|
|
|
ขั้นตอนของการเขียนรายงาน |
|
|
|
|
|
|
1. เลือกหัวข้อหรือเรื่องที่จะศึกษาค้นคว้า จัดเป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลกับความสำเร็จของการ |
ทำรายงาน ในกรณีที่เป็นหัวข้อซึ่งครูผู้สอนกำหนดเรื่องให้ นักศึกษาต้องยอมรับและพยายามสร้างความรู้สึกที่ดี |
กับหัวข้อนั้น เพื่อให้การศึกษาค้นคว้า เป็นไปอย่างราบรื่นและสำเร็จลุล่วงได้ |
|
2. สำรวจแหล่งความรู้และรวบรวมข้อมูล เมื่อได้หัวข้อหรือเรื่องที่จะศึกษาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ |
การสำรวจแหล่งความรู้ต่างๆ ที่จะใช้ประกอบการเขียนโดยการสืบค้นจากเครื่องมือช่วยค้นที่มีการจัดทำเพื่อ |
บริการและค้นคว้าข้อมูลที่มีการบันทึกไว้ |
|
3. กำหนดโครงเรื่องที่จะศึกษา เพื่อช่วยลำดับความคิดและเป็นกรอบในการเขียนเนื้อหาไม่ให้เกิด |
ความสับสน รวมทั้งเป็นภาพร่างของรายงานว่าจะมีรายละเอียดในหัวข้อใดบ้าง การวางโครงเรื่องที่ดีจะประกอบ |
ด้วยหัวข้อใหญ่และหัวข้อย่อย ซึ่งได้จากข้อมูลที่มีการสำรวจเบื้องต้น |
|
4. อ่านและจดบันทึกข้อมูล เป็นขั้นตอนของการเลือกข้อมูลที่ใช้ในรายงาน ซึ่งได้จากการรวบรวม |
ข้อมูลในข้อ 2 มาใช้โดยคัดเลือกเฉพาะเรื่องที่จะใช้ประกอบการเขียนตามหัวข้อต่างๆ ที่กำหนดไว้ในโครงเรื่อง |
ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนของการอ่านและการจดบันทึก โดยมีแนวทางดังนี้ |
|
|
การอ่าน |
|
|
เป็นกระบวนการหนึ่งที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าและเขียนรายงาน ซึ่งมีรายละเอียดที่ควรคำนึงเพื่อ |
เป็นแนวปฏิบัติ ดังนี้ |
|
|
1. กำหนดจุดมุ่งหมายในการอ่าน เช่น อ่านเพื่อหาความรู้พื้นฐาน อ่านเพื่อรวบรวมข้อมูล |
อ่านเพื่อหาแนวคิด อ่านเพื่อวิเคราะห์หรือวิจารณ์ |
|
|
2. เลือกวิธีการอ่านที่เหมาะสม เช่น การอ่านสำรวจ การอ่านข้าม การอ่านผ่าน |
การอ่านจับประเด็น การอ่านสรุปความ การอ่านวิเคราะห์ |
|
|
3. การบันทึกข้อมูล เป็นกระบวนการที่เกิดจากการอ่าน การฟัง หรือการสังเกต แล้วนำสาระ |
มาบันทึกเป็นเรื่องราวเพื่อเป็นเครื่องช่วยจำ ใช้ในการอ้างอิง หรือประกอบการเขียนงาน รวมทั้งเป็นเบาะแสใน |
การนำกลับมาศึกษารายละเอียดใหม่เมื่อต้องการ |
|
|
ประเภทของการบันทึก |
|
|
จัดแบ่งตามลักษณะในการรับสารที่ประกอบด้วยการฟัง การสังเกต และการอ่าน การจดบันทึก |
แต่ละประเภทจะมีรายละเอียดดังนี้ |
|
|
1. การบันทึกจากการฟัง เป็นการรวบรวมและจดบันทึกเรื่องที่ได้รับจากการฟังประเภทต่างๆ |
เช่น คำบรรยาย การประชุม การอภิปราย การสัมภาษณ์ เป็นต้น ซึ่งการฟังนี้อาจเป็นรายการสด ฟังจากแถบ |
บันทึกเสียง ม้วนวิดีทัศน์ เป็นต้น และทำการจดสาระสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการเขียนไว้โดยจัดเก็บอย่างเป็น |
ระบบเพื่อให้การค้นหาได้รวดเร็วเมื่อต้องนำมาใช้งาน |
|
|
2. การบันทึกจากการสังเกต เป็นการรวบรวมและจดบันทึกเรื่องราวที่ได้จากการพบเห็น |
ในชีวิตประจำวัน หรือในโอกาสพิเศษ เช่น การฝึกงาน การศึกษาดูงาน เป็นต้น การจดบันทึกประเภทนี้ต้อง |
ทำด้วย ความรอบคอบโดยบันทึกส่วนที่เป็นข้อเท็จจริง หากมีข้อมูลเป็นความคิดเห็นให้ระบุด้วยว่าเป็นความ |
คิดเห็นของผู้ใด ข้อมูลจากการบันทึกที่ได้ด้วยการสังเกตจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการศึกษาที่มีการทำซ้ำ |
เพราะมี ข้อมูลให้เปรียบเทียบด้านความแตกต่าง หรือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น |
|
|
3. การบันทึกจากการอ่าน เป็นการรวบรวมและจดบันทึกเรื่องราวที่ได้จากการอ่านในสื่อ |
บันทึกรูปแบบต่างๆ เช่น หนังสือ บทความในวารสาร จุลสาร กฤตภาค เป็นต้น การจัดบันทึกประเภทนี้ผู้อ่าน |
ควรจดเฉพาะสาระสำคัญไว้และจัดเก็บเป็นหมวดหมู่ เพื่อสะดวกในการนำกลับมาทบทวนหรือใช้ประกอบ |
การเขียน และการอ้างอิง |
|
|
วิธีการบันทึก |
|
|
การจดบันทึกจากรูปแบบต่างๆ มีหลักที่ควรปฏิบัติ คือ การกำหนดรูปแบบของการบันทึกข้อมูล |
ซึ่งควรใช้เป็นรูปแบบเดียวกันตลอด และจดเฉพาะสาระสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าและเขียน |
รายงาน ในการบันทึกข้อมูลควรใช้ในกระดาษที่มีขนาดเดียวกัน บัตรบันทึกที่นิยมใช้ทั่วไปจะมี 2 แบบ คือ |
ขนาด 4x6 นิ้ว หรือ 5x8 นิ้ว การใช้บัตรบันทึกที่มีขนาดเดียวกัน จะช่วยให้การจัดเรียงข้อมูลเป็นระเบียบและ |
สะดวกในการจัดเก็บ หากการบันทึกข้อมูลในบัตรบันทึกไม่พอในแผ่นเดียวให้บันทึกต่อในแผ่นที่ 2 แผ่นที่ 3 |
จนกว่าจะได้ข้อมูลที่ต้องการครบถ้วน จึงเย็บมุมรวมไว้เป็นชุดเดียวเพื่อไม่ให้ข้อมูลกระจัดกระจายข้อมูลที่มีใน |
บัตร-บันทึก นอกจากเป็นข้อมูลที่จะใช้ในการเขียนแล้วต้องมีรายละเอียดทางบรรณานุกรมและสถานที่จัดเก็บ |
เอกสารต้นฉบับ (เช่น เลขเรียกหนังสือ) เพื่อใช้สำหรับการกลับไปค้นหาตัวเล่มใหม่และต้องระบุเลขหน้าของ |
เนื้อหาที่ตีพิมพ์ในเอกสารด้วย |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|