การเล่นกีฬาในปัจจุบัน  ส่วนมากมักจะเล่นกันตามความสะดวกและเล่นตามเพื่อนไม่ได้เกิดจากความรักที่จะเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย  จึงเป็นผลให้การเล่นกีฬาไม่ได้ดีเท่าที่ควร  เนื่องจากลักษณะรูปร่างและสภาพร่างกายไม่เหมาะสมกับกีฬาที่จะเล่น  ไม่มีเวลาฝึกซ้อมไม่มีผู้แนะนำ  เป็นต้น
การจะเลือกเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย  ควรตั้งจุดมุ่งหมายไว้ก่อนเล่นว่าเป็นการเล่นเพื่อสุขภาพหรือเพื่อการแข่งขัน  แล้วจึงพิจารณาถึงปัจจัยในตัวเองว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ควรพิจารณา  ก่อนตัดสินใจเลือกเล่นกีฬา  นายแพทย์เจริญทัศน์  จินตนเสรี   ได้แนะนำว่า  ปัจจัยที่สำคัญที่ต้องพิจารณา  มี  วัย  เพศ  สภาพร่างกายและจิตใจ  และพันธุกรรม
1. วัย  คนแต่ละวัยย่อมีความพร้อมของร่างกาย  ความเจริญเติบโต  ความสามารถในการเคลื่อนไหวแตกต่างกัน  ดังนั้น  คนแต่ละวัยจึงมีความเหมาะสมในการเล่นกีฬาที่แตกต่างกันวัยเด็ก  อาจเลือกเล่นกีฬาได้บางชนิดที่เหมาะสมกับรูปร่าง  เช่น  ว่ายน้ำ  ยิมนาสติก  เป็นต้นวัยหนุ่มสาว  (16-30 ปี)  ระยะนี้ร่างกายเจริญเติบโตและได้รับการพัฒนาเต็มที่แล้ว  สามารถฝึกสมรรถภาพได้เต็มที่  คนวัยนี้จึงสามารถเล่นกีฬาได้หลายชนิดวัย  30  ปีขึ้นไป  โอกาสเล่นกีฬาเพื่อการแข่งขันมีน้อยมาก  นอกจากผู้ที่มีความสามารถสูงก็จะทำการแข่งขันต่อได้  แต่ต้องฝึกซ้อมอย่างมากร่างกายจึงจะสมบูรณ์ถึงระดับแข่งขันกีฬาบางชนิดอาจใช้ความแข็งแรงเพียงบางส่วน  เช่น ยิงปืน  ยิงธนู  เรือใบ  ก็ยังสามารถทำการฝึกซ้อมเพื่อแข่งขันได้
2. เพศ  ชายและหญิงมีความแตกต่างกันทั้งในทางกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาในช่วงวัยเด็ก  อายุ 2-10  ปี  ความสามารถไม่แตกต่างกันมากนัก  แต่พออายุ  10-14  ปี  ความสามารถของชายจะเพิ่มขึ้น  หญิงมีกล้ามเนื้อน้อย  กระดูกเล็กน้อย  กระดูกเล็กกว่าชาย  นอกจากนี้หญิงยังมีประจำเดือนที่ทำให้ร่างกายเสียเลือดทำให้ปวดท้อง  อารมณ์หงุดหงิด  การจะเล่นกีฬาให้เก่งเท่าชายคงเป็นไปได้ยาก
การเล่นกีฬาของหญิงส่วนมากจะเล่นเพื่อสุขภาพมากกว่าเล่นเพื่อการแข่งขัน เพราะหญิงเป็นเพศที่รักสวยรักงาม  จะเล่นกีฬาเพื่อรักษาทรวดทรงให้สวยสง่าอยู่เสมอ  ดังนั้นการเล่นกีฬาจึงเป็นกีฬาที่บริหารร่างกายได้ทุกส่วน  ไม่เน้นส่วนใดส่วนหนึ่ง  ควรใช้กล้ามเนื้อทุกส่วน  เช่น  ว่ายน้ำ  ยิมนาสติก  เต้นรำแอโรบิก แบดมินตัน  เป็นต้น  ส่วนกีฬาที่ควรหลีกเลี่ยงได้แก่กีฬาที่มีการปะทะกัน
3. สภาพร่างกายและจิตใจ  การเล่นกีฬาแต่ละชนิด  ต้องการผู้เล่นที่มีรูปร่างลักษณะและสภาพจิตใจที่แตกต่างกัน  กีฬาบางชนิดต้องการผู้เล่นที่มีรูปร่างสูงใหญ่อันเป็นข้อได้เปรียบ  เช่น  บาสเกตบอล  วอลเลย์บอล  นอกจากนี้กีฬาที่มีการเล่นที่ปะทะกันต้องอาศัยรูปร่างที่สูงใหญ่จึงจะได้เปรียบ  เช่น ฟุตบอล  นอกจากนี้กีฬาที่มีการเล่นที่ปะทะกันต้องอาศัยรูปร่างที่สูงใหญ่จึงจะได้เปรียบ  เช่น ฟุตบอล  รักบี้ฟุตบอล  อเมริกันฟุตบอล  ส่วนผู้ที่มีรูปร่างสันทัดอาจจะเล่นกีฬาได้ดีในบางชนิดกีฬา เช่น  ยิมนาสติก  กระโดดน้ำ  เซปัคตะกร้อ  เป็นต้น  ส่วนกีฬาที่ไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกัน  จะเป็นกีฬาที่แบ่งรุ่นด้วยน้ำหนัก  เช่น  มวย  ยูโด  ยกน้ำหนัก  เป็นต้น  ดังนี้การเลือกเล่นกีฬาเพื่อแข่งขันจะต้องพิจารณารูปร่างเป็นสำคัญ
สภาพจิตใจก็เป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งในการเลือกเล่นกีฬา  ถ้ากีฬาที่เล่นนั้นเล่นด้วยใจรัก  ชอบ  ผู้นั้นจะเล่นด้วยความตั้งใจ  สนใจ  ขยันฝึกซ้อม  และหาประสบการณ์อยู่เสมอจนมีนิสัยรักเล่นกีฬา  ผลที่ตามมาก็คือ  สุขภาพร่างกายมีความแข็งแรง  สภาพจิตใจก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดี  อารมณ์แจ่มใสเบิกบาน  สามารถร่วมเล่นกีฬากับสังคมได้ดี
4. พันธุกรรม ในเรื่องของพันธุกรรมนอกจากจะเกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทางด้านรูปร่าง  ลักษณะแล้ว สมรรถภาพทางกาย  จิตใจ  ก็ยังถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้  ดังนั้น  ถ้าใครที่มีบิดาหรือมารดาที่เคยเล่นกีฬาชนิดใดได้ดี  ก็ควรเลือกเล่นกีฬาชนิดเดียวกันนั้น
การเลือกเล่นกีฬานอกจากปัจจัยที่กล่าวมาแล้วข้างต้น  ผู้เล่นควรจะพิจารณาถึงสิ่งต่อไปนี้อีกด้วย  ได้แก่
1. เวลา เวลานับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ล่นจะต้องรู้จักบริหารเวลา การเลือกเล่นกีฬาชนิดใดต้องดูว่ามีเวลาว่างพอหรือไม่
2. ฐานะทางการเงิน  กีฬาแต่ละชนิดจะมีอุปกรณ์การฝึกซ้อมมากน้อย  และราคาที่แตกต่างกัน  เช่น  กอล์ฟ  เทนนิส  แบดมินตัน  เป็นกีฬาที่ต้องลงทุนมากพอสมควร ผู้ที่จะเล่นควรมีฐานะทางการเงินดี  การเลือกเล่นกีฬาที่ไม่กระทบการเทือนกับฐานะทางการเงิน  จะทำให้เกิดความสบายใจสามารถเล่นได้อย่างต่อเนื่อง

3. การสนับสนุนและส่งเสริม  กีฬาชนิดใดที่ได้รับการสนับสนุนส่งเสริมที่ดี  กีฬาชนิดนั้นก็จะแพร่หลายเป็นที่นิยมของคนทั่วไป  ทำให้ผู้เล่นสามารถพัฒนาเทคนิควิธีเล่นของตนเองได้สูงขึ้น  โอกาสที่จะได้แสดงความสามารถในด้านการแข่งขันก็มีมากขึ้นด้วย


         
กลับหน้าหลัก กลับหัวข้อการเรียน กลับหน้าก่อน หน้าถัดไป