ระบบการให้คะแนนความสามารถของผู้เรียนหรือคุณลักษณะอื่นใดก็ตาม นิยมใช้เป็น 2  ระบบ  ได้แก่  ระบบการให้คะแนน
เป็นตัวอักษรและระบบการให้คะแนนเป็นตัวเลข
          1.   การให้ระดับคะแนนเป็นตัวอักษร การให้คะแนนเป็นตัวอักษรนั้น เป็นการแบ่งช่วงคะแนนตามระดับความสามารถ
ของผู้ถูกวัด โดยใช้ตัวอักษรแทนความสามารถของผู้เรียน โดยแบ่งเป็นช่วง ๆ   ได้แก่
                1.1 แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ผ่าน (P-Pass) และไม่ผ่าน (F-Fail)
                1.2  แบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ดี (G) ผ่าน (P) ไม่ผ่าน (F) หรืออาจจะเป็น A B และC
                1.3  แบ่งเป็น 5 ช่วง ได้แก่ A B C D และ E
                1.4  แบ่งเป็น 8 ช่วง ได้แก่ A B+ B C+ C และ D+ D และ E
                1.5  แบ่งเป็น 9 ช่วง ได้แก่ A A- B+ B B- C+ C C-และ D
           การให้คะแนนเป็นระบบตัวอักษรนั้น มีได้หลายระดับ ขึ้นอยู่กับผู้ประเมินจะใช้ นอกจากนั้นผู้ประเมินอาจจะให้คะแนนเป็น
ตัวเลขแล้วจึงแปลงเป็นตัวอักษรก็ได้ อย่างไรก็ดี   บางครั้งผู้ประเมินจะให้คะแนนเป็นตัวอักษรเลยก็ได้เช่นกัน แต่ต้องกระทำ
ด้วยความระมัดระวัง พิจารณาผู้เรียนที่จะประเมินอย่างรอบคอบปราศจากอคติ การจัดคะแนนเป็นตัวอักษรทุกแบบไม่ควร
เข้มงวด  โดยถือจากคะแนนสอบอย่างเดียวเป็นเกณฑ์จนเกินไป ควรคิดถึงความสามารถ จริง ๆของผู้เรียนเท่าที่สังเกตได้ขณะ
ที่ทำการสอนมาประกอบด้วย
           2.   การให้ระดับคะแนนเป็นตัวเลข เป็นการเปลี่ยนความสามารถที่ได้จากการทดสอบเป็นตัวเลข  เพื่อบ่งบอกความ
สามารถของบุคคล คะแนนที่ได้เรียกว่าคะแนนดิบ คะแนนที่ผู้เรียน ได้รับ  คือ คะแนนที่ตอบคำถามตามเกณฑ์ที่ผู้สอนกำหนด
ไว้ ซึ่งถือว่าหน่วยไม่เหมือนกันผลการสอบที่ได้จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับคะแนน แต่ขึ้นอยู่กับการตีความหมายของคะแนนแล้วนำไปใช้
ให้เกิดประโยชน์  การให้คะแนนเป็นตัวเลขที่สำคัญ  ได้แก่ 
                2.1  คะแนนดิบและเปอร์เซ็นต์ระดับการรอบรู้ (Raw Score and Percentage - Master Scale) 
                       คะแนนที่ได้จากการสอบวัดเรียกว่า คะแนนดิบ (Raw Score) ซึ่งคะแนนดิบเป็นคะแนนหรือข้อมูลที่มีความหมาย
น้อยมากสำหรับการนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ   ดังนั้นในการปฏิบัติแล้วจึงมักมีการนำคะแนนดิบที่ได้ไปแปลงรูป หรือ
เปรียบเทียบกับเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่งเสียก่อน จะช่วยให้มีความหมายมากขึ้นเปอร์เซ็นต์ระดับการรอบรู้เป็นความพยามยาม
ในการทำให้คะแนนดิบมีความหมายมากขึ้นด้วยการทำคะแนนดิบให้เป็นคะแนนร้อยละของคะแนนเต็ม
                2.2  อันดับเปอร์เซ็นต์ไทล์  (Percentile Rank Scale)  
                       อันดับเปอร์เซ็นต์ไทล์ เป็นการระบุว่ามีผู้ที่เข้าสอบด้วยกันกี่เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าสอบทั้งหมด อันดับ
เปอร์เซ็นต์ไทล์เป็นการรายงานผลการสอบที่มีความหมายในตัวและใช้ในลักษณะเปรียบเทียบระหว่างผลการสอบของนักเรียน
แต่ละคน 
                2.3  คะแนนมาตรฐาน (Standard Score) 
                        คะแนนมาตรฐานเป็นคะแนนที่ได้มาจากการแปลงคะแนนดิบให้มีค่าเฉลี่ย (X) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S)
คงที่ หรือให้เป็นหน่วยเดียวกันเพื่อประโยชน์ในการนำคะแนนมาเปรียบเทียบกันได้ คะแนนมาตรฐานมีหลายประเภทได้แก่
                        2.3.1   คะแนนมาตรฐานซี  (Standard  Z – Score)
                                    คะแนนมาตรฐานซี (Z) หาได้โดยการนำคะแนนที่ได้(แต่ละตัว) ลบคะแนนเฉลี่ยและหารด้วย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนชุดนั้นเขียนได้ตามสูตร
                     
                      เมื่อ        Z            แทน      คะแนนมาตรฐานซี
                                    X            แทน       คะแนนแต่ละตัว
                                          แทน       คะแนนเฉลี่ย
                                    S           แทน       ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
                      คะแนนมาตรฐานซีจะมีคะแนนเฉลี่ยเป็น 0 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็น 1 ซึ่งคะแนนมาตรฐานซีนั้นอาจมีค่า
เป็นได้ทั้งบวกและลบ
                      2.3.2  คะแนนมาตรฐานที (Standard T – Score)
                                 เนื่องจากคะแนนมาตรฐานซีจะมีค่าเป็นทั้งบวกและลบ ซึ่งอาจทำให้เข้าใจยาก ดังนั้นจึงมีการแปลงเป็น
คะแนนมาตรฐานที เพื่อไม่ให้คะแนนติดลบโดยวิธีการแปลงตามสูตร
                                T   =   50+10Z
                                    
                      คะแนนมาตรฐานที จะมีคะแนนเฉลี่ย 50 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 10
                      2.3.3  คะแนนมาตรฐานทีปกติ (Standard  Normalized T-Score)
                                 คะแนนทีปกติ (Normalized T-Score) เป็นคะแนนที่ได้จากการแปลงคะแนนดิบโดยใช้หลักการแปลง
ตามพื้นที่ของโค้งปกติ (Area Transformation) ปรับการกระจายของคะแนนดิบให้เป็นการกระจายแบบโค้งปกติ พึงเข้าใจ
ว่าคะแนนทีปกตินี้ ต่างกับคะแนน    มาตรฐาน T-Score ที่กล่าวมาแล้ว กล่าวคือ คะแนนมาตรฐานทีนั้นเป็นคะแนนที่ได้จาก
การแปลงคะแนนดิบในเชิงเส้นตรง (Linear Transformation) การกระจายของคะแนนมาตรฐานที จึงมีลักษณะคงเดิมเหมือน
กับการกระจายของคะแนนดิบทุกประการ