แนวคิดในการเลิกระบบโรงเรียน เป็นแนวคิดของ
อิวาน อิลลิช (Ivan lllich) นักการศึกษาเชื้อสายปอร์โตริโก เป็นผู้ที่มีความรู้ทางด้านภาษา
ต่างประเทศถึง 12 ภาษา ได้เดินทางท่องเที่ยวไปตามที่ต่าง ๆ เขาได้เสนอทางเลือกใหม่ โดยการจัดระบบการศึกษาเสียใหม่ โดยเลิกระบบโรงเรียนเสีย แล้วจัดรูปแบบการศึกษาเสียใหม่ให้เหมาะสม ซึ่งเขาเชื่อว่าการศึกษาจะมีวิธีการถ่ายทอดหลายวิธี ปัญหาของการศึกษาในขณะนั้นมี ดังนี้
- ระบบโรงเรียน ทำให้โรงเรียนกลายเป็นสถานที่ผูกขาดทางการศึกษา โรงเรียนกลายเป็นสถานที่แบ่งแยกความรวยและความจน คนรวยมีโอกาสได้รับการศึกษาสูงและได้รับการยกย่อง ส่วนคนจนไม่ได้รับการศึกษาหรือได้รับการศึกษาน้อยจะถูกกดให้ต่ำลง
- ระบบโรงเรียนทำให้การเรียนการสอนน่าเบื่อหน่าย เพระเน้นทฤษฎีมากเกินไป ลักษณะการเรียนเรียนทั้งวัน วันละหลายชั่วโมง เรียนตลอดปี การจัดการเรียนการสอน
ก็ตายตัววัดความสามารถจากหลักสูตรเท่านั้น
- ระบบโรงเรียนทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก และไม่คุ้มค่า เพราะผู้เรียนอาจเรียนจากแหล่งวิชาอื่น ๆ ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายน้อย และอาจได้ประโยชน์มากกว่า
- ระบบโรงเรียนทำให้คนขาดความเชื่อมั่นในตนเอง เพราะต้องทำตามระเบียบกฎเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนดให้ทุกอย่างขาดอิสรภาพที่จะคิดอะไรได้เอง
- ระบบโรงเรียนจะสอนให้ทุกคนรู้ว่า ความรู้จากโรงเรียนเท่านั้นที่สำคัญที่สุด ประกาศนียบัตรหรือปริญญาบัตรเท่านั้นที่สามารถนำไปสู่ความสำเร็จ ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ผู้ที่ไม่มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียน แต่ก็อาจจะศึกษาได้จากแหล่งอื่น และมีความรู้มากกว่า
ปัญหาดังกล่าวทำให้ อีวาน อิลลิส และเอฟเวอเรต ไรเมอร์ (Evereft Reimar) ได้ให้แนวคิดว่า ควรจะเลิกระบบโรงเรียนเสีย แล้วหาทางเลือกระบบการศึกษาขึ้นใหม่ ซึ่งระบบการศึกษาใหม่ ควรมีจุดมุ่งหมายดังนี้
- ให้ผู้เรียนได้เรียนทุกเมื่อตามที่ต้องการไม่ว่าเมื่อใด ระยะใดของชีวิต
- ต้องให้สิ่งที่จะต้องศึกษาเป็นเรื่องเดียวกับชีวิต ซึ่งแต่เดิมโรงเรียนมักจะแยกการศึกษากับชีวิตจริงออกจากกัน สิ่งที่เรียนไม่ใช่สิ่งที่จะต้องพบในชีวิตประจำวัน จะต้องให้เด็กเลือกเรียนในสิ่งที่เด็กเห็นว่าสำคัญต่อชีวิตของเขา ต้องเรียนรู้จากของจริง และหาเรียนได้จากที่อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ในโรงเรียน
- จะต้องไม่ผูกขาดทางการศึกษาด้วยการให้อิสระแก่ผู้เรียนทุกคนควรมีสิทธิได้รับการศึกษา และเลือกศึกษาในสิ่งที่ตนสนใจ พอใจ และมีคุณค่าต่อตนเอง
จุดมุ่งหมายดังกล่าวทำให้เกิดแนวคิดว่า โรงเรียนไม่ควรมีอีกต่อไป แต่จะต้องจัดตั้งหน่วยงานเพื่อการศึกษา 4 ลักษณะด้วยกัน คือ
- สร้างสถานที่ไว้อ้างอิงทางการศึกษา ซึ่งรวมทั้งการสร้างห้องสมุดจำนวนมาก สร้างหน่วยงานที่จะให้ยืมอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งของรัฐและเอกชน โรงเรียนอุตสาหกรรม ถ้าไม่มีในที่นั้นก็ต้องมีรายชื่อสำหรับไปค้นหาได้ ซึ่งควรจะเก็บรายชื่อไว้ในคอมพิวเตอร์
- ตั้งหน่วยงานสำหรับการแลกเปลี่ยนทักษะ ซึ่งจะเป็นสถานที่สำหรับเก็บรายชื่อของบุคคลที่มีความชำนาญในด้านต่าง ๆ รวมถึงที่อยู่และเงื่อนไขต่าง ๆ บุคคลเหล่านั้นเป็น
ผู้ที่มีทักษะและความสามารถ ซึ่งอาจจะไม่ได้เรียนมาจากโรงเรียน ไม่มีประกาศนียบัตรการ
แลกเปลี่ยนทักษะจัดตั้งเป็นศูนย์ขึ้นมาบริการประชาชน
- จัดคู่ระหว่างผู้ที่มีความสนใจคล้าย ๆ กัน โดยการสร้างหน่วยงานสื่อสารขึ้นมา ผู้ที่มาติดต่อจะให้รายชื่อของตนและความสนใจที่มีอยู่ เมื่อต้องการทราบว่ามีใครสนใจเรื่องเดียวกับเรา ก็สามารถค้นหาและติดต่อได้ ก็จะสามารถพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนทักษะกันได้
- จัดให้มีนักการศึกษาอาชีพ ได้แก่ ครู อาจารย์ นักการศึกษา คอยให้คำปรึกษาแก่ผู้เรียน โดยการให้คำแนะนำ ให้รู้จักกำหนดความมุ่งหมาย รู้จักเลือกวิถีทางที่เหมาะสมให้กับตัวเอง
แนวคิดเกี่ยวกับการเลิกระบบโรงเรียนนี้ ได้รับการวิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวาง สั่นสะเทือนวงการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจเข้าใจผิดว่า การเลิกระบบโรงเรียนคือการไม่ต้องเรียนหนังสือ ซึ่งความจริงไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่ไม่มีโรงเรียน แต่มีหน่วยงานอื่น และมีวิธีการต่าง ๆ ที่ทำให้คนทุกคนได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง ในประเทศไทยได้นำแนวคิดนี้มาจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียน ซึ่งเป็นส่วนที่เสริมการศึกษาในระบบโรงเรียน และในปัจจุบันการศึกษานอกระบบโรงเรียนได้ขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง แต่ก็ไม่เลิกล้มระบบโรงเรียนแต่อย่างใด |