การตัดเกรด (Grading) หรือการกำหนดระดับคะแนนนั้น เป็นวิธีการสรุปผลการเรียนขั้นสุดท้าย เพื่อประเมินผลและ
กำหนดระดับของความสามารถในการเรียนของเด็กว่าผ่าน – ไม่ผ่าน เก่ง – อ่อน ระดับ A, B, C, D หรือ E การตัดเกรดจึงเป็น
การนำผลการสอบวัดทุกชนิดไปประเมินผล
          องค์ประกอบที่ใช้ในการตัดเกรด ความถูกต้องเหมาะสมของการตัดเกรดย่อมขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ  3  ประการ คือ
          1.   ผลการวัด (Measurement) เป็นข้อมูลที่ได้จากการศึกษารายละเอียดของเด็กโดยอาศัยวิธีการต่าง ๆ เช่นการสอบ
การสังเกต การปฏิบัติงาน เป็นต้น การตัดเกรดที่ดีจะต้องอาศัยผลของการวัดที่ถูกต้อง แม่นยำ มีความเที่ยงตรงครอบคลุม
และเชื่อมั่นได้ ถ้าหากผลการวัดเชื่อถือไม่ได้ หรือขาดความเที่ยงตรง เมื่อนำผลไปตัดเกรด ก็ย่อมคลาดเคลื่อนจากความจริง
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า การให้เกรดที่ดีต้องอาศัยผลการวัดที่ดี
          2.   เกณฑ์การพิจารณา (Criteria)  เป็นมาตรฐานที่ใช้เป็นหลักของการเปรียบเทียบหรือคุณลักษณะที่ตั้งไว้เป็น
เป้าหมาย หรือความมุ่งหวังที่จะเกิดแก่ผู้เรียน และใช้เป็นเครื่องตัดสินชี้ขาดระดับความสามารถที่เกิดขึ้นกับเด็ก
          3.   วิจารณญาณและคุณธรรมต่าง ๆ  (Value Judgement)  เป็นคุณสมบัติในด้านต่าง ๆ  ของผู้สอน  ที่จะช่วยให้
การกำหนดการกระทำอย่างเหมาะสม   ยุติธรรม   ผลการวัดที่ได้เป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งเกี่ยวกับตัวเด็กเท่านั้น การประเมิน
ที่เที่ยงตรงจำเป็นต้องอาศัยดุลพินิจ หรือ การพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วนของผู้สอนประกอบอีกส่วนหนึ่งด้วยโดยพยายาม
ให้  ความเป็นธรรม ขจัดความลำเอียง  หรืออคติส่วนตัว และควรคำนึงถึงความเปลี่ยนแปลง   ความงอกงามของเด็กในด้าน
อื่น ๆ ประกอบด้วย  เช่น  ความสนใจ ความตั้งใจในการเรียนวิชา  นั้น ๆ  ด้วย
         ระบบของการตัดเกรด โดยปกติการตัดเกรดหรือการกำหนดระดับคะแนน มีอยู่ 2 แบบด้วยกัน  ดังนี้
         1.  ระบบสมบูรณ์  (Absolute Marking System)   เป็นระบบการให้เกรดที่ใช้คะแนน   หรือเปอร์เซ็นต์ที่เด็กสอบได้เป็น
หลักในการตัดเกรด  เช่น  เด็กได้ 90 %  ขึ้นไป ให้เกรด A ได้ 75% - 89%  ได้เกรด  B  เป็นต้น ระบบนี้มีจุดอ่อนตรงที่ใช้
เปอร์เซ็นต์ดังกล่าวเป็นหลักทั้งนี้เพราะเปอร์เซ็นต์  หรือคะแนนที่เด็กได้จะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของข้อสอบเป็นอย่างมาก อีก
ทั้งใช้วิจารณญาณของผู้สอนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย  ดังนั้นถ้าเด็กกลุ่มหนึ่งมีผลการเรียนโดยความรู้สึกของผู้สอนว่าค่อนข้าง
อ่อนไม่เป็นที่พอใจนัก   แต่ข้อสอบที่ให้เด็กทำนั้นง่ายเกินไปเด็กกลุ่มนี้จะได้เกรด A หลายคน ซึ่งก็ไม่สอดคล้องกับการประเมิน
ผลของผู้สอนเลย
         2.  ระบบสัมพัทธ์ (Relative Marking System) เป็นระบบทำให้เกรดโดย การเปรียบเทียบคะแนนของเด็กภายในกลุ่ม
แล้วใช้วิจารณญาณของผู้สอนกำหนดเกณฑ์ การพิจารณาตามสภาพของกลุ่มนั้นหลักการเบื้องต้นของระบบนี้ก็คือจะต้องแปลง
คะแนนที่เด็กสอบได้ดังกล่าวให้สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ก็คือต้องใช้ระบบคะแนนมาตรฐานจุดอ่อนของวิธีการนี้ก็คือยึด
การกระจายของคะแนนเป็นแนวโค้งปกติเป็นเหตุให้นำไปใช้กับกลุ่มที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น เด็กเก่งทั้งกลุ่มหรือเด็กอ่อนทั้งกลุ่ม
อาจจะเกิดความไม่เหมาะสมนั่นคือ  การตัดเกรดแบบระบบสัมพัทธ์จะมีความยุ่งยาก เมื่อใช้กับกลุ่มเด็กที่มีการกระจายของ
คะแนนแคบ  หรือคะแนนการสอบของเด็กใกล้เคียงหรือเกาะกลุ่มกัน