การวัดและประเมินผลที่ใช้ในสถานศึกษามีทั้งการวัดด้านกายภาพศาสตร์   และการวัดทางสังคมศาสตร์  ผู้สอนจึงต้องเข้าใจธรรมชาติของการวัดผลทั้ง 2 ประเภทเป็นอย่างดี  ไม่เช่นนั้นการแปลความหมายอาจเกิดความสับสนกันได้  เพราะถ้าเป็นการวัดทางด้านสังคมศาสตร์อาจแปลความหมายไม่ชัดเจนและแน่นอนเหมือนการวัดทางด้านกายภาพศาสตร์  การวัดจำเป็นต้องมีการตรวจวัดหลาย ๆ ด้านและหลาย ๆ ครั้ง  เพื่อให้ได้ผลที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น  การวัดและประเมินผลทางการศึกษามีลักษณะที่สำคัญ 5 ประการ ดังนี้ 
          1. การวัดผลการศึกษาเป็นการวัดทางอ้อม (Indirect  Measurement) คุณลักษณะที่ตรวจวัดในทางการศึกษา เช่นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  สติปัญญา  ความถนัด  ความสนใจ  บุคลิกภาพ  เจตคติ   ของผู้เรียนนั้น  มีลักษณะเป็นสภาพทางจิตวิทยาในตัวนักเรียน    เป็นนามธรรมที่ไม่สามารถวัดได้โดยตรง เพราะไม่สามารถสังเกตเห็นหรือสัมผัสได้  วิธีการตรวจวัดจึงเริ่มโดยการแปลงคุณลักษณะนั้นออกมาเป็นพฤติกรรมที่วัดได้  สังเกตได้  จากนั้นจึงใช้เครื่องมือเป็นสิ่งเร้าแก่ผู้เรียน  เพื่อให้ผู้เรียนตอบสนองโดยแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ออกมา  ผู้สอนจึงสามารถตรวจวัดพฤติกรรมนั้น ๆ ได้ในเชิงปริมาณหรือเชิงคุณภาพแล้วแต่กรณี  ผลที่ได้ผู้สอนจะนำไป  อ้างอิงสรุปกลับไปยังคุณลักษณะที่ประสงค์จะตรวจสอบนั้นอีกครั้ง  เราจึงกล่าวว่าการวัดผลการศึกษาเป็นการวัดทางอ้อม
           2. การวัดผลการศึกษาเป็นการวัดที่ไม่สมบูรณ์ (Imperfect  Measurement) การจัด      การเรียนการสอนในชั้นเรียนเป็นการจัดตามเนื้อหาและจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ในหลักสูตรระดับชั้นต่าง ๆ เนื้อหาและพฤติกรรมที่ต้องการให้เกิดขึ้นแก่นักเรียนจะมีอยู่มากมาย  ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่วัดผลและประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคงไม่สามารถตรวจวัดหรือทดสอบให้ครอบคลุมหรือครบถ้วนในทุกประเด็นของเนื้อหา  และทุกพฤติกรรมที่ต้องการให้เกิดขึ้น เนื่องจากข้อจำกัดของเวลา  งบประมาณ ค่าใช้จ่าย  และสภาพการณ์ที่เป็นจริง  ในทางปฏิบัตินั้นครูจะเลือกข้อสอบบางข้อที่เป็นตัวแทนของเนื้อหาและจุดมุ่งหมาย ดังนั้นการวัดผลการศึกษาจึงเป็นการวัดที่            ไม่สมบูรณ์ไม่ครบถ้วนทั้งหมด
            3. การวัดผลการศึกษาเป็นการวัดเชิงปริมาณ  และการประมินผลแสดงเชิงคุณภาพ          ในกระบวนการของการวัดผลที่ใช้เครื่องมือเพื่อตรวจวัดคุณลักษณะที่ต้องการจะแสดงผลในรูปของจำนวนหรือตัวเลข โดยเฉพาะการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ครูนิยมใช้แบบทดสอบเป็นเครื่องมือหลักในการวัดผลที่ได้คือคะแนน(Score) จากแบบทดสอบรวมกับคะแนนจากการวัดครั้งก่อน ๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมินผลซึ่งผลการประเมินจะแสดงในเชิงคุณภาพ เช่น ผ่าน ไม่ผ่าน  หรือประเมินเป็นระดับคะแนน  A   B  C  D  E (ดีมาก   ดี  ปานกลาง  ควรปรับปรุง   ต้องแก้ไข)
            4. การวัดผลการศึกษาเป็นการวัดเชิงสัมพันธ์ (Relative  Measurement) จำนวนหรือ   ตัวเลขที่ได้จากการวัดผลที่เรียกว่าคะแนน (Score) นั้นมีระดับการวัดได้สูงสุดในมาตราอันตรภาค ( Interval Scale) เท่านั้น ซึ่งเป็นมาตราการที่ไม่มีศูนย์แท้ (Non  absolute  Zero) หมายความว่า  เลข 0 ในการวัดผลการศึกษาไม่ได้มีความหมายว่าไม่มีคุณลักษณะที่วัด  เนื่องจากเครื่องมือที่ใช้วัดผลไม่สามารถจะวัดลงไปได้ครบถ้วนจนถึงจุดที่เป็นศูนย์แท้จริง  เช่น  ผู้เรียนที่สอบได้คะแนน 0จากการทดสอบด้วยแบบทดสอบฉบับหนึ่งไม่ได้หมายความว่าผู้เรียนไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนไปเลย  บอกได้เพียงว่านักเรียนผู้นี้ทำข้อสอบไม่ถูกเลยแม้แต่ข้อเดียว  เพราะแบบทดสอบที่ใช้วัดผลไม่สามารถจะบรรจุเนื้อหาทั้งหมดทุกประเด็นที่ผู้สอนไว้ได้     แต่ใช้ตัวอย่างของเนื้อหาและพฤติกรรมมาสอบวัดเท่านั้น   ดังนั้นในการจะแปลความหมายของผลการวัดทางการศึกษาจึงต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนที่ได้กับเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่ง
            5. การวัดผลและประเมินผลการศึกษาเป็นกระบวนการที่มีความคลาดเคลื่อน (Error of Measurement) การวัดผลทางการศึกษาเป็นการวัดด้านจิตวิทยาซึ่งมีตัวแปรที่เข้ามาเกี่ยวข้องมาก  โอกาสที่จะเกิดความคลาดเคลื่อน (Error) หรือความผิดพลาดซึ่งมีอยู่สูง  เนื่องจากผู้ดำเนินการวัดผลไม่สามารถควบคุมตัวแปรต่าง ๆ ได้ครบถ้วน  ดังนั้นคะแนนที่ได้จากการวัด(Obtained Score) จะเป็นผลรวมของคะแนน 2 ส่วนคือคะแนนที่แท้จริง (True  Score) กับคะแนนที่คลาดเคลื่อน  (Error  Score) โดยคะแนนที่คลาดเคลื่อนนี้อาจเป็นไปในทางบวกหรือทางลบก็ได้
            ความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นจากการวัดผลมีสาเหตุอยู่หลายประการ คือ
            1)  เครื่องมือที่ใช้วัดขาดความสมบูรณ์วัดไม่ตรงคุณลักษณะที่ต้องการ 
            2)  ผู้จัดดำเนินการวัดผลขาดความชำนาญในการวัดผล 
            3)  ความผันแปรของผู้เข้าทดสอบขณะสอบ
            4)  ความคลาดเคลื่อนในการคิดคำนวณในการรวมหรือกรอกคะแนน
            5)  ความคลาดเคลื่อนจากการสุ่มตัวอย่างเนื้อหาและพฤติกรรมไม่ถูกต้องตามหลักวิชา