือด |
|
2. การควบคุมและป้องกัน หมั่นสระผมให้สะอาดอยู่เสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 – |
2 ครั้ง รักษาความสะอาดของแปรง หวี หมวก และเสื้อผ้าต่าง ๆ รวมทั้งไม่ใช้สิ่งของ |
ดังกล่าวร่วมกับผู้อื่น ควรอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายวันละ 2 ครั้ง เปลี่ยนเสื้อผ้า |
ที่สะอาดหลังอาบน้ำและทำความสะอาดที่นอน หมอน มุ้งเป็นประจำจะช่วยป้องกันโลน |
และเหาได้เป็นอย่างดี |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|