บทที่ 8   | 
          
          
             | 
          
          
            |   | 
            มลพิษทางน้ำหรือน้ำเสีย  (Water   Pollution) หมายถึง น้ำที่มีสารมลพิษปนเปื้อน | 
          
          
            | เกินขีดจำกัดทำให้คุณสมบัติของน้ำเปลี่ยนแปลงไปจากธรรมชาติ  จนทำให้มนุษย์ | 
          
          
            | สัตว์  และพืช ได้รับอันตรายทั้งทางตรงและทางอ้อม  และไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ | 
          
          
            | ์ได้มีสารต่าง  ๆ ปะปน อยู่มาก  โดยทั่วไปน้ำที่สะอาดสำหรับการใช้ประโยชนจะมี | 
          
          
            | คุณลักษณะ ดังนี้ | 
          
          
            |   | 
            1. ใสและสะอาด | 
          
          
            |   | 
            2. ปราศจากกลิ่นต่าง  ๆ | 
          
          
            |   | 
            3. ปราศจากแร่ธาตุที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ | 
          
          
            |   | 
            4. ปราศจากเชื้อโร | 
          
          
            |   | 
            5.มีอุณหภูมิเหมาะสม  | 
          
          
            |   | 
            แต่เนื่องจากน้ำในธรรมชาติจะมีสารประกอบต่าง  ๆ ปนเปื้อน จึงได้มีการ | 
          
          
            | ทดสอบและกำหนดคุณภาพมาตรฐานของน้ำในแหล่งน้ำ  ให้มีสารประกอบต่าง ๆ  | 
            
          
            มาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำ                | 
            
          
             | 
            
          
            |   | 
            ปริมาณสารประกอบในน้ำที่สามารถนำไปอุปโภคบริโภคได้  | 
          
          
             | 
            
          
            |   | 
            
          
            |   | 
            ประเภทของมลพิษทางน้ำ | 
          
          
            |   | 
            มลพิษทางน้ำหรือน้ำเสียสามารถจัดแบ่งออกเป็น  2 ประเภท คือ | 
          
          
            |   | 
            1. น้ำเสียเนื่องจากมีออกซิเจนน้อยเกินไป โดยเกณฑ์ปกติน้ำสะอาดจะมี | 
          
          
            | ออกซิเจนอยู่ในน้ำประมาณ  5 – 7 PPM  ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อสัตว์น้ำเพื่อใช้ในการ  | 
            
          
            | ดำรงชีวิตและป้องกันไม่ให้น้ำเน่าเหม็น  มีสีดำ ถ้าน้ำมีปริมาณออกซิเจนน้อยเกินไป  | 
          
          
            | จะทำให้เกิดปฏิกริยาเคมีแบบไม่ใช้ออกซิเจนของแบคทีเรียทำให้เกิดการเน่าเหม็น | 
          
          
            | ของน้ำดังนั้นการวิเคราะห์คุณภาพของน้ำจึงใช้ดัชนีของค่าออกซิเจนละลายน้ำ  | 
          
          
            | (D.O., Dissolved  Oxygen)  หรือค่าความต้องการออกซิเจนในการย่อยสลาย | 
            
          
            | ทางชีววิทยา  (D.O., Oxygen   Demand) เป็นเกณฑ์ประเมินคุณภาพของน้ำ | 
          
          
          
            |   | 
            2. น้ำเสียเนื่องจากมีสารเคมีละลายปนอยู่  เป็นการปนเปื้อนของสารเคมี | 
          
          
            | ต่าง ๆ ในปริมาณมากจนทำให้ไม่สามารถนำน้ำมาใช้ในการอุปโภคบริโภคได้ตามปกติ | 
            
          
            | เช่น มีปรอทตะกั่ว แคดเมียมปะปนอยู่  ซึ่งมักเป็นน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม | 
            
          
            |   | 
            มลพิษทางน้ำทั้ง  2 ลักษณะมีแหล่งกำเนิดที่แตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม | 
          
          
            | ลักษณะการประกอบการ  และกลุ่มของชุมชน | 
            
          
          
            |   | 
            แหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำ | 
          
          
            |   | 
            แหล่งสำคัญที่ทำให้เกิดมลพิษทางน้ำ  ได้แก่ | 
          
          
            |   | 
            1. แหล่งชุมชน  เป็นน้ำเสียที่เกิดจากกิจกรรมการใช้น้ำต่าง ๆ  ในชีวิต | 
          
          
            | ประจำวันของมนุษย์  เช่น การชำระร่างกาย การซักล้าง การขับถ่าย การประกอบอาหาร  | 
          
          
            | เป็นต้น  สิ่งที่ปนเปื้อนออกมามักเป็นปฏิกูล  สารอินทรีย์ สารซักฟอก เชื้อโรค และ | 
          
          
            | ขยะมูลฝอย  ปริมาณของน้ำเสียนี้มีจำนวนไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับการปฏิบัติงานและ | 
          
          
            | กิจกรรมของประชาชนในชุมชนนั้น  ๆ แหล่งน้ำเสียประเภทนี้เกิดในบริเวณชุมชนต่างๆ | 
          
          
            | เช่น อาคารบ้านเรือน  สำนักงาน อาคารพาณิชย์ โรงแรม หอพัก  ร้านอาหาร และ  | 
          
          
            | โรงพยาบาล | 
          
          
            |   | 
            2. โรงงานอุตสาหกรรม  เป็นน้ำเสียที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงงาน | 
          
          
            | อุตสาหกรรมทุกประเภท  เช่น น้ำเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตต่าง ๆ กระบวนการ | 
            
          
            | ถ่ายเทความร้อน  น้ำที่ใช้ล้าง ถังหรือภาชนะที่ใช้ในกระบวนการผลิตน้ำเสียที่ปล่อย | 
          
          
            | ออกมาจึงประกอบด้วยสารอินทรีย์  และสารพิษต่าง  ๆ เช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู | 
          
          
            | ไซยาไนต์ สังกะสี แคดเมียม  ซึ่งจะมีปริมาณและชนิดของ สารมลพิษแตกต่างกัน | 
          
          
            | ไปตามประเภทของโรงงานอุตสาหกรรม  เช่น   | 
            
          
            |   | 
            2.1 โรงงานผลิตน้ำตาล  โรงงานผลิตนม โรงงานผลิตสุรา โรงงานแป้งมันสำปะหลัง  | 
          
          
            | โรงฆ่าสัตว์  จะปล่อยน้ำทิ้งที่มีสารประกอบอินทรีย์สูง | 
            
          
          
            |   | 
            2.2 โรงงานอุตสาหกรรมเคมี  โรงงานถลุงโลหะ โรงงานย้อมผ้า โรงงานฉาบโลหะ | 
          
          
            | จะปล่อยน้ำทิ้งที่มีสารประกอบที่เป็นพิษและโลหะหลักลงสู่แหล่งน้ำ | 
            
          
            |   | 
            2.3 โรงงานผลิตโซดาไฟ  จะปล่อยน้ำทิ้งที่มีสารปรอท ทำให้เกิดโรคมินามาตะ | 
          
          
            | เพราะสารมลพิษประเภทโลหะหนัก  เช่น ปรอท แคดเมียม ตะกั่ว สามารถตกค้าง | 
            
          
            | ในสภาพแวดล้อมได้ นานและก่อให้เกิดอันตรายแก่มนุษย์และสัตว์ | 
          
          
            |   | 
              | 
          
          
            โรงงานอุตสาหกรรมที่ทิ้งน้ำเสียจากกระบวนการผลิต  | 
            
          
            |   | 
             | 
          
          
            |   | 
              | 
          
          
            |   | 
            3. น้ำเสียจากภาคเกษตรกรรม  เป็นน้ำเสียที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ทางด้าน  | 
          
          
            | เกษตรกรรมเช่น  การใช้ปุ๋ย และยาฆ่าแมลงในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร  | 
            
          
            | น้ำเสียจากฟาร์มสุกร  นากุ้ง บ่อเลี้ยงปลาที่ปนเปื้อนด้วยมูลสัตว์และอาหารสัตว์  | 
          
          
            | น้ำเสียในภาคเกษตรกรรมจึงประกอบด้วยอินทรีย์และสารเคมีที่ตกค้างในดิน | 
          
          
            | หรือสะสมในเนื้อเยื่อของพืช  และไขมันของสัตว์โดยเฉพาะสัตว์น้ำ | 
          
          
            |   | 
            4. น้ำเสียจากที่กำจัดขยะมูลฝอย เป็นน้ำเสียที่เกิดจากการนำขยะมูลฝอย | 
          
          
            | ไปกองไว้อย่างไม่ถูกวิธี  ซึ่งขยะมูลฝอยดังกล่าวประกอบด้วยเศษอาหาร และของเน่า  | 
          
          
            | เสียปะปนอยู่เมื่อฝนตกลงมา จะชะน้ำเสียของสารอินทรีย์ที่บูดเน่าดังกล่าวไหลปนเปื้อน | 
          
          
            | สู่แหล่งน้ำผิวดินและซึมลงสู่น้ำใต้ดินด้วย | 
          
          
            |   | 
            5. น้ำเสียในธรรมชาติ  เป็นน้ำเสียที่เกิดจากภาวการณ์ขาดออกซิเจนใน | 
          
          
            | แหล่งน้ำและเกิดการเน่าเสียเอง  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการสะพรั่งของ | 
          
          
            | แพลงตอนแล้วตายลงพร้อม  ๆกัน  การย่อยซากแพลงตอนทำให้ออกซิเจนหมดไปจึงมี | 
          
          
            | การเน่าเสียเกิดขึ้นแทน | 
          
          
            |   | 
            6. จากแหล่งอื่น  ๆ เป็นน้ำเสียที่เกิดจากแหล่งต่าง  ๆ นอกจากที่กล่าวมาแล้ว | 
          
          
            | เช่น น้ำเสียที่เกิดจากการคมนาคมขนส่งทางน้ำ  จากการทิ้งน้ำเสีย ขยะสิ่งปฏิกูล  | 
            
          
            | และน้ำมันลงไปในน้ำคราบน้ำมันที่ลอยบนผิวน้ำจะเป็นอันลงไปในน้ำคราบน้ำมันที่ | 
          
          
            | ลอยบนผิวน้ำจะเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำและทำให้ออกซิเจนละลายน้ำได้ลดลงหรือการ  | 
          
          
            | ทำเหมืองแร่  ที่ทำให้น้ำมีตะกอนขุ่นข้นและมีแร่ธาตุบางอย่างปะปนในน้ำในระหว่าง | 
          
          
            | กระบวนการล้างแร่  เป็นต้น | 
          
          
            |   | 
            ประเภทของสารมลพิษทางน้ำ | 
          
          
            |   | 
            สารมลพิษที่ปนเปื้อนในน้ำมีมากมายหลายประเภท  ดังนี้ | 
          
          
            |   | 
            1. เกลืออนินทรีย์ เป็นสารประกอบที่พบในน้ำทิ้งที่มาจากโรงงาน | 
          
          
            | อุตสาหกรรมและในธรรมชาติ  เกลืออนินทรีย์จะทำให้น้ำกระด้างและเกิดตะกอนเมื่อ | 
          
          
            | นำมาใช้ในกิจกรรมต่าง  ๆ เช่น การเกิดตะกอนในหม้อต้มน้ำของโรงงานอุตสาหกรรม | 
          
          
            | ทำให้ประสิทธิภาพของการถ่ายเทความร้อนลดลง  และสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น  | 
          
          
            | เกลืออนินทรีย์บางชนิด  เช่น เกลือของฟอสฟอรัส และไนโตรเจนจะทำให้สาหร่ายในน้ำ | 
          
          
            | เติบโตอย่างรวดเร็วและเมื่อสาหร่ายตายลงจะทำให้ปริมาณสารอินทรีย์ในน้ำสูงขึ้น | 
          
          
            | จนอาจทำให้น้ำเน่าเสียได้ | 
          
          
            |   | 
            2. กรดและด่าง เป็นสารที่ใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมเคมีและ | 
          
          
            | โรงงานอุตสาหกรรมอื่น  ๆ เช่น โรงงานย้อมผ้า โรงงานสุรา โรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ | 
            
          
            | และเคมียางพลาสติก  เป็นต้น น้ำทิ้งควรมีค่า pH  อยู่ระหว่าง  6 – 9 จึงจะไม่เป็น | 
            
          
            | อันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ  น้ำที่มีกรดหรือด่างปะปนมาก  ๆ จะเป็นอันตรายต่อสัตว์ | 
            
          
            | น้ำที่อาศัยอยู่ | 
            
          
            |   | 
            3. สารอินทรีย์ เป็นสิ่งที่ทำให้น้ำมีกลิ่นเหม็นจากการสลายตัวของอินทรีย์สาร | 
          
          
            | ในน้ำซึ่งทำให้เกิดก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่ทำให้อึดอัด  วิงเวียนศีรษะเมื่อสูดดมเข้าไป | 
          
          
            | หรือก๊าซฟีนอลซึ่งมีกลิ่นเหม็นและเมื่อถูกผิวหนังจะทำให้เกิดการอักเสบคัน  นอกจาก  | 
          
          
            | นี้สารอินทรีย์ที่เน่าเสียในน้ำยังทำให้น้ำขุ่น  หรือเปลี่ยนเป็นสีดำ หรือสีแดง และทำให้ | 
          
          
            | ปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำลดลง  เนื่องจากจุลินทรีย์ต้องใช้ออกซิเจนในการย่อย | 
          
          
            | สลายสารอินทรีย์เหล่านี้มากขึ้น | 
            
          
            |   | 
            4. ของแข็งในสภาพแขวนลอย เป็นสิ่งที่ถูกปล่อยมากับน้ำทิ้งจากโรงงาน | 
          
          
            | อุตสาหกรรมทำให้เกิดการตกตะกอนหรือถูกพัดพาไปทับถมอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำ | 
            
          
            | เกิดการเน่าเปื่อยมีกลิ่นเหม็น ของแข็งที่ทับถมก้นแม่น้ำจะทำลายการแพร่พันธุ์ | 
            
          
            | ของปลาและสัตว์น้ำอื่น  ๆ ในส่วนที่ลูกกระสุนน้ำพัดพาไปจะเพิ่มความขุ่นของ | 
          
          
            | น้ำให้เพิ่มขึ้น | 
          
          
            |   | 
            5. สสารที่ลอยน้ำได้  ประกอบด้วยของแข็งและของเหลวที่ลอยน้ำ เช่น ใบไม้ | 
            
          
            | เศษไม้ กระดาษ  ขยะ  โฟม   น้ำมันและน้ำมันเครื่อง ที่ปะปนในน้ำ ทำให้แสงอาทิตย์ | 
            
          
            | ส่องลงในน้ำได้น้อยลงและทัศนียภาพของแหล่งน้ำเสีย | 
            
          
            |   | 
            6. น้ำร้อน คือน้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่าภาวะปกติ  ถ้าเป็นน้ำที่ระบายออกจากโรงงาน | 
            
          
            | อุตสาหกรรมที่มีอุณหภูมิสูงและปริมาณมากจะทำให้เกิดการแบ่งชั้นขึ้นในแม่น้ำ  | 
          
          
            | เป็นชั้นน้ำเย็นและชั้นน้ำร้อนที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ  เพราะน้ำร้อนจะเบาและลอยอยู่ | 
          
          
            | ชั้นบนทำให้ปริมาณออกซิเจนลดลง  รวมทั้งทำให้เกิดปฏิกิริยาทางชีวภาพจากการ | 
          
          
            | ที่จุลินทรีย์ไปย่อยสารอินทรีย์ในน้ำมากขึ้น  ซึ่งเป็นส่วนทำให้ออกซิเจนในน้ำลดน้อยลง | 
          
          
            | อย่างรวดเร็ว อุณหภูมิของน้ำควรอยู่ระหว่าง  25 – 30 องศาเซลเซียล | 
            
          
            |   | 
            7. สี ในโรงงานอุตสาหกรรมบางประเภทจะปล่อยสีออกมาปะปนในน้ำและมี | 
            
          
            | ผลกระทบต่อระบบนิเวศเพราะสีที่ถูกปล่อยลงน้ำจะดูดแสงอาทิตย์บางส่วนไว้และ | 
          
          
            | สะท้อนบางส่วนกลับไปสู่บรรยากาศ  ทำให้แสงอาทิตย์ไม่สามารถส่องลงในพื้นน้ำ | 
            
          
            | ได้เต็มที่ | 
            
          
          
            |   | 
            8. สารเคมีที่เป็นพิษ เป็นสารเคมีต่าง ๆ  ที่ปะปนในน้ำทิ้งและทำให้เกิดอันตราย | 
            
          
            | ต่อมนุษย์และสัตว์น้ำ  ซึ่งได้แก่ | 
            
          
            |   | 
            8.1 ปรอท  ปะปนมากับน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมและยาฆ่าเชื้อราผล | 
            
          
            | กระทบต่อผู้ที่ได้รับสารปรอทคือทำให้ระบบประสาทต่าง  ๆ ทำงานไม่สัมพันธ์กันเกิด | 
          
          
            | ความกลัวปวดศีรษะ ทำลายระบบหายใจและกล้ามเนื้อ  ทำให้เกิดโรคมินามาตะ ซึ่งมี | 
          
          
            | ลักษณะปัญญาอ่อน  และกล้ามเนื้อลีบ | 
            
          
            |   | 
            8.2 แคดเมียม  เป็นสารที่ใช้ในกระบวนการผลิตสี โลหะ ยาปราบศัตรูพืช ซึ่งพบ | 
            
          
            | มากในโรงงานผลิตแบตเตอรี่  โรงงานชุบโลหะด้วยไฟฟ้าหรือน้ำทิ้งจากเหมืองแร่  | 
            
          
            | ทำให้กระดูกผุกร่อน ทำลายไต  อาจเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคอิไต อิไต ซึ่ง | 
            
          
            | ทำให้กระดูกเปราะหักง่ายและมีอาการปวดกระดูก | 
            
          
            |   | 
            8.3 ไนเตรทหรือไนไตรท์  เป็นสารมลพิษตกค้างจากการใช้ปุ๋ยในแหล่ง | 
            
          
            | เกษตรกรรมและจากโรงงานที่ใช้ไนโตรเจนในกระบวนการผลิต  โรคที่เกิดจาก | 
            
          
            | ไนเตรทและไนไตรท์มักเป็นกับเด็กทำให้ผิวหนังมีสีคล้ำ  แม้จะรักษาอาการหาย แต่ | 
            
          
            | ถ้าได้รับน้ำที่มีสารนี้เจือปนอยู่ซ้ำ  ๆ อีกจะกลับมามีอาการที่สีผิวหนังคล้ำอีกได้ | 
            
          
            |   | 
            8.4 ยาฆ่าแมลง  ประเภทดีดีที ที่ใช้ฉีดแมลงในไร่นา ยาเหล่านี้จะสลายตัวยากและ | 
            
          
            | ละลายน้ำได้น้อยมากจึงถูกชะล้างสู่พื้นดิน  แหล่งสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ | 
            
          
            | และเมื่อมนุษย์ได้กินอาหารตลอดจนเนื้อปลาต่าง  ๆ ที่มีดีดีทีสะสมเข้าไป จะกลาย | 
            
          
            | เป็นการสะสมในร่างกายของมนุษย์ | 
            
          
            |   | 
            8.5 ตะกั่ว  เป็นสารที่พบมากในโรงงานแบตเตอรี่ โรงงานผลิตสี ถ้าสะสมใน | 
            
          
            | ปริมาณมากจะทำให้ระบบประสาทผิดปกติและเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ | 
            
          
            |   | 
            9. น้ำมัน  การกระจายของน้ำมันลงบนผิวน้ำทำให้เกิดอันตรายต่อระบบนิเวศอย่าง | 
            
          
            | รุนแรงเพราะคราบน้ำมันที่กระจายบนผิวน้ำ  จะทำให้ออกซิเจนในน้ำและอากาศถ่ายเท | 
          
          
            | ไม่ได้ทำให้สัตว์น้ำตายเพราะขาดออกซิเจนที่ใช้หายใจ | 
            
          
            |   | 
            10. สารที่ใช้ทำความสะอาดที่ทำให้เกิดฟอง จะพบมากในโรงงานกระดาษ | 
            
          
            | โรงงาน อุตสาหกรรมเคมีที่มีสารทำให้เกิดฟอง  รวมทั้งผงซักฟอกจากที่พักอาศัยและ | 
            
          
            | อาคารต่าง  ๆ ทำให้น้ำมีสภาพเป็นพิษ  เนื่องจากมีสารฟอสเฟตผสมอยู่ด้วย  เพราะ | 
            
          
            | สารประกอบฟอสเฟตเป็นปุ๋ยเคมีที่สำคัญของพืชทำให้เติบโตและแพร่พันธุ์ได้เร็ว  เมื่อ | 
            
          
            | พืชน้ำเหล่านี้ตายลงจะเป็นการเพิ่มสารอินทรีย์และเป็น อาหารของจุลินทรีย์ในน้ำ  | 
            
          
            | นอกจากนี้วัชพืช เช่น  ผักตบชวาจะเจริญได้อย่างรวดเร็วและสร้างปัญหาการจรจร | 
            
          
            | ทางน้ำ | 
            
          
            |   | 
            11.จุลินทรีย์ในน้ำ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สารอินทรีย์เกิดการสลายตัวเน่าเปื่อย | 
          
          
            | ในน้ำซึ่งพบมากในโรงงานฆ่าสัตว์  โรงงานฟอกหนัง โรงงานเครื่องกระเบื้อง จุลินทรีย์ | 
          
          
            | ที่ใช่ออกซิเจนจะเปลี่ยนสารอินทรีย์ให้เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  ส่วนจุลินทรีย์ที่ | 
          
          
            | ไม่ใช่ออกซิเจนในการย่อยสลายจะทำให้เกิดก๊าซมีเทน  และก๊าซไฮโดรเจน ซัลไฟต์ | 
          
          
            | ทำให้มีกลิ่นเหม็น น้ำเป็นสีดำ | 
          
          
            
  | 
            
          
          
            |   | 
            12. สารกัมมันตรังสี  เป็นสารที่เกิดในอากาศและถูกชะล้างสู่แหล่งน้ำ ซึ่ง | 
            
          
            | มักเกิดจากการทดลองระเบิดนิวเคลียร์  การทำเหมืองแร่ยูเรเนียม หรือจากโรงงานผลิต | 
          
          
            | พลังงานนิวเคลียร์  ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ  เพราะทำลายเซลล์ในร่างกาย ก่อให้เกิด | 
            
          
            | โรคมะเร็งและทำลายระบบการเจริญพันธุ์  | 
          
          
          
            |   | 
            อันตรายจากมลพิษทางน้ำ  | 
          
          
            |   | 
            มลพิษทางน้ำทำให้เกิดความเสียหายหลายประการ  ดังต่อไปนี้  | 
          
          
            |   | 
            1. ด้านสุขภาพ น้ำเสียที่มีเชื้อโรคหรือสารพิษปะปนอยู่ทำให้เกิดโรคต่าง  ๆ | 
          
          
            | ในมนุษย์เช่น  อหิวาตกโรค บิด ไทฟรอยด์ มินามาตะ  อิไต-อิไต   และทำให้เกิดเหตุ | 
          
          
            | รำคาญแก่ผู้ที่พักอาศัยในบริเวณแหล่งน้ำรวมทั้งผู้สัญจรทางน้ำที่มีมลพิษด้วย | 
          
          
            |   | 
            2. ด้านการอุปโภค  ถ้าน้ำเน่าเสียในแม่น้ำ ลำคลอง  จะทำให้ขาดแคลนน้ำดิบ | 
            
          
            | สำหรับการทำน้ำประปา  เพราะมีกลิ่นและรสของน้ำเปลี่ยนไป น้ำที่มีสารแขวนลอย | 
          
          
            | ปะปนเกินกว่า  1,000 มิลลิกรัมต่อลิตร  หรือมีแบคทีเรียเกินกว่า 10,000 ตัวต่อน้ำ   | 
          
          
            | 100 มิลลิลิตร จัดเป็นน้ำที่มีคุณภาพเสื่อมโทรมที่ไม่สามารถทำน้ำประปาได้ | 
            
          
            |   | 
            3. ด้านเกษตรกรรม  น้ำเสียที่มีความเป็นกรดหรือด่าง เกลืออนินทรีย์  หรือมี | 
            
          
            | สารพิษในปริมาณมากไม่ควรนำมาใช้ในการเลี้ยงสัตว์หรือเพาะปลูกเพราะจะทำให้ | 
            
          
            | ้สัตว์มีอาการเจ็บป่วยแคระแกร็น  หรือถ่ายทอดสารพิษที่สะสมไว้มาสู่มนุษย์ | 
            
          
            | ทำให้เกิดโรคต่าง  ๆ  | 
            
          
            |   | 
            4. ด้านการประมง  น้ำเสียจะเป็นสาเหตุที่ทำให้การแพร่พันธุ์ของสัตว์น้ำลดลง | 
            
          
            | เพราะตายจากสารพิษ  หรือขาดออกซิเจนหายใจ  จึงส่งผลกระทบต่อมนุษย์ที่เป็น | 
          
          
            | ผู้บริโภคสัตว์น้ำเหล่านี้เป็นอาหาร  จึงกล่าวได้ว่ามลพิษทางน้ำทำลายแหล่งอาหาร | 
          
          
            | ของมนุษย์  | 
          
          
            
  | 
            
          
            |   | 
            5. ด้านสิ่งแวดล้อม  น้ำเสียจะทำให้ระบบนิเวศของแหล่งน้ำเสียสมดุล เพราะพืช | 
            
          
            | และสัตว์อาจตายลงจากการได้รับสารมลพิษในน้ำ | 
            
          
            |   | 
            6. ด้านทัศนียภาพ  สภาพน้ำเน่าที่มีสีดำและส่งกลิ่นเหม็น  เป็นสิ่งทำลายความ | 
            
          
            | สวยงามของแหล่งน้ำที่ใช้ประโยชน์ในด้านการพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติ  ซึ่งทำให้ | 
            
          
            | แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศได้รับผลกระทบตามไปด้วย | 
            
          
            |   | 
            การควบคุมและป้องกันมลพิษทางน้ำ  สามารถดำเนินการได้หลายวิธีดังนี้คือ | 
            
          
            |   | 
            1. กำหนดค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำ  เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการควบคุมและรักษา | 
            
          
            | คุณภาพน้ำให้อยู่ในระดับที่ไม่เกิดอันตรายและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้าน | 
            
          
            | ต่าง  ๆ ได้ การวัดความสกปรกของน้ำเสีย  นิยมวัดด้วยค่าต่าง ๆ ต่อไปนี้ | 
            
          
            |   | 
            1.1 บีโอดี (BOD, Biochemical   Oxygen  Demand) เป็นการวัดปริมาณ | 
            
          
            | ออกซิเจนที่ใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์  ด้วยวิธีการทางชีวภาพในเวลา 5 วัน | 
            
          
            | ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส | 
            
          
            |   | 
            1.2 ซีโอดี  (COD, Chemical   Oxygen  Demand)  เป็นการวัดปริมาณ | 
            
          
            | ออกซิเจนที่ใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์  ด้วยวิธีการทางเคมี | 
            
          
            |   | 
            1.3 เอส เอส (SS,  Suspended  Solids) เป็นการวัดปริมาณของ | 
            
          
            | แข็งแขวนลอย | 
            
          
            |   | 
            1.4 ทีดีเอส  (TDS, Total    Dissolved  Solids)  เป็นการวัดปริมาณ | 
            
          
            | แบคทีเรียที่เกิดขึ้นจากการถ่ายสิ่งปฏิกูลต่าง  ๆ ลงสู่น้ำ | 
            
          
            |   | 
            1.5 ค่าโคลิฟอร์มแบคทีเรีย  (Coliform Bacteria) เป็นการวัดปริมาณี่ | 
            
          
            | แบคทีเรียทเกิดขึ้นจากการถ่ายสิ่งปฏิกูลต่าง  ๆ ลงสู่น้ำ | 
            
          
            2.  | 
            ดำเนินการควบคุมดูแลให้ผู้ประกอบการใช้ระบบบำบัดน้ำเสีย  เพื่อทำน้ำ | 
            
          
            | ให้สะอาดก่อนสู่แหล่งน้ำหรือสิ่งแวดล้อมใกล้เคียง  โดยรัฐบาลสนับสนุนการติดตั้ง | 
            
          
            | ระบบบำบัดน้ำเสียในโรงงานทั้งในด้านการติดตั้งและข้อมูลทางวิชาการ | 
            
          
            3.  | 
            มีการกำหนดมาตรฐานน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมและชุมชน  เพื่อใช้ | 
            
          
            | เป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำ  ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ | 
          
          
            | สิ่งแวดล้อมได้กำหนดให้ปฏิบัติดังรายละเอียดในตาราง | 
            
          
            มาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม               
                                         | 
            
          
             | 
            
          
            ประเภทและขนาดอาคารที่ต้องมีการควบคุมการระบายน้ำทิ้ง 
                             | 
            
          
            |                                            | 
            
          
            มาตรฐานการควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคาร  | 
            
          
            |                                            | 
            
          
            |   | 
            4. ให้การศึกษาแก่ประชาชน เพื่อปลูกจิตสำนึกที่ถูกต้องแก่คนในชุมชนที่อาศัยอยู่ | 
            
          
            | ริมฝั่งแม่น้ำให้รักและหวงแหนน้ำ  ซึ่งจะช่วยให้มีความร่วมมือในการรักษา | 
            
          
            | ความสะอาดและลดปริมาณสารปนเปื้อนลงในแหล่งน้ำได้ | 
            
          
            |   | 
            5. มีการตรวจสอบสภาพน้ำและแหล่งน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แก้ไขปัญหา | 
            
          
            | ที่พบได้ทันรวมทั้งมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำที่สำคัญ  ๆ  | 
            
          
            |   | 
            6. มีระบบกำจัดขยะมูลฝอยในแหล่งชุมชน เพื่อลดปริมาณขยะมูลฝอยที่ทิ้งสู่ | 
            
          
            | แหล่งน้ำโดยจัดถังขยะไว้ตามจุดต่าง  ๆ ที่สะดวกและมีปริมาณเพียงพอ มีการสร้างโรง | 
            
          
            | กำจัดขยะหรือนำขยะไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง  ๆ รวมทั้งสร้างระบบและระบายน้ำเสีย | 
            
          
            | ถังเก็บสิ่งโสโครกโรงกำจัดสิ่งโสโครก  และโรงทำความสะอาดน้ำในบริเวณที่มีคน | 
            
          
            | ในชุมชนหนาแน่น | 
            
          
            |   | 
            7. ให้การส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืน เพื่อลดปริมาณการให้ปุ๋ย  สารเคมี | 
            
          
            | หรือยาฆ่าแมลงที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำ  และเป็นการลดปริมาณขยะมูลฝอยประมาณ | 
            
          
            | อินทรีย์สารที่ทิ้งสู่แหล่งน้ำเพราะสามารถนำมาใช้เป็นปุ๋ยหมักได้ | 
            
          
            |   | 
            8. จัดให้มีการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี  เช่น การเพิ่มออกซิเจนในน้ำ  | 
            
          
            | ใช้แบคทีเรียพื้นเมืองชนิด  Acineto bacteria sp.TISTR 985และPseudomonas    | 
            
          
            | so TIS TR 984 เพื่อกำจัดคราบน้ำมันในน้ำทิ้ง  เพื่อให้น้ำทิ้งมาใช้ประโยชน์ได้อีก | 
            
          
            |   | 
            9. ใช้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ เพื่อกำหนดขึ้นเป็นเกณฑ์ให้ต้องปฏิบัติตาม | 
            
          
            | กฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางน้ำของประเทศไทยในปัจจุบัน  | 
            
          
            | ประกอบด้วย | 
            
          
            |   | 
            9.1 พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ  พ.ศ. 2535  | 
            
          
            | มาตราที่ 32 – 34, 55, 69 - 77 | 
            
          
            |   | 
            9.2 ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม เรื่องการกำหนด | 
            
          
            | มาตรฐาน  ควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด | 
            
          
            |   | 
            9.3 ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ 3  | 
            
          
            | (พ.ศ. 2539) เรื่อง  กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดประเภท | 
            
          
            | โรงงานอุตสาหกรรม  และนิคมอุตสาหกรรม | 
            
          
            |   | 
            9.4 ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ 4  | 
            
          
            | (พ.ศ. 2539) เรื่องกำหนดประเภทของโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม | 
            
          
            | เป็นแหล่งมลพิษที่จะต้องถูก ควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออก | 
            
          
            | สู่สิ่งแวดล้อม | 
            
          
            |   | 
            9.5 ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ 5  | 
            
          
            | (พ.ศ. 2539) เรื่อง  กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากดินจัดสรร | 
            
          
            |   | 
            9.6 ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ  ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2537) เรื่องกำหนด | 
            
          
            | มาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่ง | 
            
          
            |   | 
            9.7 ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ  ฉบับที่ 8(พ.ศ. 2537)เรื่องกำหนด | 
            
          
            | มาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน | 
            
          
            |   | 
            9.8 พระราชบัญญัติโรงงาน  พ.ศ. 2535 | 
          
          
            |   | 
            9.9 กฎกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2535) | 
          
          
            |   | 
            9.10 กฎกระทรวงอุตสาหกรรม  ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2535) | 
            
          
            |   | 
            9.11 ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม  ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2539) | 
            
          
            |   | 
            9.12              พระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2535 | 
            
          
            |   | 
            9.13 พระราชบัญญัติรักษาคลองรัตนโกสินทร์  ศก 121 และพระราชบัญญัติรักษา | 
            
          
            | คลอง  พ.ศ. 2483 | 
            
          
            |   | 
            9.14              พระราชบัญญัติรักษาคลองประปา พ.ศ. 2526 | 
            
          
            |   | 
            9.15 พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย  (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2535 | 
            
          
            |   | 
            9.16 พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง  ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2518 | 
            
          
            |   | 
            9.17 พระราชบัญญัติแร่  พ.ศ. 2510 | 
            
          
            |   | 
            9.18 พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้าน | 
            
          
            | เมือง  | 
            
          
            |   | 
            9.19ประกาศของกรมเจ้าท่าที่  419/2540 เรื่องกำหนดมาตรฐานควบคุมการ | 
            
          
            | ระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดประเภทโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม | 
            
          
            |   | 
              | 
              | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
              | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
              | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
              | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
              | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
              | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
              | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
              | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
              | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
              | 
              | 
          
          
            |   | 
              | 
              | 
              |