การออกกำลังกาย  (Exercise)  เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้คุณได้มีสุขภาพที่สมบูรณ์  แข็งแรง  อดทน  มีพละกำลังในการทำงานมีอารมณ์และจิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน  กระฉับกระเฉงตลอดเวลา  มีความคิดที่ฉับไวตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและพร้อมเสมอที่จะเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันๆ  นอกจากนั้นยังช่วยให้บุคลิกภาพ  รูปร่าง  สง่างามทุกย่างก้าว  เพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง  เมื่อรูปร่างได้สัดส่วนสวยงาม  จะทำให้การแต่งกายดูดีน่ามองเป็นเสน่ห์ที่ไม่ต้องไปซ้อหาหรือปรุงแต่ง
การออกกำลังกายควรเริ่มด้วยการออกกำลังกายแบบเบาๆ  ก่อน และค่อยๆ  เพิ่มความหนักขึ้นโดยการใช้ชีพจรเป็นตัวกำหนดความหนัก  ซึ่งชีพจรสูงสุดของเราสามารถคำนวณได้โดยนำ  220  ลบอายุของเรานั่นคือชีพจรสูงสุดซึ่งเท่ากับ  100 % แต่เราควรเริ่มต้นออกกำลังกายที่ความหนัก  60 %  หรือขนาดเบาก่อน  เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวรับงานที่ค่อยๆ  หนักขึ้นได้  แต่ไม่ควรหนักเกินไปเพราะจะเกิดการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยได้  แต่ถ้าเราออกกำลังกายเบาเกินไปก็ไม่เกิดผลดีต่อร่างกาย  เพราะทำให้ร่างกายไม่เกิดการปรับตัว
1. ช่วงอบอุ่นร่างกาย  (Warm  up)  ควรจะเริ่มด้วยการวิ่งเหยาะๆ  แล้วจึงทำการยืดกล้ามเนื้อเอ็นและข้อต่อก่อนเป็นเวลา  5-10 นาที  เพื่อให้ร่างกายปรับตัวเพื่อเตรียมความพร้อมกับงานที่หนักต่อไปได้  และเพื่อช่วยป้องกนการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อ  กระดูก  และอวัยวะส่วนต่างๆ  ได้ดี
2. ช่วงการออกกำลังกาย  (Exercise)  จะใช้กิจกรรมที่เราชอบให้เหมาะสมกับสภาพของร่างกายของเราเช่น  การเดินเร็ว  การวิ่ง  การขี่จักรยาน  ถ้าเป็นนักกีฬาก็เช่น  เทนนิส  แบดมินตัน  ตะกร้อ  ฟุตบอล  บาสเกตบอล  ฯลฯ  ซึ่งช่วงการออกกำลังกายนี้ใช้เวลาประมาณ  20-30 นาที  และพยายามให้ความหนักของชีพจรถึง 60 %  ของชีพจรสูงสุดหรือให้ความรู้สึกว่าเหนื่อยพอประมาณแต่อย่าให้หนักเกินไปควรตรวจเช็คชีพจรเป็นระยะๆ  หรือใช้การสังเกตอาการเหนื่อย  เช่น  ออกกำลังกายแล้วสามารถพูดคุยกับคนอื่นได้อย่างสบายก็ถือว่าไม่หนักเกินไป  แต่ถ้าออกกำลังกายแล้วหายใจไม่ทันหรือพูดไม่ออกแสดงว่าการออกกำลังกายหนักเกินไป  อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้
3. ช่วงการผ่อนคลาย  (Cool   Down)  จะใช้กิจกรรมเหมือนกับการอบอุ่นร่างกายนั่นคือ  การวิ่งเหยาะๆ  และการบริหาร  การยืดกล้ามเนื้อ  ใช้เวลาประมาณ  5-10  นาที  เช่นเดียวกันในการออกกำลังกายนั้นควรจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกๆ  วัน  หรืออย่างน้อย  3 วันต่อสัปดาห์  ซึ่งจะใช้สถานที่ที่ไหนก็ได้  แม้กระทั่งที่บ้านโดยเลือกกิจกรรมให้เหมาะสมกับสถานที่  สภาพของดินฟ้าอากาศ  สภาพร่างกายและรวมไปถึงการแต่งกายด้วย (สำนักวิทยาศาสตร์การกีฬา สำนักพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา,2548:8)



         
กลับหน้าหลัก กลับหัวข้อการเรียน กลับหน้าก่อน หน้าถัดไป