การให้ปฏิบัติจริงเป็นวิธีการวัดผลที่เหมาะสำหรับการวัดพฤติกรรมที่เป็นทักษะภาคปฏิบัติ  เป็นการทดสอบเพื่อพิจารณาความสามารถในการทำงานได้ตามจุดมุ่งหมาย 
            การวัดผลภาคปฏิบัติกับความสามารถด้านทักษะพิสัยมีความสัมพันธ์กัน  เพราะทักษะพิสัยเป็นความสามารถพื้นฐานของการปฏิบัติงาน การวัดผลภาคปฏิบัติในการทำงานเป็นการที่จะตรวจสอบความสามารถในการดำเนินงานทั้งในส่วนที่เป็นวิธีการดำเนินงานและผลงานที่เกิดขึ้นว่าสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่  และทักษะสะท้อนให้เห็นได้จากผลงาน  ทักษะในการทำงานจึงเป็นคุณลักษณะที่เกิดจากความรู้ความคิดที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่สัมพันธ์กัน  การปฏิบัติงานจึงประกอบด้วย  2  ส่วน  คือ  การดำเนินงาน (Procedure) กับผลของงาน (Product) 
            ดังนั้นการให้การปฏิบัติจริงเป็นการวัดความสามารถที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทั้ง 3 ด้าน  คือพุทธิพิสัย  จิตพิสัย  และทักษะพิสัย  ซึ่งมีองค์ประกอบในการวัด มีดังนี้
            1. ผู้ปฏิบัติงาน  คือผู้แสดงผลงานและการกระทำ ซึ่งได้แก่ ผลผลิต หรือผลงานและวิธีการหรือการดำเนินงาน  หรือผลรวมของผลงานและวิธีการที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน
            2. งานที่กำหนดให้ปฏิบัติ  ลักษณะของงานขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการสอบวัด  ลักษณะของงานที่กำหนดให้เป็นสิ่งเร้าให้ผู้ถูกสอบวัดได้แสดงพฤติกรรมและผลงาน
            3. ผู้วัดหรือผู้ประเมิน  เป็นผู้สังเกตพฤติกรรมในการดำเนินงานและตรวจสอบผลงานซึ่งจะต้องกำหนดรายการในการตรวจสอบพฤติกรรมในการดำเนินงาน  ขั้นตอน  วิธีการ  และผลผลิตลงในแบบบันทึกผล
            จากองค์ประกอบในการวัดการพิจารณาการปฏิบัติงานจะต้องพิจารณาทั้งผลผลิตและวิธีการปฏิบัติ  ดังนี้
            การประเมินผลผลิต 
            ผลผลิตเป็นผลสุดท้ายที่ได้รับซึ่งจะต้องดูที่ปริมาณและคุณภาพของสิ่งนั้นว่าเป็นไปตามที่กำหนดหรือตามที่ได้วางมาตรฐานไว้หรือไม่  ควรพิจารณาในเรื่องต่อไปนี้
           1.  คุณภาพที่ดีของผลผลิตประกอบด้วยคุณสมบัติอะไรบ้าง
           2.  คุณสมบัติแต่ละอย่างที่ดีนั้นเป็นอย่างไร
           3.  ผลผลิตที่ได้  พิจารณาคุณค่าแต่ละด้านเป็นอย่างไร
            การประเมินวิธีการปฏิบัติ
            วิธีการปฏิบัติเป็นกระบวนการของการกระทำจากการปฏิบัติที่กำลังดำเนินการ  จะแสดงออกในรูปของขั้นตอนในการทำงานและการปฏิบัติงานในแต่ละขั้นตอนตามวิธีการนั้น ๆ   งานภาคปฏิบัติบางลักษณะ  ผลผลิตและการปฏิบัติจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันนั่นคือการทำงานชนิดนั้น ๆ ไม่มีผลผลิตตกค้างอยู่  ถ้าต้องการดูผลผลิตนั้นซ้ำจะต้องใช้การถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้  งานลักษณะนี้  ได้แก่  การร้องเพลง  การเต้นรำ  เป็นต้น  ดังนั้นในการประเมินวิธีการปฏิบัติจึงต้องพิจารณาวิธีการกระทำตั้งแต่เริ่มต้น และดูว่าการกระทำแต่ละขั้นตอนประสบความสำเร็จแค่ไหน  ต้องพิจารณาให้แก้ไขเป็นขั้น ๆ  ไป  รวมถึงการพิจารณาด้านจิตใจด้วย  ผู้ที่จะเป็นผู้ประเมินจะต้องกำหนดหลักการไว้ดังนี้
           1.  ศึกษาขั้นตอน  ลำดับขั้น  และวิธีการในการปฏิบัติงานที่จะประเมิน
           2.  ศึกษาว่าประสิทธิภาพของการทำงานในสิ่งที่จะประเมินนั้นหมายถึงอะไร  มีสภาพการดำเนินงานอย่างไร
           3. มีผลงานใดที่ปรากฏในแต่ละขั้น  ผลงานที่สำคัญคืออะไร
           4. ผู้ประเมินต้องมีประสบการณ์ในการที่จะพิจารณาพฤติกรรมของผู้ถูกประเมินและสามารถแปลความหมายของพฤติกรรมที่แสดงออกได้
           5. สามารถเปรียบเทียบผลจากการสังเกตในการปฏิบัติของผู้ถูกประเมินกับเกณฑ์มาตรฐานได้
           แนวทางในการเลือกสิ่งที่จะวัดและประเมินการให้ปฏิบัติจริง
           1. กำหนดวัตถุประสงค์ของงาน    จะต้องแจ้งให้เขารู้ว่าวัตถุประสงค์ของงานว่ามีวัตถุประสงค์อย่างไร  รวมไปถึงเวลาในการทำ  งบประมาณ  วัตถุดิบที่จะใช้  และผลผลิตที่ต้องการ
           2. กำหนดการดำเนินงาน  เป็นการกำหนดขั้นตอนที่จะปฏิบัติแต่ละขั้นตอนว่าเป็นอย่างไร 
           3. กำหนดเงื่อนไข  เป็นการกำหนดสถานการณ์ผู้ถูกประเมินจะต้องใช้ทักษะในทำนองเดียวกัน  เพราะจุดประสงค์ของการวัดเพื่อต้องการวัดความสามารถในการปฏิบัติภายในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่มุ่งไปสู่จุดหมายเดียวกัน
           4. กำหนดคุณลักษณะของสิ่งที่จะประเมินให้ชัดเจน
          
5. กำหนดแบบบันทึกและคู่มือในการประเมิน โดยในคู่มือการประเมินต้องระบุถึงจุดมุ่งหมายของงาน  คุณลักษณะที่จะประเมิน  ความหมายของคุณลักษณะ  รวมทั้งเกณฑ์ที่ใช้ในการให้คะแนนการประเมิน