ในระดับอายุที่แตกต่างกัน ความต้องการในการเล่นกีฬา และออกกำลังกายจะแตกต่างกันออกไปดังนี้
1. อายุ 1-4 ปี ต้องการการเล่นอย่างอิสระตลอดเวลา
2. อายุ 5-8 ปี ต้องการการเล่นแบบอิสระอย่างน้อยวันละ 4 ชั่วโมง ถ้าน้อยกว่านี้ความเจริญเติบโตจะผิดปกติไปกว่าที่ควรจะเป็นไปตามวัย
3. อายุ 9-11 ปี ต้องการเล่นกีฬาและออกกำลังกายกลางแจ้งวันละ 3 ชั่วโมง
4. อายุ 12-14 ปี ต้องการการเล่นกีฬาและออกกำลังกายกลางแจ้งวันละ 2 ชั่วโมง
5. อายุ 15-17 ปี ต้องการการเล่นกีฬาและออกกำลังกายกลางแจ้งวันละ 1 ชั่วโมง
6. อายุ 18-30 ปี ต้องการการเล่นกีฬาและออกกำลังกายกลางแจ้งที่หนักและใช้ความว่องไววันละ วันละ 1 ชั่วโมง
7. อายุ 31-50 ปี ไม่สามารถเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายที่หนักเหมือนวัย 18-30 ปี แต่ต้องการวันละ 1 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน
8. อายุ 51-70 ปี ต้องการการเล่นกีฬา และออกกำลังกายเบาๆ วันละ 1 ชั่วโมง
(กรมพลศึกษา สำนักพัฒนาการกีฬา สุขภาพและนันทนาการ,2545:5)
ในช่วงแต่ละวัยจะพบว่าความต้องการในการเล่นกีฬาและออกกำลังกายแตกต่างกันในช่วง 3 อายุแรก พบว่าเป็นช่วงของวัยเด็ก เด็กต้องการการเรียนรู้ทางด้านทรงตัว ท่าทางการนั่ง การยืน เคลื่อนไหวที่ถูกต้อง การประสานงานระหว่างมือ ตา เท้า การเคลื่อนไหวในเนื้อที่ต่างๆ เช่นที่แคบที่กว้าง การทำงานเป็นกลุ่มในหมู่เพื่อน ฉะนั้นลักษณะกิจกรรมการออกกำลังกายควรเป็นกิจกรรมฝึกใช้ความสัมพันธ์ของมือ สายตา เท้า กิจกรรมที่เล่นเป็นหมู่ และกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น วิ่งไล่จับ กายบริหาร เกมส์เบ็ดเตล็ด ว่ายน้ำ การกลิ้งบนพื้นยิมนาสติก เป็นต้น ทั้งนี้มีข้อควรระวัง คือ อันตรายที่อาจเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็กที่ขาดประสบการณ์ เด็กวัยนี้กระดูกยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ควรฝึกกิจกรรมที่แสดงถึงความอ่อนตัว คล่องตัว ไม่ใช้พลังหรือความแข็งแรงมากเกินไป และต้องระวังการออกกำลังกายมากเกินไป การใช้พลังงานมากเกินไปจนส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
ในช่วงวัยรุ่น -30 ปี ร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่ เคลื่อนไหวดี มีความแข็งแรง ความจำดีขึ้น ชอบแสดงออก สามารถเล่นกีฬาและออกกำลังกายที่เล่นเป็นทีม หรือเดี่ยวมีการแข่งขันต่อสู้ และใช้ทักษะได้ กิจกรรมที่มีความไว คล่องแคล่ว และทนทานได้ทุกชนิด แต่ในวัยรุ่นช่วงแรกต้องจำกัดด้านความอดทน และการต่อสู้ต้องไม่หนักและต้องระมัดระวังกีฬาที่โลดโผน เนื่องจากเป็นวัยที่คึกคะนองขาดการระมัดระวังต่ออันตราย
วัยหลัง 30 ปี ความแข็งแรงจะค่อยๆ ลดลงอย่างช้า ต้องระวังโรคของข้อต่อ และน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น การเล่นกีฬาและการออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหว เคลื่อนที่ไม่เร็วมากนัก ให้ความเพลิดเพลินส่งเสริมสมรรถภาพทางกาย ทางสังคม เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน กายบริหาร วิ่งเหยาะ การเต้นแอโรบิค หรือกิจกรรมกลุ่มอื่นๆ
วัยหลัง 50 ปี ขึ้นไป ความแข็งแรงจะลดลงอย่างรวดเร็ว กิจกรรมการเล่นกีฬาและออกกำลังกายต้องหลีกเลี่ยงกีฬาหนักใช้พลังความเร็วมาก การหดเกร็งมากๆ และค่อยๆ เบาลงเป็นลำดับตามสมรรถภาพของแต่ละบุคคล การเลือกเล่นกีฬาและออกกำลังกายควรยึดหลักปฏิบัติคือ กีฬาต้องไม่มีการปะทะ การเคลื่อนไหวไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่มีการออกแรงสูงสุดทันทีทันใดในช่วงเวลาสั้นๆ กีฬาควรควบคุมความหนักเบาได้ด้วยตนเอง และเป็นกีฬาที่มีผลต่อสมรรถทางกายด้านความอดทนของระบบไหลเวียนเลือด เป็นการเล่นแบบสนุกสนาน และไม่ฝืนเมื่อเกิดอาการผิดปกติ กิจกรรมที่เหมาะสม ได้แก่ ว่ายน้ำ จักรยาน กายบริหาร การเดิน วิ่งเหยาะ เป็นต้น
|