ข้อสอบแบบจับคู่เป็นข้อสอบที่กำหนดคำหรือข้อความเป็น 2 คอลัมน์ แล้วกำหนดให้ผู้ตอบเลือกคำหรือข้อความจาก
คอลัมน์หนึ่งไปใส่ในคำหรือข้อความอีกคอลัมน์หนึ่งที่มีความสัมพันธ์หรือสอดคล้องกัน ข้อสอบประเภทนี้คล้ายกับข้อสอบแบบเลือกตอบ แต่ตัวเลือกไม่แน่นอนตายตัวเพราะตัวเลือกจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อเลือกตอบไปแล้ว
หลักในการสร้างข้อสอบแบบจับคู่
ข้อสอบแบบจับคู่มีหลักในการสร้างดังนี้
1. ให้คำหรือข้อความในคอลัมน์หนึ่งจับคู่ได้กับคำหรือข้อความในอีกคอลัมน์หนึ่งเพียงข้อเดียว
2. ตัวเลือกที่อยู่ทางขวามือควรมีจำนวนข้อมากกว่าตัวคำถามที่อยู่ทางซ้ายมืออย่างน้อย 3-4 ข้อ
3. ระบุให้ชัดเจนว่าจะให้จับคู่โดยยึดหลักอะไร
4. พยายามให้ตัวเลือกหรือคำตอบที่อยู่ทางขวามือเป็นข้อความสั้น ๆ เรียงตามลำดับมากน้อย เพื่อสะดวกในการค้นหาคำตอบ
5. ควรเรียงลำดับคำตามลำดับตัวอักษร และถ้าเป็นตัวเลขหรือ พ.ศ. ก็ควรเรียงตามลำดับมากน้อยเพื่อสะดวกในการค้นหาคำตอบ และข้อความที่จับคู่กันควรอยู่กระจายออกไป
6. ข้อความจับคู่ชุดหนึ่งไม่ควรมีมากข้อเกินไป ชุดหนึ่ง ๆ ควรมีคำถามไม่เกิน 10 ข้อ
7. คำที่เป็นคู่กันควรจัดให้กระจายกัน ไม่ควรให้อยู่ตรงกันหรือเรียงกันอย่างเป็นระบบ
8. ข้อสอบแต่ละชุดควรจัดให้อยู่ในกระดาษหน้าเดียวกัน
9. วิธีการตอบไม่ควรกำหนดให้ยุ่งยาก อาจตอบง่าย ๆ โดยเอาตัวเลข หรืออักษรกำกับข้อความมาใส่ไว้หน้าหรือหลังข้อความนั้น ๆ
10. คำหรือข้อความที่จะนำมาจับคู่กันควรเป็นเรื่องราวหรือเนื้อหาเดียวกัน
ข้อดีของข้อสอบแบบจับคู่
ข้อสอบแบบจับคู่มีข้อดี ดังนี้
1. สร้างได้ง่ายและรวดเร็ว
2. ตรวจให้คะแนนได้ง่าย
3. ถ้าสร้างข้อสอบดีแล้ว ประมาณ 10 ข้อ โอกาสที่จะเดาถูกมีน้อย
4. เหมาะสำหรับวัดความสามารถในการหาความสัมพันธ์
5. ประหยัดกระดาษและเนื้อที่ในการออกข้อสอบ
ข้อจำกัดของข้อสอบแบบจับคู่
ข้อสอบแบบจับคู่มีข้อจำกัด ดังนี้
1. มักเป็นข้อสอบวัดความจำมากกว่าที่จะวัดสมรรถภาพสมองขั้นสูง
2. แต่ละข้อมีโอกาสในการเดาถูกไม่เท่ากัน ข้อแรกๆ โอกาสในการเดาถูกน้อย ส่วนข้อหลัง ๆ โอกาสในการเดาถูกมากขึ้นเพราะตัวเลือกมีน้อยลง
3. เป็นการยากที่จะทำให้ปัญหาและคำตอบทั้งหมดเป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งทำให้โอกาสที่จะเสนอแนะคำตอบหรือช่วยในการเดามีมากขึ้น
4. บางครั้งคำหรือข้อความหนึ่งอาจจับคู่กับคำหรือข้อความอีกด้านหนึ่งได้มากกว่า 1 คำตอบ