มลพิษของดิน
  มลพิษของดิน (Soil  pollution)  หรือดินเป็นพิษ  หมายถึง ดินที่มีคุณสมบัติ
ทางเคมี ฟิสิกส์และชีววิทยา เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมจากการปนเปื้อนด้วยสาร
มลพิษมากเกินขีดจำกัดทำให้ไม่เหมาะสมในการนำไปใช้ประโยชน์ จนเป็นอันตราย
ต่อสุขภาพ ตลอดจนการเจริญเติบโตของามนุษย์ พืช และสัตว์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
  ดินเป็นสสารที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ใน
การใช้เป็นที่อยู่อาศัย และเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญ เนื้อดินในภาวะปกติจะประกอบ
ด้วยอินทรียวัตถุ เช่น ซากพืช  ซากสัตว์  ที่เน่าเปื่อยผุพัง และมีความเปลี่ยนแปลง
อยู่ตลอดเวลาจากอิทธิพลของความชื้น กระแสลม กระแสน้ำ และการกระทำของมนุษย์
  ดินจะเป็นสารมลพิษที่ก่อให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศถ้ามีการฟุ้งกระจาย หรือ
เป็นสารมลพิษที่ทำให้เกิดมลพิษทางน้ำจากการชะล้างสารพิษในดินสู่แหล่งน้ำต่าง ๆ
และในทางกลับกัน ดินอาจเป็นแหล่งรองรับสารมลพิษต่าง ๆ จากอากาศ น้ำ มนุษย์
และกิจกรรมอุตสาหกรรม จากการที่ดินทำหน้าที่ดูดซับสารมลพิษต่าง ๆ ไว้ ซึ่งถ้ามี
สารมลพิษในปริมาณมากเกินไปจะทำให้เกิดปัญหามลพิษทางดินได้
  แหล่งกำเนิดมลพิษของดิน
  สารมลพิษของดินมีแหล่งกำเนิดมาจากกิจกรรมส่วนใหญ่ของมนุษย์ ดังต่อไปนี้คือ
 
1. ย่านชุมชน จากการทิ้งของเสียในชุมชน  ทิ้งของแข็ง ของเหลวและก๊าซในรูป
ของขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ทำให้เกิดความสกปรกในดิน รวมไปถึงน้ำ อากาศ และ
กลายเป็นแหล่งเพาะ เชื้อโรค ทำให้เกิดโรคระบาด ทำลาย ความสวยงามของสถาน
ที่แวดล้อม
  2. โรงงานอุตสาหกรรม  เป็นการปล่อยของเสียทั้งที่เป็นสารอินทรีย์  สารเคมี
โลหะหนัก สารกัมมันตรังสี และขยะมูลฝอย ทำให้เกิดการสะสมตกค้างของสารพิษ
และของเสียต่าง ๆ มลพิษทางดินจะมีระดับความรุนแรงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ
กระบวนการผลิต วิธีการผลิต และประเภทของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโรงงานอุตสาหกรรม
ในแต่ละประเภท
  3. ภาคการเกษตรกรรม  จากการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง หรือปุ๋ยเคมี เช่นี
ดีดีท พาราโธ ออน เอนดริน ดีลดริน มาใช้ในการประกอบการเพื่อเพิ่มผลผลิตของ
พืช ทำให้เกิดการตกค้างและสะสมสารพิษต่าง ๆ ในดิน
  4. จากแหล่งกำเนิดอื่น   ๆ เช่น การปลูกมันสำปะหลังซ้ำ ๆ หลายครั้งจะทำ
ให้ดินจืดและเป็นมลพิษของดิน การถมที่ดินให้สูงขึ้น โดยมีโลหะหนักปะปนอยู่ทำ
ให้มีการสะสมแร่ธาตุเหล่านี้ในดิน  หรือแม้แต่การอุจจาระเรี่ยราดในดินทำให้เป็น
การแพร่กระจายของเชื้อโรคต่าง ๆ และ หนอนพยาธิ
  ประเภทของสารมลพิษของดิน
  สารมลพิษของดินที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ มีดังนี้
  1. ปุ๋ยเคมี เป็นสารเคมีที่นำมาใช้ในการเพาะปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นแต่ถ้า
ใส่อย่างไม่มีความรู้  ไม่ถูกต้อง จะทำให้ดินเสื่อมโทรมและผลผลิตที่ได้รับจากดินนั้น
ลดต่ำลง เช่น
  1.1 ปุ๋ยฟอสฟอรัส ทำให้มีการตกค้างฟอสเฟตในดิน
  1.2 ปุ๋ยยูเรีย/ปุ๋ยแอมโมเนีย ทำให้ดินเป็นกรดมากขึ้น
  1.3 ปุ๋ยที่มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ ทำให้ลักษณะสมบัติทางกายภาพของดิน
เสื่อมลง
  1.4 ปุ๋ย N-P-K มีผลกระทบต่อการลดลงของกิจกรรมจุลินทรีย์ในดิน
2.
วัตถุมีพิษ มักเป็นสารเคมีที่ใช้ปราบศัตรูพืช เช่น ยาฆ่าแมลง ยาปราบวัชพืช
ยาฆ่ารารวมทั้งดีดีที ซึ่งย่อยสลายได้ช้า มีการสะสมตกค้างจากพืชที่ดูดซึมสารดัง
กล่าว และถ่ายทอดมาสู่คน ที่บริโภคพืชเหล่านี้ ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้
3.
โลหะหนัก มักปนเปื้อนมากับน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งดินจะสะสม
โลหะหนักเหล่านั้นไว้  โลหะหนักที่สะสมตกค้างในดิน เช่น ปรอท ตะกั่ว แคดเมียม
โครเมียม สังกะสี เป็นต้น
4.
ขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ดินบริเวณที่มีการทิ้งขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลมาก ๆ
ในลักษณะของการกองทิ้งสุมกันไว้ จะทำให้เกิดเน่าเหม็น มีน้ำโสโครกไหลออกมา
นองพื้นอันเป็นสาเหตุของเหตุรำคาญ และกลายเป็นที่อาศัยของแมลงและสัตวแทะ
์ต่าง ๆ ซี่งเป็นพาหนะนำโรค และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค
5.
สารกัมมันตรังสี  ที่รั่วไหลจากการทดลองหรือจากโรงงานอุตสาหกรรมและปะปน
สะสมในดิน จะถูกดูดซึมไปสะสมที่ใบและดอกของพืช ผ่านห่วงโซ่อาหารมาถึงมนุษย์
ซึ่งเป็นผู้บริโภคและทำให้เกิดโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง
  จะเห็นได้ว่าสารมลพิษของดินจะเป็นกลุ่มเดียวกับสารมลพิษทางอากาศและสาร
มลพิษทางน้ำ เนื่องจากดินมีคุณสมบัติในการดูดซึมสิ่งต่าง ๆ สารเคมี และสารพิษ
ต่าง ๆ จากอากาศและน้ำสู่ดิน
  อันตรายจากมลพิษของดิน
  สารพิษที่ตกค้างในดินจนทำให้เกิดมลพิษ จะก่อให้เกิดผลเสียในด้านต่าง ๆ คือ
1.
ด้านสุขภาพ  มลพิษของดินที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและหนอนพยาธิ ทำให้เป็น
แหล่งเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น ตัวอ่อนของพยาธิปากขอจะไชเข้าสู่ร่างกายทางหนังเท้า
ส่วนดินที่มีสารเคมี ปนเปื้อนจะทำให้เกิดโรคตามประเภทของสารพิษที่มีการสะสม
เช่น โรคอิไต – อิไต จากการปนเปื้อนของแคดเมียมโรคมินามาตะจากปรอท
โรคเมทฮีโมโกลบิน จากการสะสมไนโตรเจนในรูปไนเตรต โรคเลปโตสไปโรซีส 
โรคแอนแทรกซ์ที่สะสมในดินผ่านห่วงโซ่อาหารมาสู่คน
2.
ด้านสิ่งแวดล้อม  สารพิษที่ตกค้างในดินจะทำลายระบบนิเวศ ได้รับสารเอนดริน
และคลอเดนจะยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียทำให้กระบวนการสร้างไนเตรตในดิน
ได้รับความกระทบกระเทือน การใช้ยาฆ่าแมลงไม่ถูกหลักวิชาการทำให้ปริมาณแมลง
ที่เป็นประโยชน์ต่อพืช เช่น ตัวห้ำ  สูญหาย และส่งผลให้จำนวนผลิตผลลดลง ซึ่งเป็น
การเสียสมดุลในระบบนิเวศ นอกจากนี้การที่พืชดูดซึมสารมลพิษจากดินไป
สะสมในส่วนต่าง ๆ และถ่ายทอดไปยังมนุษย์ที่เป็นผู้บริโภคย่อมทำให้เกิดการเจ็บป่วย
จากสารพิษที่กินเข้าไปซึ่งในปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
3.
ด้านเศรษฐกิจ มลพิษของดินทำให้พืชเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ ถ้าเป็นดินที่มี
ขยะมูลฝอย ซึ่งไม่ย่อยสลายหรือย่อยสลายยาก เช่น เศษอิฐ  เศษแก้ว  พลาสติก
ทับถมอยู่  หรือการใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์มากเกินไป จะทำให้ดินเค็มไม่เหมาะกับการเพาะ
ปลูก ทำให้พืชผลที่ลงทุนไปแล้วเสียหายและเป็นสาเหตุของภาวะหนี้สินเกษตรกร
อันเป็นปัญหาสำคัญหนึ่งของประเทศและส่งผลต่อสุขภาพจิตของคนด้วย
4.
ด้านสังคม  มลพิษของดินที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและสุขภาพดังกล่าว
ทำให้เกิดการอพยพเคลื่อนย้ายคนจากภาคเกษตรกรรมมาสู่ภาคอุตสาหกรรมและ
บริการอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมในด้านต่าง ๆ เช่น เกิดชุมชนแออัด
แหล่งเสื่อมโทรมตามเมืองใหญ่ ๆ เนื่องจากเกษตรกรละทิ้งอาชีพเกษตรกรรม
ที่ทำแล้วได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่าและยังส่งผลให้เกิดปัญหาอาชญากรรม และ
ปัญหาการว่างงานด้วย
5.
ด้านการเมือง  พื้นที่ที่มีสารมลพิษของดินมากจนไม่สามารถใช้ประโยชน์ในเชิง
เศรษฐกิจได้ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีฐานะทางเศรษฐกิจตกต่ำ ยากจน มีหนี้สินล้นพ้นตัว
ซึ่งจัดเป็นความอ่อนแอทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมือง
ที่มีการชุมชนเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งยังเป็นโอกาสให้มีการ
แทรกแซงทางการเมืองที่ให้ความคาดหวังต่อคนในชุมชนว่าจะมีโอกาสที่ดีขึ้น
และนำไปสู่
  การควบคุมและป้องกันมลพิษของดิน
  1. การใช้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ แต่เป็นกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
เกี่ยวกับมลพิษทางอากาศและมลพิษทางน้ำที่ห้ามกระทำการใด ๆ อันก่อให้เกิด
มลพิษและตกตะกอนหรือสะสมในดิน ซึ่งเป็นการป้องกันปัญหาทางอ้อม
  2. นำวิธีการผลิตแบบยั่งยืนมาใช้ในภาคเกษตรกรรม ด้วยการใช้สารอินทรีย์มา
ทดแทนปุ๋ยและสารเคมีต่าง ๆ หรือลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีให้น้อยลง
เช่น การใช้มูลสัตว์ประเภทมูลวัว  มูลไก่  หรือมูลค้างคาวทดแทน หรือสลับกับการ
ใช้ปุ๋ยเคมีที่ทำให้ดินเสื่อมเร็ว ได้แก่
  2.1 การใช้น้ำสะเดาหมักกับข่าพ่นกำจัดแมลงแทนสารกำจัดแมลง
  2.2 การใช้รังสีทำให้แมลงตัวผู้เป็นหมัน
  2.3 การใช้แสงล่อแมลงแล้วนำไปทำลาย
  2.4 การใช้สารเคมีที่มีพิษน้อยกว่าทดแทน
3.
ปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพดิน ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียให้ธาตุอาหารในดิน
และไม่ต้องใช้สารเคมีเร่งการเจริญเติบโตมาก การปลูกพืชคลุมดิน พืชหมุนเวียน
หรือพืชแซมเป็นวิธีการช่วยให้ดินพ้นจากแรงกระทบของฝนและลม รวมทั้งไม่มีพื้น
ที่ว่างสำหรับการทิ้งขยะมูลฝอย
4.
ให้ความร่วมมือในการทิ้งสารมลพิษ ด้วยการทิ้งและกำจัดขยะมูลฝอยรวมทั้งสิ่ง
ปฏิกูลอย่างถูกสุขลักษณะทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารมลพิษต่าง ๆ
อย่างระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการใช้วัตถุที่ก่อให้เกิดมลพิษด้วยการใช้วัสดุทางิ
ธรรมชาตทดแทน หรือถ้าจำเป็นต้องใช้สารเคมีที่ทำให้เกิดมลพิษต้องศึกษาวิธีการ
ใช้ให้ถูกต้องตามรายละเอียด
วิธีการทำลายฤทธิ์ กำจัด ทิ้งหรือฝั่งสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว
   
   
       
       
       

 

8.1
  มลพิษทางน้ำ
8.2
  มลพิษของดิน
8.3
  มลพิษทางเสียง