3. แมลงสาบ
  แมลงสาบเป็นสัตว์ที่นำโรคติดต่อมาสู่คน ลักษณะทั่วไปของแมลงสาบมีรูปร่าง
แบนราบทางด้านบนและด้านท้อง รูปร่างมีส่วนประกอบ 3 ส่วน เหมือนแมลงทั่วไป
คือ ส่วนหัวอกและท้อง แมลงสาบมีหนวดยาว 1 คู่ใช้สำหรับดมกลิ่นและสัมผัสนำทาง
ปีกของแมลงสาบมี 2 คู่ ปีกคู่แรกมีลักษณะเป็นแผ่นเหนียวยาว และเหยียดตรงด้าน
นอกใช้สำหรับปกป้องคุ้มกันปีกอีกคู่ซึ่งเป็นเยื่อบาง ๆ ปกติจะพับอยู่ใต้ปีกคู่แรก ส่วนหัว
ของแมลงสาบสามารถกระดกขึ้นลงได้ แมลงสาบพัก อาศัยหลบซ่อนตัวตามซอกมุม
ขอบประตูหน้าต่าง ห้องน้ำห้องส้วม ใต้กองดินทรายหรือเศษพืชหญ้าต่าง ๆ แมลงสาบมี
หลายพันชนิด แต่ที่เป็นพาหะนำโรคมี 4 ชนิดคือ แมลงสาบเอเชีย หรือแมลงสาบ
ตะวันออก แมลงสาบอเมริกัน แมลงสาบเยอรมัน และแมลงสาบลายน้ำตาลซึ่งมีลักษณะ
แตกต่างกัน คือ
  แมลงสาบเอเชียหรือแมลงสาบตะวันออก ลำตัวมีสีดำหรือสีน้ำตาลปนดำ มีลายสี
เหลืองและขาวบนส่วนอกและขอบด้านนอกของส่วนท้อง ตัวยาวประมาณ 2.2 – 2.7
เซนติเมตรปีกสั้นบินไม่ได้ ชอบอาศัยอยู่ที่ชื้นแฉะ
  แมลงสาบอเมริกัน เป็นแมลงสาบพบมากที่สุดในประเทศไทย ตัวมีสีน้ำตาลแดงไป
จนถึงน้ำตาลดำ มีความยาวประมาณ 1.5 – 2 นิ้ว บินได้ในระยะใกล้ ๆ ชอบอาศัย
ตามท่อ ระบายน้ำ เสีย อุโมงค์น้ำ รอบบริเวณห้องน้ำห้องส้วม มักอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
  แมลงสาบเยอรมัน  เป็นแมลงสาบที่พบมากอีกชนิดหนึ่งในประเทศไทย มีสีน้ำตาล
แกมเหลืองขีด ๆ และมีแถบสีน้ำตาลเข้มสองแถบตามยาวบนหลังของส่วนอก ตัวมี
ขนาดเล็กยาวประมาณ 1.2 – 1.6 เซนติเมตร ตัวเมียจะมีไข่ยื่นออกมาจนถึงเวลา
ที่ไข่ฟักตัวชอบอาศัยตามท่อน้ำหรือในครัว ห้องพัก ตู้เสื้อผ้า หรือตามซอกมุมรอย
แยกต่าง ๆ
  แมลงสายลายน้ำตาล ลำตัวมีสีน้ำตาลแดงอ่อน ขนาดเล็กประมาณ 1 – 2.5 นิ้ว
มีแถบกว้างสีน้ำตาลขวางสองแถบที่ปีก ตัวเมียมีปีกไม่หุ้มส่วนท้อง แต่ตัวผู้จะมีปีก
ยาวกว่า บินได้เร็วเมื่อถูกรบกวน ชอบอยู่ตามตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของ หลังกรอบรูปข้างฝา
และพบได้ทั่วไปในบริเวณบ้าน
  วงจรชีวิตของแมลงสาบ
  แมลงสาบมีวงจรชีวิตรวม 3 ระยะคือ
1.
ระยะเป็นไข่ เมื่อตัวเมียโตเต็มวัย และมีการผสมพันธุ์จะวางไข่ แมลงสาบออกไข่
ติดกันหลาย ๆ ใบ ไข่แมลงสาบจะอยู่ในแคปซูลสีน้ำตาล ซึ่งมีปริมาณไข่ประมาณ
30 ฟองต่อหนึ่ง แคบซูล ไข่แมลงสาบจะพบในที่อบอุ่น
2.
ระยะเป็นตัวอ่อน ไข่แมลงสาบจะฟักเป็นตัวอ่อนในเวลา 1 เดือน ซึ่งมีรูปร่าง
เหมือนตัวแก่เต็มวัยแต่ไม่มีปีก ตัวอ่อนจะลอกคราบหลายครั้งจนมีอายุประมาณ 1 – 3
เดือน จึงจะออกจากไข่
3.
ระยะเป็นตัวเต็มวัย หลังจากตัวอ่อนลอกคราบประมาณ 3 เดือนจะกลายเป็นตัว
เต็มวัย  ซึ่งมีอายุได้ประมาณ 9 – 15 เดือน
วงจรชีวิตของแมลงสาบ
 
  แมลงสาบชอบอาศัยตามช่องแคบ ๆ หรือรอยแตกต่าง ๆ มันออกหากินตอน
กลางคืนกินอาหารทุกชนิด เช่น เมล็ดพืช ขนมอบกรอบ แป้ง กาว สิ่งปฏิกูล ซากสัตว
เสมหะ เป็นต้น ระหว่างการกินอาหารแมลงสาบจะสำรอกเอาของเหลวสีน้ำตาลออกมา
ปนเปื้อนอาหาร
  ความสัมพันธ์ของแมลงสาบต่อสุขภาพ
  แมลงสาบมีปากแบบกัดเคี้ยวมีนิสัยชอบกัดทำลายสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน มี
กลิ่นเหม็นเฉพาะตัวซึ่งขับออกมาจากต่อมกลิ่น ลักษณะเหลวคล้ายน้ำมัน ก่อให้เกิด
ความรำคาญและจากการที่แมลงสาบกินอาหารได้ทุกชนิด ซึ่งรวมถึงของเสียต่าง ๆ
จึงทำให้แมลงสาบเป็นพาหะนำโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
อาจนำเชื้อจุลินทรีย์ ไข่พยาธิหรือสารเคมี มาปนเปื้อนกับอาหารหรือภาชนะที่ใช่
บรรจุอาหารและแพร่มาสู่คน นอกจากนี้การกัดแทะวัสดุ สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ
ทำให้เกิดการชำรุดเสียหายไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
  การกำจัดและควบคุมป้องกันแมลงสาบ
  แมลงสาบเป็นพาหะนำโรคสร้างความรำคาญและทำลายสิ่งของเครื่องใช้จากการ
กัดแทะซึ่งล้วนเป็นผลเสียต่อสุขภาพและทรัพย์สินต่าง ๆ จึงควรกำจัดและควบคุม
ป้องกันแมลงสาบเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ดังนี้
1.
การกำจัดแมลงสาบ เป็นการทำลายไข่และตัวแมลงสาบด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
  1.1 การใช้กับดักแมลงสาบ ที่มีวางขายทั่วไปหรืออาจทำขึ้นเองจากขวดแม่โขง
ที่สะอาดมาวางเรียงทำมุมประมาณ 45 องศาหรือชันกว่านั้น ใส่อาหารในขวด เช่น
ข้าวสาร ขนมกรอบ หรืออาหารที่มีแป้ง เป็นเหยื่อ นำไปวางไว้ในตู้กับข้าวใต้ตู้ ใต้เตียง
หรือบริเวณที่มีแมลงสาบรบกวน เมื่อแมลงสาบลงไปกินเหยื่อจะขึ้นไม่ได้เพราะข้าง
ขวดลื่นและเมื่อได้แมลงสาบจำนวนมากพอจึงนำน้ำหรือน้ำร้อนกรอกปิดขวดทิ้งไว้ไม่
่ช้าแมลงสาบก็ตาย
  1.2 ตบตีให้ตาย เป็นวิธีที่ใช้กำจัดเมื่อพบตัวแมลงสาบ ซึ่งจะช่วยลดการขยายพันธุ์
ของแมลงสาบอเมริกันได้ 700 ตัว และแมลงสาบเยอรมันได้ถึง 1,500 ตัว ถ้าเป็น
แมลงสาบตัวเมีย
  1.3 ทำลายแคบซูลของไข่แมลงสาบ ซึ่งติดตามฝาผนัง เพดาน ปกสมุดหรือปก
หนังสือ ที่มีสีน้ำตาลคล้ายเมล็ดถั่วดำ ให้นำไปเผาไฟทิ้งจะลดแมลงสาบได้ 14 ตัวต่อ
1 แคบซูล
  1.4 ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงสาบ ฉีกพ่นบริเวณที่เป็นแหล่งอาศัย เช่น ท่อ
ระบายน้ำ ที่ชื้นและมืด ซอกมุม รอยแตกต่าง ๆ ใต้ตู้ เป็นต้น แต่ต้องระมัดระวังอย่า
ให้โดนอาหาร หรือภาชนะใส่อาหาร
  อาจใช้ยาเบื่อพวกไบกอนหรือดิพทาอแฮกช์ในการดัก และวางในบริเวณที่เตรียม
อาหาร ตู้หนังสือ หรือที่ที่มีแมลงสาบชุกชุม แต่ต้องระวังในการเก็บอาหารและภาชนะ
ต่าง ๆ ให้มิดชิด เพราะแมลงสาบเป็นแมลงที่ตายยากจึงอาจนำยาเบื่อไปปนเปื้อน
อาหารหรือติดภาชนะต่าง ๆ ได้
  นอกจากนี้อาจใช้บอแรกช์ (น้ำประสานทอง) 3 ส่วน ผสมกับแป้งข้าวจ้าว (หรือ
แป้งมัน) 1 ส่วน บดให้เข้ากัน นำไปโรยตามร่อง รอยแตกหรือแหล่งที่อาศัยของ
แมลงสาบ
2.
การควบคุมป้องกัน ด้วยการปรับปรุงสุขาภิบาลที่พักอาศัย เพื่อทำลายแหล่งอาหาร
หลบซ่อนของแมลงสาบและป้องกันไม่ให้แมลงสาบเข้ามาในอาคารบ้านเรือน ดังนี้
  2.1 ใช้ตะแกรงหรือติดมุ่งลวดตามประตูหน้าต่าง ช่องลม หรือช่องว่างต่าง ๆ ถ้า
มีรอยแตกที่เข้าสู่อาคารให้ใช้ปูนพลาสเตอร์อุดเพื่อไม่ให้แมลงสาบเข้ามาภายในได้
  2.2 รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้วยการเก็บรักษาสิ่งของ
ต่าง ๆ ภายในอาคารบ้านพักอาศัยให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้เป็นที่หลบซ่อนของแมลงสาบ
และเป็นการตรวจตราไม่ให้แมลงสาบเข้ามาในบ้านด้วย นอกจากนี้ควรหมั่นทำความ
สะอาดห้องน้ำ ห้องส้วม ซักเสื้อผ้าบ่อยครั้งอย่าหมักหมมไว้จนเป็นคราบเพราะเป็น
อาหารของแมลงสาบเช่นกัน
  2.3 เก็บรวบรวมและกำจัดขยะมูลฝอยให้ถูกสุขลักษณะ ใช้ถังขยะที่มีฝาปิด
มิดชิดไม่รั่วซึมและนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของแมลงสาบ
เก็บอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลที่มีฝาปิดมิดชิด มีตู้เก็บอาหารและใส่ในภาชนะ
ที่มิดชิด อย่าให้มีเศษอาหารตกหล่นเป็นอาหารของแมลงสาบได้
4.
หนู
  หนูเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีลำตัวยาวประมาณ 35 – 45 เซนติเมตรมีฟัน
แหลมคม 2 คู่ ฟันของหนูจะมีการงอกอยู่ตลอดเวลา ทำให้หนูต้องใช้ฟันในการกัด
แทะอยู่ตลอดเวลา หนูเป็นสัตว์แทะที่ชอบหากินเวลากลางคืนหลังพระอาทิตย์ตกดิน
โดยใช้จมูกดมกลิ่นหาอาหาร หนูที่มีผลกระทบต่อคนมีหลายประเภท เช่น หนูนอร์เวย์
หนูบ้าน หนูท้องขาว หนูนา หนูหริ่ง เป็นต้น
  วงจรชีวิตของหนู
  หนูสามารถมีลูกได้เมื่ออายุประมาณ 3 – 5 เดือน ใช้เวลาตั้งท้องเพียง 21-29 วัน
ซึ่งอยู่กับประเภทของหนู หลังจากคลอดตัวอ่อนหนูสามารถผสมพันธุ์ได้ไหมอีกครั้ง
ภายใน  48 ชั่วโมงสามารถออกลูกได้ปีละ 10 – 12 ครอกแต่ละครอกมีจำนวน
7 – 8 ตัว จึงนับได้ว่าหนูสามารถขยายพันธุ์ได้รวดเร็วและมีปริมาณมากแต่จำนวนหนู
ไม่ได้เพิ่มมากเหมือนจำนวนที่เกิดเพราะลูกหนูอาจถูกแม่หนูกิน หรือตายก่อนหย่านม
ลูกหนูที่เกิดใหม่จะมีตัวสีแดง ตาปิดสนิทหางสั้นกว่าลำตัวเมื่ออายุได้ 2 วัน จะมีรอย
สีดำที่หัว ภายใน 5 วัน จะเปลี่ยนสีอีกเกือบทั้งตัวภายใน 8 วันมีขนขึ้นคลุมทั้งตัว อายุ
10 วันอวัยวะเพศเมียมีเต้านมเห็นชัดเจน 12 วันเริ่มได้ยินเสียง 10 – 16 วันตาเริ่ม
เปิดและเดินไปมาภายในรังได้ อายุ15 – 18 วัน เริ่มกินอาหารแข็งได้ อายุ17 – 23 วัน
เริ่มเดินสำรวจรอบ ๆ รัง และแยกจากแม่เมื่ออายุ 3 – 5 สัปดาห์
วงจรชีวิตของหน
  ความสัมพันธ์ของหนูต่อสุขภาพ
  หนูจัดเป็นตัวแพร่เชื้อโรคให้คน ซึ่งรวมไปถึงหมัดและเห็บบนตัวหนูที่เป็นพาหะนำ
โรคมาสู่คนซึ่งได้แก่ กาฬโรค ไข้รากสาดใหญ่ และโรคฉี่หนู (เลปโตสไปโรซีส)
1.
กาฬโรค เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อพาสเทอเรลล่า เพสทิส ที่มีหมัดหนู
เป็นพาหะมาติดต่อกับคน ทำให้เป็นกาฬโรคของต่อมน้ำเหลือง (บิวโบนิค) หรือ
กาฬโรคของเลือด(นิวโมนิค) ผู้ป่วยเป็นกาฬโรคจะมีไข้สูง หนาวสั่น เป็นไข้ตัวร้อนจัด
ปวดเมื่อย เพ้อคลั่ง และมีอาการแตกต่างตามชนิดของโรค คือ
  กาฬโรคของต่อมน้ำเหลือง เป็นชนิดที่พบมากที่สุด ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง หนาว
สั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ต่อมน้ำเหลืองตามบริเวณต่าง ๆ เช่น ขาหนีบ
รักแร้ ขากรรไกรจะบวมโตเท่าเมล็ดถั่วถึงไข่เป็ด และมีอาการปวด อักเสบเป็นหนอง
ในระยะสุดท้ายต่อมน้ำเหลืองจะเป็นหนอง มึนศีรษะจนถึงเพ้อคลั่งไม่ได้สติ และตายใน
ที่สุด นอกจากการถูกหมัดหนูกัดแล้ว กาฬโรคสามารถแพร่กระจายในอากาศด้วย
การไอ หรือจาม และจากเสมหะของผู้ป่วย
  กาฬโรคของเลือด  เป็นอาการป่วยหลังจากเป็นกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง แต่เชื้อ
ลุกลามในกระแสเลือด ทำให้มีอาการโลหิตเป็นพิษ มีเลือดออกที่เยื่อบุอ่อน เช่น
ปาก ตา และเกิดจ้ำ เลือดตามตัวเป็นสีดำ ผู้ป่วยจะตายภายใน 1 – 3 วัน
2.
ไข้รากสาดใหญ่ หรือไทฟัส เกิดจากการที่หมัดไปกัดหนูซึ่งเป็นโรค หมัดจะได้รับ
เชื้อและถ้าหมัดหนูไปกัดคนมักจะถ่ายอุจจาระที่มีเชื้อโรคออกมา เมื่อหมัดถูกขยี้
เชื้อโรคในตัวหมัดจะเข้าสู่ร่างกายผู้ที่ถูกหมัดกัดได้โดยเข้าทางรอยแผลที่เกิดจาก
การเกาหรือในบางครั้งอาจหายใจเอาขี้หมัดแห้งที่มีเชื้อโรคเข้าร่างกาย
  ผู้ป่วยเป็นโรคไข้รากสาดใหญ่ จะมีอาการของไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้ ปวดศีรษะ
หนาวสั่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และมีผื่นขึ้นตามร่างกาย
3.
โรคฉี่หนูหรือเลปโตสไปโรซีส เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อเลปโตสไปราที่อยู่ใน
ปัสสาวะหนู เชื้อโรคนี้พบมากในบริเวณน้ำท่วมขัง อาจปนเปื้อนในน้ำหรืออาหารด้วย
ผู้ป่วยจะมีอาการไข้เฉียบพลัน ปวดศีรษะ หนาวสั่น ซึม อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ
รุนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อน่อง ตาแดง อักเสบ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียหรือท้องผูก
โลหิตจางอาจมีจุดเลือดออกตามผิวหนังหรือเยื่อบุ
  การกำจัดและควบคุมป้องกันหนู
  จากโรคที่มีหนูหรือหมัดหนูเป็นพาหะมาสู่คน  โดยธรรมชาติของหนูที่ต้องกัดแทะ
สิ่งของต่าง ๆ เพราะฟันจะงอกอยู่ตลอดเวลา ทำให้สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ เสียหาย
จากการที่ถูกหนูกัดแทะ การกำจัดและควบคุมป้องกันหนูจึงมีความจำเป็นเพื่อขจัดหรือ
ป้องกันความสูญเสียต่าง ๆ ดังกล่าว โดยมีแนวปฏิบัติ ดังนี้
1.
การกำจัดหนู  สามารถเลือดใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น
  1.1 การใช้กับดัก  เพื่อดักหนูไปกำจัด โดยวางกับดักตามทางที่หนูชอบวิ่งหรือ
บริเวณที่อาศัยของหนู แต่ควรระมัดระวังการใช้กับดักให้ถูกวิธี และหลีกเลี่ยงการใช้
มือจับกับดักเพราะหนูมีจมูกไวต่อการสัมผัสกลิ่น และไม่ยอมกินเหยื่อถ้ามีกลิ่น
แปลกปลอมกับดักที่ใช้แล้วต้องทำลายกลิ่นหนูโดยใช้น้ำร้อนลวก รมควันหรือจุ่มใน
พาราฟินเหลว เพราะถ้ามีกลิ่นตกค้างหนูตัวอื่นจะไม่เข้ากับดัก
  1.2 ใช้ยาเบื่อหนู ซึ่งมีหลายชนิด และมีฤทธิ์แตกต่างกันไปแต่ทำให้หนูตายยาเบื่อ
หนูที่ใช้กำจัดหนู เช่น สารหนู  วอร์ฟารีน  แอนทู ซิงค์ฟอสไฟด์ เรดสคริล เป็นต้น
การใช้ยาเบื่อหนูต้องระมัดระวังเด็กเล็ก ๆ ในบ้าน ควรผสมยากับเหยื่อตามคำแนะนำ
ของฉลากยาหลีกเลี่ยงการสัมผัสยาและเหยื่อด้วยการสวมถุงมือ และเก็บเศษอาหาร
ในบริเวณที่วางยาให้หมด
  1.3 ใช้การรมด้วยสารเคมี อาจใช้แก๊สไฮโดรไซยานิค แอชิก แคลเซี่ยม ไซยาไนด์
ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ รมในห้องหรือสถานที่มิดชิด ซึ่งต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะมี
พิษร้ายแรงทำให้คนเสียชีวิตได้และใช้การพ่น ดีดีทีผง 10 เปอร์เซ็นต์ ตามทางที่หนู
วิ่งผ่านหรือในที่ที่หนูอยู่เพื่อฆ่าหมัดหนู
  1.4 ใช้สัตว์เลี้ยงช่วยกำจัดหนู  เป็นการกำจัดด้วยวิธีธรรมชาติ ด้วยการเลี้ยงแมว
สุนัขหรือปล่อยให้สัตว์จำพวกตุ๊กแก งู  พังพอน จับหนูกิน
2.
การควบคุมป้องกันหนู  ด้วยการปรับปรุงสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมด้านต่าง ๆ คือ
  2.1 สร้างอาคารที่พักอาศัยด้วยวัสดุและรูปแบบที่ป้องกันไม่ให้หนูเข้าในอาคารได้
โดยใช้วัสดุก่อสร้างที่แข็งแรง ความกว้างของช่องเปิดต่าง ๆ ไม่เกิน  1.5X1.5 นิ้ว
หรืออาจใช้ลวดตะแกรงบุช่องเปิดให้เรียบร้อย ผนังที่ติดกับฐานชั้นล่าง ควรยื่นลงในดิน
ประมาณ 2 ฟุต และยื่นออก จากแนวผนังไปนอกอาคารอีก 1 ฟุต
  2.2 หุ้มมุมและขอบประตูไม้ด้วยโลหะ  และควรปิดหรืออุดทางเข้าออกของหนู
ด้วยตาข่ายลวด สังกะสี แผ่นโลหะ หรือปูน เพื่อป้องกันไม่ให้หนูกัดแทะได้
  2.3 เก็บและกำจัดขยะมูลฝอยให้ถูกหลักสุขาภิบาล เพราะขยะเปียกเป็นแหล่ง
อาหารส่วนขยะแห้งเป็นที่พักอาศัยของหนู  จึงต้องหมั่นทำความสะอาดไม่ให้มีเศษ
อาหารหรือกลิ่นอาหารตกค้าง ที่เก็บขยะต้องมีฝาปิดมิดชิด ท่อน้ำทิ้งไม่ควรมีเศษ
อาหารค้างทิ้ง
  2.4 เก็บอาหารแห้งให้ถูกต้องเหมาะสม โดยวางไว้ในที่ยกพื้น ขาโต๊ะสูงจากพื้น
อย่างน้อย 12 – 18 นิ้ว ไม่ควรวางชิดข้างฝาหรือวางซ้อนๆ จนถึงเพดาน เพราะหนูชอบ
วิ่งตามแนวข้างฝา  บริเวณพื้นด้านที่ติดข้างฝาควรทาสีขาวเป็นแนวยาวตลอดฝาผนัง
ทั้งห้องโดยมีความกว้าง 6 นิ้ว เพื่อประโยชน์ในการตรวจร่องรอยของหนูและทำความ
สะอาดได้สะดวกการเก็บอาหารแห้งที่ถูกต้องมิดชิดจะช่วยลดปริมาณแหล่งอาหารและ
ที่อยู่อาศัยของหนูได้มาก
 
 
       
       

 

9.1
  การควบคุมแมลงและสัตว์นำโรค
9.2
  ความสำคัญของการกำจัดและ
  ควบคุมแมลงและสัตว์นำโรค
9.3
  โรคที่เกิดจากแมลงและสัตว์นำโรค
9.4
  แมลงและสัตว์นำโรคที่ทำให้เกิดโรค
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
 
         
ก่อนหน้า หน้าถัดไป